Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2707 คลื่นใต้น้ำซัดสาด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2707 คลื่นใต้น้ำซัดสาด

ตอนที่ 2707 คลื่นใต้น้ำซัดสาด

ผ่านไปสักพักจวินหวนก็สังเกตได้ว่าไม่เหมาะ ผลักตัวหลินสวินออก เนตรงามวูบไหว จ้องหลินสวินอย่างกินเลือดกินเนื้อแล้วเอ่ยว่า “รู้สึกอย่างไร”

หลินสวินอึ้งไป “นี่…”

ยังต้องสาธยายความรู้สึกที่กอดกันก่อนหน้านี้หรือ

จวินหวนยื่นมือไปหยิกแขนหลินสวิน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าถามว่าเจ้ากำลังจะได้เป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด รู้สึกอย่างไร”

ใบหน้างามของนางแดงเรื่อ ร้อนฉ่าอยู่บ้าง เพียงแต่ดูเผินๆ แล้วเยือกเย็นนัก

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอารมณ์ตื่นเต้นจึงกอดหลินสวินเสียใหญ่โต แต่เห็นได้ชัดว่าถูกเจ้าหนูคนนี้เอาเปรียบยกใหญ่!

“อ้อ ไม่รู้สึกอะไร”

หลินสวินเอ่ย

เดิมทีการเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดก็อยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว กลับเป็นแมวขาวลึกลับที่ได้พบบนฟ้าสูงหมื่นจั้งนั่นที่ทำให้เขาไม่ค่อยเข้าใจ

“ไป ไปกินเหล้ากัน”

จวินหวนดึงแขนเสื้อข้างหนึ่งของหลินสวินไว้พลางมุ่งหน้าเดินออกไปไกล

หลินสวินย่อมไม่ปฏิเสธ

เมืองเทพหมื่นยอดพลุกพล่านนัก ตามตรอกซอกซอยพบเห็นเงาร่างผู้ฝึกปราณเต็มไปหมด ทั้งร้านรวงจำพวกโรงน้ำชา โรงเตี๊ยมก็กระจายอยู่ทั่ว

เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้อาศัยเดิมในเมืองสร้างขึ้น

พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาทุกยุคทุกสมัย มีหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดคุ้มครองก็ไม่ต้องกังวลว่าจะประสบกับเภทภัยอะไร ดำเนินชีวิตอย่างไร้กังวล

เพียงแต่หากพวกเขาต้องการออกจากเมืองเทพหมื่นยอดไปยังโลกนอกทะเลหมื่นดารา กลับแทบไม่มีความหวังอะไร

เพราะในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ทะเลหมื่นดาราถูกพลังผนึกปกคลุม ตัดขาดจากโลกภายนอกมาตลอด

คราวนี้ก็เพราะรับผู้สืบทอด หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจึงตัดพลังผนึกให้คนจากโลกภายนอกเข้าออกได้ตามอิสระ

แต่เมื่อการทดสอบคัดเลือกผู้สืบทอดปิดฉากลง ภายหน้าทะเลหมื่นดาราก็จะเข้าสู่สภาวะตัดขาดจากโลกภายนอกอีกครั้ง

ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

หลินสวินกับจวินหวนดื่มเหล้าประจำเมืองเทพหมื่นยอด ‘ดรุณจรจรัล’

เป็นชื่อที่แปลกประหลาดนัก เหล้าแรงดุจอัคคี ประหนึ่งความผ่าเผยของเด็กหนุ่ม รสชาติไม่เหมือนใคร

“ศิษย์พี่ เฒ่าชราพวกนั้นต้องไม่รามือเท่านี้แน่ ข้ากังวลว่าตอนท่านออกจากทะเลหมื่นดาราพวกเขาจะลงมืออย่างหนัก”

หลังจากดื่มเหล้าไปสามรอบ หลินสวินก็เอ่ยความกังวลใจออกมาอย่างอดไม่ได้อีกต่อไป

เขาเข้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ย่อมไร้กังวลในเรื่องนี้ แต่จวินหวนต้องจากไป ด้วยนิสัยของยักษ์ใหญ่อมตะพวกนั้นจะต้องไม่พลาดโอกาสสังหารจวินหวนครั้งนี้แน่

“อย่ากังวลเลย ในเมื่อข้ากล้ามากับเจ้า ย่อมมั่นใจว่าจะรับมือกับอันตรายทั้งหมดได้” จวินหวนยิ้มเอ่ย ใบหน้าขาวสะอาดงามลออของนางแดงขึ้น ดวงตางามฉ่ำเยิ้ม เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน

เมามายเช่นนี้ งามสง่าไปอีกแบบ

แต่หลินสวินกลับไม่มีใจชื่นชม เอ่ยว่า “ข้าไปขอผู้อาวุโสฟางเต้าผิงดูว่าจะให้ความช่วยเหลือศิษย์พี่ได้บ้างหรือไม่ดีไหม”

จวินหวนเยาะ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะดูถูกศิษย์พี่เจ้าคนนี้ไปแล้วกระมัง ที่นี่คือน่านฟ้าที่เจ็ด ไม่ใช่น่านฟ้าที่แปดเสียหน่อย ไม่ต้องพูดถึง ‘ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง’ ด้วยมรรควิถีของข้าจะฆ่าคนในระดับเดียวกันพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด”

หลินสวินกำลังจะพูดอะไร จวินหวนก็ยกจอกแล้วเอ่ยว่า “เลิกบ่นสักที มาดื่มเหล้ากัน!”

ความองอาจเช่นนั้นมิด้อยกว่าบุรุษ

หลินสวินรำพึงในใจ ไม่พูดอะไรอีก สลัดความคิดฟุ้งซ่านร่วมดื่มกับจวินหวน

จนกระทั่งฟ้าสว่าง จวินหวนพ่นลมหายใจยาวๆ ความเมาในดวงตางามมลายไปในชั่วพริบตา

“ศิษย์น้องเล็ก ถ้าภายหน้าเจอเรื่องวุ่นวายที่รับมือยาก ใช้ม้วนหยกนี้ติดต่อข้ามาก็พอ” นางส่งม้วนหยกที่สร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์ประหลาดม้วนหนึ่งให้หลินสวิน

“ศิษย์พี่ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากให้ท่านช่วย” หลังจากหลินสวินรับม้วนหยกมาก็เอ่ยขึ้นอย่างลังเล

จวินหวนพูดเย้าแหย่ “โห นี่ยังไม่ทันแยกกันก็เริ่มมาขอให้ข้าช่วยแล้ว ว่ามาเถอะ เรื่องอะไรกันแน่ถึงทำให้ศิษย์น้องเล็กพะวงใจเช่นนี้”

หลินสวินเอ่ย “ศิษย์พี่ ข้าเป็นห่วงพวกท่านลู่ ท่านตา ท่านลุงอยู่บ้าง…”

จวินหวนเข้าใจทันที

ตอนนี้เรื่องที่หลินสวินครอบครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินแดงขึ้นมาแล้ว ศัตรูพวกนั้นอาจจะทำอะไรหลินสวินไม่ได้ แต่ไม่มีทางปล่อยตระกูลลั่วไปอย่างแน่นอน!

ขอเพียงบีบตระกูลลั่วได้ ก็ข่มขู่หลินสวินได้มากยิ่ง

“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง”

จวินหวนรับปาก และออกจากเมืองเทพหมื่นยอดไปในวันนั้น

หลินสวินไปส่งด้วยตัวเอง หลังมองส่งเงาร่างสูงโปร่งเด่นสง่านั้นของจวินหวนจนลับตา เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง รำพึงในใจว่า ‘ศิษย์พี่ รักษาตัวด้วย…’

ในวันนี้ เหล่าผู้ฝึกปราณที่มาจากโลกภายนอกต่างเริ่มเดินทางออกจากเมืองเทพหมื่นยอดไปยังนอกทะเลหมื่นดารา

เพราะหากยังไม่ไปอีก อีกสามวันทะเลหมื่นดาราก็จะตัดขาดโดยสิ้นเชิง ถึงตอนนั้นต่อให้อยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว

ส่วนพวกหลินสวินทั้งสิบสี่คนก็มารวมตัวอยู่ในวังกระบี่หมื่นยอด รอคอยอยู่นาน

“ผู้อาวุโสเซียว ผู้อาวุโสหลี ผู้อาวุโสตงหวง พวกเจ้าสามคนอยู่จัดการปัญหา ถ้าพบว่ามีคนลงมือในทะเลหมื่นดารา ต้องไปยับยั้งทันที”

ฟางเต้าผิงกำชับว่า “อีกอย่าง ถ้าพบว่าคนนอกพยายามอยู่ที่นี่ ให้ขับพวกเขาออกไปก็พอ ไม่ต้องทำให้บาดเจ็บถึงชีวิต”

“ขอรับ”

เซียวเหวินหยวน หลีเจินและตงหวงชิงต่างรับคำสั่ง

“พวกเจ้าเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม”

สายตาฟางเต้าผิงมองพวกหลินสวินทั้งสิบสี่คน

ทุกคนต่างพยักหน้า

ฟางเต้าผิงไม่ร่ำไรอีกต่อไป เมื่อสะบัดแขนเสื้อ เพียงพริบตาเท่านั้นเงาร่างของเขากับพวกหลินสวินก็หายลับไปกลางอากาศ

ทันทีที่พวกเขาจากไป ตงหวงชิงก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประสานมือเอ่ยกับเซียวเหวินหยวนและหลีเจินว่า

“ทั้งสองท่าน คิดว่าพวกเจ้าย่อมรู้ดีว่ามีหลายคนไม่อยากเห็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจวินหวนคนนั้นรอดออกไป ไม่ทราบว่าทั้งสองจะไว้หน้า ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ได้หรือไม่”

“ตระกูลตงหวงของข้ากับสหายน่านฟ้าที่แปดคนอื่นย่อมไม่มีทางให้ทั้งสองท่านช่วยเปล่าๆ!”

พูดจบก็โค้งคำนับ

เซียวเหวินหยวนอึ้งไป สายตามองหลีเจิน หลีเจินเอ่ยเย็นชาว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องไว้หน้าหรือไม่ไว้หน้า แต่เป็นเรื่องว่ากระทำการตามกฎหรือไม่”

พูดจบเขาไม่มองตงหวงชิงที่โค้งคำนับแม้สักครั้งก็ตรงออกไปจากวังกระบี่หมื่นยอด

ใบหน้าชราของตงหวงชิงปรากฏแววอึมครึม เก็บกลั้นความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ พูดว่า “นิสัยใจคอของหลีเจินผู้นี้ยากแก้ไขจริงๆ ทั้งแย่ทั้งรั้น มิน่าเล่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ป่านนี้ยังเป็นได้แค่ผู้อาวุโสคนหนึ่ง ฟางเต้าผิงที่เข้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดมาพร้อมเขา ตอนนี้เป็นรองหัวหน้าหอไปแล้ว”

พูดจบสายตาเขาก็มองไปยังเซียวเหวินหยวน เอ่ยว่า “พี่เซียว เจ้าคงไม่เหมือนกับหลีเจินใช่ไหม”

เซียวเหวินหยวนถอนใจยาวพูดว่า “ผู้อาวุโสหลีเผยท่าทีออกมาแล้ว ถ้าข้าคล้อยตามผู้อาวุโสตงหวงอีก สุดท้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ข้าเห็นว่าพวกเราทำตามกฎจะดีที่สุด”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

ตงหวงชิงสีหน้ายิ่งอึมครึม ในใจลอบเอ่ย ‘หลีเจินนิสัยแย่ ใครๆ ก็รู้ แต่เจ้าเซียวเหวินหยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน!”

นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ตงหวงชิงหยิบหยกประดับออกมาแล้วขยี้แหลก เอ่ยว่า “บอกพวกเขาว่าหลังออกจากทะเลหมื่นดาราค่อยลงมือ”

วันนั้นศึกใหญ่ปะทุขึ้นที่นอกทะเลหมื่นดารา สร้างความตื่นตะลึงให้ผู้คนที่จับจ้องนับไม่ถ้วน

แต่เวลาผ่านไปไม่นาน การต่อสู้ก็ปิดฉากลง

ข่าวหลังจากนั้นกล่าวว่า ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจวินหวนที่ถูกล้อม ฟันระดับอมตะขั้นดับเทพฉีทิงจื่อจนได้รับบาดเจ็บ และแหวกการล้อมโจมตีจากไป

เมื่อเรื่องนี้กระจายออกไปก็สะเทือนไปทั้งใต้หล้า

……

แดนแรกเริ่ม

แดนลับที่สร้างขึ้นในส่วนลึกของทะเลหมื่นดาราแห่งหนึ่ง

แทนที่จะบอกว่าเป็นแดนลับ ความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับโลกใหญ่อันไพศาลแห่งหนึ่ง เหนือกว่าสิบสองถ้ำสวรรค์ในน่านฟ้าที่เจ็ดไปมาก

เรือนมรรคกลาง

ศูนย์กลางสำคัญของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

ยามนี้ผู้นำเก้ายอดเขาใหญ่ล้วนรวมตัวกันที่หน้าเรือนมรรคกลาง

“ข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าหลินสวินที่เอาชนะลี่จงหย่วนผู้สืบทอดแกนหลักยอดเขาที่สองของข้าได้จะเป็นคนอย่างไรกันแน่!”

ผู้นำยอดเขาที่สองอวิ๋นเทียนหมิงเอ่ยปากเย็นชา เขาสวมชุดขาวทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลา เครายาวปลิวไหว ยืนไพล่หลังอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายน่าเกรงขาม

ทุกคนสีหน้าแตกต่างกันไป

เรื่องที่เกิดขึ้นในการทดสอบสามรอบถูกพวกเขาล่วงรู้หมดแล้ว ย่อมรู้ชัดว่าในบรรดาผู้สืบทอดสิบสี่คนที่เข้าลัทธิแรกกำเนิดคราวนี้ หลินสวินเตะตาที่สุด

แต่ฐานะของเขาก็พิเศษสุดเช่นเดียวกัน เป็นทั้งผู้สืบทอดคีรีดวงกมลและทายาทของลั่วทงเทียน เรื่องนี้ทั้งเป็นที่ถกเถียงและสร้างความวุ่นวายให้ภายในลัทธิแรกกำเนิดอย่างที่สุด

“พูดเช่นนี้ เจ้าไม่อยากให้หลินสวินคนนี้เข้าฝึกปราณที่ยอดเขาที่สองหรือ”

ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยถาม เขาท่วงท่าดุจเซียน ผมและเคราล้วนเป็นสีขาว ใบหน้าเมตตายิ้มแย้ม พาให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอาบลมวสันต์

เยวี่ยอู๋โฉว!

ผู้นำยอดเขาที่หนึ่ง เฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นดับเทพผู้หนึ่ง

“ข้าไม่ได้พูดเช่นนี้เสียหน่อย”

อวิ๋นเทียนหมิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “กลับกัน ข้าอยากได้คนหนุ่มสะท้านโลกเช่นนี้นัก ถ้ายอดเขาที่สองมีเขาอยู่ ยามถกมรรคเก้ายอดเขาในภายหน้าต้องแสดงความสามารถอัศจรรย์แน่”

ได้ยินดังนั้นก็มีคนอดพูดไม่ได้ว่า “พี่เทียนหมิง ตามที่ข้ารู้มา ในการทดสอบรอบแรกเจ้าหมอนี่สร้างความอับอายให้กับอวิ๋นมู่เจอเหลนของเจ้าผู้นั้นอย่างที่สุด ส่วนจิตมรรคของลี่จงหย่วนก็เกือบถูกเจ้าหมอนี่ทำลาย ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เจ้ายังไม่เอาความได้หรือ”

ผู้ที่เอ่ยปากสวมชุดเขียวทั้งตัว ดุจชายหนุ่มหล่อเหลา เป็นผู้นำยอดเขาที่สามหนานป๋อหง

อวิ๋นเทียนหมิงนิ่วหน้าเอ่ยว่า “ถ้ายอดเขาที่สองใช้ประโยชน์ได้ ข้าจะไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ทำไม”

คนไม่น้อยต่างเผยสีหน้าไม่เห็นด้วย

แม้พูดเช่นนี้ แต่ใครกล้ารับรองว่าเจ้าจะรับหลินสวินเข้ายอดเขาที่สองเพราะมีความคิดชั่วร้ายอะไรหรือไม่

“ตามความเห็นข้า เป็นไปได้สูงยิ่งว่าเจ้าหมอนี่จะเลือกยอดเขาที่หนึ่ง ถึงอย่างไรว่าด้วยศักยภาพแล้ว ยอดเขาที่หนึ่งอยู่ที่หนึ่งมาตลอด ว่าด้วยรากฐานพลังก็แข็งแกร่งที่สุดในเก้ายอดเขา”

มีคนเอ่ยเสียงขรึม

กลับพบว่าเยวี่ยอู๋โฉวส่ายหัวเอ่ยถอนใจ “แม้ข้าต้องการให้เจ้าหนุ่มนี่เลือกยอดเขาที่หนึ่ง แต่ก็ไม่อยากให้ความยุ่งยากที่ติดตัวเขามาเหล่านั้นตามมาด้วย ในใจทุกท่านย่อมใคร่ครวญไตร่ตรองมานานแล้ว ข้าเองก็ขอกล่าวตามตรงอย่างไม่ปิดบัง ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะเข้ายอดเขาไหนในเก้ายอดเขา จะต้องเกิดหายนะขึ้นไม่น้อย ข้าไม่อยากติดร่างแหในคลื่นลมนี้”

นี่เท่ากับแสดงจุดยืนแล้ว

คนอื่นสบตากันครั้งหนึ่ง ในใจต่างรู้ดีว่าเยวี่ยอู๋โฉวอาจไม่อยากติดไปในคลื่นลมด้วย แต่ยอดเขาที่หนึ่งของเขาย่อมไม่อาจวางตัวไม่เกี่ยวข้องได้

ใครไม่รู้บ้างว่าพวกร้ายกาจไม่น้อยในยอดเขาที่หนึ่งมาจากน่านฟ้าที่แปด

แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็อาจมีอยู่ในยอดเขาอื่นไม่มากก็น้อย

สรุปแล้วในใจของคนใหญ่คนโตเก้ายอดเขาเหล่านี้ต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง และความคิดเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นรอบตัวหลินสวินที่กำลังจะมาถึงทั้งนั้น!

ใครจะคาดคิดว่าภายหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจะเกิดคลื่นใต้น้ำ เรื่องพิสดารถาโถมเพราะการมาเยือนของชายหนุ่มผู้นี้

ก็ในตอนนี้เอง วงคลื่นระลอกหนึ่งอุบัติขึ้นในห้วงอากาศไกลออกไป จากนั้นเงาร่างของฟางเต้าผิงกับพวกหลินสวินก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท