Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2717 ตัวแปรที่คาดไม่ถึง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2717 ตัวแปรที่คาดไม่ถึง

ตอนที่ 2717 ตัวแปรที่คาดไม่ถึง

ฉินอู๋อวี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก

กระบี่นี้ของหลินสวินทำให้เขาอึ้งงันเช่นกัน แต่ที่สำคัญกว่าคือ ในการประลองครั้งนี้หลินสวินชนะอย่างสวยงามเกินไปจริงๆ

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!

‘เสียดายก็แต่เสิ่นไจ้เต้าคนนี้ ถูกคนผลักออกมาเป็นหนังหน้าไฟ ตอนนี้แม้แต่สภาวะจิตก็เกิดปัญหา หากไม่สามารถฟื้นฟูสภาวะจิตได้ ชาตินี้คงไม่มีหวังแจ้งมรรคอมตะได้อีก’

เขาลอบถอนหายใจ

เสิ่นไจ้เต้าไม่ถึงกับน่าชิงชังเท่าไหร่ ที่น่าชิงชังคือคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง!

คิดถึงตรงนี้เขาอดมองเยวี่ยอู๋โฉวที่อยู่ไกลๆ ไม่ได้ เจ้าเฒ่านี่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับปัญหามาโดยตลอด ท่าทีเป็นกลาง ครั้งนี้ให้เสิ่นไจ้เต้ามาลงน้ำขุ่นเช่นนี้ได้อย่างไร

เยวี่ยอู๋โฉวที่อยู่ไกลๆ สีหน้าอึมครึมนัก ไม่รู้ว่าเพราะโมโหในความพ่ายแพ้ของเสิ่นไจ้เต้า หรือเพราะโกรธในเรื่องอื่น

“จวงซื่อหลิว เรื่องในครั้งนี้ข้าต้องการคำอธิบายจากเจ้า!”

สายตาของเยวี่ยอู๋โฉวมองไปยังจวงซื่อหลิวอย่างเย็นเยียบ

อีกฝ่ายสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด กล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้…”

เยวี่ยอู๋โฉวแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ไม่สนใจเขาอีก พาเสิ่นไจ้เต้าจากไป หายไปนอกลานมรรคสำแดงสวรรค์

เห็นเช่นนี้สายตาของเหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ในที่นี้ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

และฉินอู๋อวี้ถึงเพิ่งจะดูออกรางๆ ในยามนี้ ว่าเรื่องที่เสิ่นไจ้เต้าเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ผู้นำยอดเขาที่หนึ่งอย่างเยวี่ยอู๋โฉวก็ไม่รับรู้!

นี่ทำให้ในใจเขาหนาวเยือกขึ้นมา

กล้าทำเช่นนี้ จะต้องฐานะที่ไม่เกรงกลัวเยวี่ยอู๋โฉวแน่!

เพียงแต่ใครกันแน่ที่บงการเรื่องทั้งหมดนี้

จวงซื่อหลิว?

เป็นไปไม่ได้ ฐานะของเขาไม่เพียงพอ

ฉินอู๋อวี้จมสู่ห้วงความคิด

“ศิษย์น้องหลินสวินชนะแล้ว!”

ตอนนี้ผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกฉินรั่วหลิง เย่ฉุนจวินเองก็ตื่นเต้นมาก ดวงตาเป็นประกาย

ครั้นมองผู้สืบทอดยอดเขาอื่นๆ แต่ละคนประหลาดใจไม่สามารถสงบได้ ราวกับฝูงนกที่ตื่นตกใจ

บนแท่นทดสอบ จวงซื่อหลิวสีหน้าอึมครึมยิ่ง คำพูดด้วยความเดือดดาลของเยวี่ยอู๋โฉวก่อนจากไป ทำให้เขาตระหนักได้ว่าหากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจกับอีกฝ่ายได้ ก็เท่ากับตนล่วงเกินผู้นำยอดเขาที่หนึ่งอย่างสิ้นเชิง

‘เพราะเจ้าเดรัจฉานคนนี้คนเดียว!’

สายตาของจวงซื่อหลิวมองไปยังหลินสวิน ลอบกัดฟัน

และก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินเคลื่อนสายตามองจวงซื่อหลิวเช่นกัน กล่าวว่า “ผู้ดูแลจวง จะเริ่มการประลองรอบที่สองเถอะ อย่าทำให้ทุกคนเสียเวลาอีก”

คำพูดสบายๆ แต่กลับเหมือนท้าทายอ้อมๆ จวงซื่อหลิวสูดหายใจลึกคราหนึ่ง นึกถึงปีศาจเย้ยฟ้าที่จะเข้าสู่สนามในรอบที่สอง ในใจก็อดฮึกเหิมไม่ได้

“รอบที่สอง เฟิงซีซีผู้สืบทอดแกนหลักยอดเขาที่สองเข้าสู่สนาม”

จวงซื่อหลิวเอ่ยเสียงขรึม

เฟิงซีซี!

ทั่วลานฮือฮาโดยสิ้นเชิง หลายคนเผยความประหลาดใจออกมา

“ไม่ใช่บอกว่านางถูกหอแรกนภาเลือกแล้ว กำลังจะกลายเป็นผู้สืบทอดหอแรกนภาหรือ”

“นั่นมันเรื่องของเดือนหน้า ก่อนหน้านั้นนางยังเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของยอดเขาที่สอง มีสิทธิ์เข้าร่วมการประลองนี้”

“คิดไม่ถึงว่าแม้แต่นางก็เข้าร่วมด้วย…”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ผู้สืบทอดแกนหลักเก้ายอดเขามากมายไม่สามารถสงบได้

เฟิงซีซี

ปีศาจเย้ยฟ้าที่กดระดับปราณของตนมาพันปีเศษ ผู้สืบทอดแกนหลักซึ่งอยู่อันดับสองของการถกมรรคเก้ายอดเขาครั้งก่อน!

เมื่อสิ้นเสียงจวงซื่อหลิว หญิงรูปร่างสูงเพรียวยิ่งคนหนึ่งปรากฏตัวในลานมรรคสำแดงสวรรค์

นางสวมชุดยุทธ์สีดำ ผมยาวดำสนิทรวบเป็นหางม้า เผยลำคอระหงที่ขาวดั่งหิมะ ดวงหน้ารูปไข่งดงามบริสุทธิ์ ดวงตาทั้งคู่เรืองรองราวกับดวงดารา

โดยเฉพาะขาเรียวคู่นั้น เรียวยาวเหยียดตรง ยืนเฉยๆ ยังองอาจสง่างาม มีบรรยากาศเย่อหยิ่งที่ทำให้บุรุษยังรู้สึกสู้ไม่ได้

เห็นว่าเป็นนางที่ปรากฏตัวจริงๆ ทั่วบริเวณยิ่งฮือฮา

ชื่อเสียง รากฐาน และมรรควิถีของเฟิงซีซี เหนือกว่าลี่จงหย่วนและเสิ่นไจ้เต้า

ข่าวลือมากมายบอกว่า เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนเฟิงซีซีก็มีน่าจะก้าวสู่มรรคาอมตะได้แล้ว แต่นางกลับกดไว้

เหตุผลก็คือ เส้นทางที่จะทะลวงนั่น นางยังไม่พอใจ!

นางยินยอมรอไปก่อน แม้ต้องกดข่มมรรควิถีของตนก็ไม่คิดจะทะลวงขึ้นไปเช่นนี้

จากเรื่องนี้สามารถดูออกว่าความห้าวหาญและเจตจำนงของเฟิงซีซียิ่งใหญ่เพียงใด!

‘เหตุใดนางก็เข้าร่วมด้วย…’

ฉินอู๋อวี้สีหน้าอึมครึม

หากบอกว่าเสิ่นไจ้เต้าเป็นเรื่องไม่คาดคิด การปรากฏตัวของเฟิงซีซียิ่งเป็นเรื่องไม่คาดฝัน

เพราะในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ใครก็รู้ว่าเฟิงซีซีลุ่มหลงในมรรค ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใด

แต่ตอนนี้เฟิงซีซีกลับมาปรากฏตัวที่นี่

สายตาของฉินอู๋อวี้มองไปยังจวงซื่อหลิว ในดวงตาอีกฝ่ายแฝงความได้ใจเสี้ยวหนึ่งรางๆ เห็นชัดว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการควบคุมของเขา

“เสิ่นไจ้เต้าอยู่ในห้าอันดับแรกของศิษย์แกนหลักเก้ายอดเขา ส่วนเฟิงซีซีอยู่อันดับที่สองตั้งแต่งานถกมรรคเก้ายอดเขาครั้งก่อนแล้ว การจัดแจงเช่นนี้เห็นชัดว่าจงใจเล่นงานศิษย์น้องหลินสวิน ไม่คิดจะให้โอกาสเขากลายเป็นศิษย์แกนหลัก”

สีหน้าของพวกฉินรั่วหลิงไม่น่าดูอยู่บ้าง

ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนก็สามารถมองการจัดแจงเช่นนี้ออก

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่เข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์แกนหลักเหมือนหลินสวินไม่เคยถูกเล่นงานเช่นนี้มาก่อน

ลองคิดดูว่าห้าอันดับแรกของผู้สืบทอดแกนหลักเก้ายอดเขาออกโรงเพียงเพื่อเล่นงานคนใหม่คนหนึ่ง นี่ไม่เรียกว่ารังแกกันหรือ

ไม่ยุติธรรม!

ชั่วขณะนี้แม้แค่ศิษย์สืบทอดแท้จริงและศิษย์แกนหลักเก้ายอดเขาเหล่านั้น ต่างตระหนักได้ว่าการทดสอบเช่นนี้ผิดปกติ เป็นการจงใจเล่นงานหลินสวิน

ความจริงนี่ดูเหมือนไม่ผิดกฎของลัทธิแรกกำเนิด แต่ภาพเช่นนี้กลับทำให้คนเกิดความขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้

ครั้งนี้สามารถเล่นงานหลินสวินได้

ครั้งต่อไปจะไม่เล่นงานคนอื่นๆ หรือ

การทดสอบเลื่อนขั้นครั้งหนึ่ง กลับกลายเป็นโอกาสให้หอแรกพิสุทธิ์เล่นงานหลินสวิน นี่จะไม่ให้ผู้อื่นหนาวสะท้านในใจได้อย่างไร

จริงอยู่ว่าในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดมีคนมากมายที่มองหลินสวินเป็นศัตรู แต่ในนี้ก็มีหลายคนที่ไม่มีความแค้นกับหลินสวิน

เมื่อเห็นว่าหลินสวินถูกเล่นงานอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่พอใจมาก

แม้ตอนนี้ไม่มีคนออกมาทวงความยุติธรรม พูดเข้าข้างหลินสวิน แต่เหล่าคนใหญ่คนโตในที่นี้กลับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศอย่างฉับไว

การจัดการทดสอบเช่นนี้ เห็นชัดว่าทำให้ผู้คนเดือดดาล!

นี่เป็นเรื่องใหญ่

หากผู้สืบทอดเหล่านี้ล้วนรู้สึกไม่เป็นธรรม ทวงหาความยุติธรรมให้กับสิ่งที่หลินสวินประสบ ชื่อเสียงที่หอแรกพิสุทธิ์สั่งสมมาต้องถูกโจมตีแน่

และจวงซื่อหลิวในฐานะผู้ดูแลการทดสอบครั้งนี้… เกรงว่าคงกลายเป็นเครื่องสังเวยดับโทสะของผู้คน!

คิดถึงตรงนี้ยามคนใหญ่คนโตเหล่านั้นมองไปยังจวงซื่อหลิว ในดวงตาล้วนแฝงแววเวทนาขึ้นมา

จวงซื่อหลิวไม่ได้โง่ จะสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไม่ได้ได้อย่างไร หัวใจเขาหล่นวูบเช่นกัน แต่เขาไม่ได้กังวล ขอเพียงสามารถขวางหลินสวินไม่ให้กลายเป็นศิษย์แกนหลักในการทดสอบครั้งนี้ ต่อให้จะถูกลงโทษไปบ้าง เชื่อว่าย่อมมีคนออกหน้าช่วยเขา

“การประลองเริ่มแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ลงมือ” จวงซื่อหลิวตวาด

หลังจากเฟิงซีซีเข้าสู่ลานมรรคก็ไม่ได้ลงมือในทันที แต่ยืนอยู่ตรงนั้น สบตากับหลินสวินโดยไม่ได้ลงมือ

ตอนนี้เองผู้คนก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเฟิงซีซีเช่นกัน อดประหลาดใจไม่ได้

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

หลินสวินเองก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน สำหรับเขา เฟิงซีซีที่อยู่ตรงหน้าเรียกได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ กลิ่นอายแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ทำให้เขาเองยังรู้สึกกดดันอยู่บ้าง

เพียงแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดจะลงมือ

และตอนนี้ด้วยการเร่งเร้าของจวงซื่อหลิว ทำให้เฟิงซีซีมีปฏิกิริยาในที่สุด นางหมุนตัวเดินออกจากลานมรรคอย่างเด็ดขาด

“การต่อสู้ครั้งนี้ ข้ายอมแพ้”

คำพูดแผ่วเบาประโยคเดียวทำเอาทั่วทั้งลานต่างผิดคาด

ยังไม่ได้ลงมือก็ยอมแพ้แล้วหรือ

นี่ไม่เหมือนการกระทำของเฟิงซีซี!

แม้แต่หลินสวินยังประหลาดใจมาก

แต่เฟิงซีซีกลับเหมือนไม่สนใจ ใบหน้างามราบเรียบ เงาร่างสูงเพรียวเดินออกจากลานมรรคไปแล้ว

จวงซื่อหลิวโกรธจนหน้าเขียว ต่อว่าเสียงขรึม “เหลวไหล! นี่คือการทดสอบ ยังไม่ลงมือก็ยอมแพ้แล้ว ยังเคารพกฎการทดสอบหรือไม่”

ในใจเขาลนลาน หากเฟิงซีซีไม่ลงมือ การประลองครั้งที่สองนี้เท่ากับหลินสวินชนะอีกแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทำให้เกิดการพลิกผันที่คาดไม่ถึง

“กฎการทดสอบไม่ได้กำหนดว่าห้ามยอมแพ้”

เฟิงซีซียืนอยู่นอกลานมรรค เผชิญกับสายตาประหลาดใจนับไม่ถ้วนในที่นี้ พูดเรียบๆ ว่า “ยิ่งไปกว่านั้นข้ามั่นใจแล้วว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์น้องหลินสวิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดต้องลงมือโดยใช่เหตุ”

ทั่วบริเวณล้วนสั่นไหว หลายคนเดาใจเฟิงซีซีไม่ออก นี่ผิดปกติเกินไป

“ยังไม่ได้ต่อสู้ก็มั่นใจว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย เฟิงซีซีเจ้าเป็นถึงอันดับสองของการถกมรรคเก้ายอดเขาครั้งที่แล้ว กำลังจะเข้าไปฝึกปราณที่หอแรกนภา คำพูดไร้เดียงสาเช่นนี้น่าขันเกินไปหรือไม่!”

จวงซื่อหลิวพูดอย่างเย็นเยียบ

การตัดสินใจของเฟิงซีซีทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นเขาจึงระบายโทสะไปที่เฟิงซีซีทั้งหมด

กลับเห็นเฟิงซีซีขมวดคิ้วพูดเย็นชา “ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอพูดตามตรงบ้าง ข้าเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ก็เพราะผู้นำยอดเขาที่สองอวิ๋นเทียนหมิงออกหน้าด้วยตัวเอง ข้าในฐานะผู้สืบทอดยอดเขาที่สองย่อมไม่สามารถปฏิเสธตรงๆ ได้”

ทั่วลานล้วนฮือฮา เกิดระลอกคลื่นขึ้น

สายตามากมายมองไปยังอวิ๋นเทียนหมิงผู้นำยอดเขาที่สอง เห็นชัดว่าอีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก สีหน้าอึมครึม “เฟิงซีซี ข้าแค่แนะนำให้เจ้าเข้าร่วมการทดสอบ ไม่เคยออกคำสั่งว่าเจ้าต้องเข้าร่วม เจ้าอย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเชียว”

เฟิงซีซีพูดเรียบๆ “ถึงอย่างไรก็พูดไปแล้ว เช่นนั้นข้าพูดอีกหน่อยคงไม่เป็นไร ความขัดแย้งทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผยของเหล่าคนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรา คนตัวเล็กๆ อย่างข้ายุ่งไม่ไหวหรอก ยามเรื่องเดือดร้อนตกมาถึงหัวข้าก็ไม่อาจปัดป้องได้ แต่ความยุติธรรมอยู่ในจิตใจ!”

นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ผลงานการต่อสู้ของศิษย์น้องหลินสวิน ทุกคนล้วนเห็นเป็นประจักษ์ ศักยภาพของเขาก็อยู่ในสายตาของทุกคน คนเช่นเขา ต่อให้เพิ่งเข้าสู่สำนักก็มีคุณสมบัติเป็นศิษย์แกนหลักนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีคนไม่อยากให้เขาผ่านการทดสอบ ใช้เล่ห์กลเช่นนี้ขัดขวางเขา ทำให้คนสลดใจเกินไปแล้ว!”

เสียงของนางดังก้องทั่วบริเวณ ศิษย์ยอดเขาที่เก้าต่างเห็นด้วย พยักหน้าไม่หยุด

สิ่งที่หลินสวินประสบ ทำให้พวกเขาเองก็ขุ่นเคือง หนาวเยือกในใจมากจริงๆ

สีหน้าของอวิ๋นเทียนหมิง จวงซื่อหลิวยิ่งไม่น่าดูกว่าเดิม

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเฟิงซีซีจะ ‘ทรยศ’ ในยามนี้ ทำเอาพวกเขาอยากห้ามยังไม่ทัน ถึงอย่างไรบริเวณลานมรรคสำแดงสวรรค์ก็มีคนใหญ่คนโตไม่รู้เท่าไรรวมตัวอยู่ ยิ่งมีสัตว์ประหลาดเฒ่าหลายคนจับตามองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในที่มืด

สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะกล้าลงมือห้ามเฟิงซีซีได้อย่างไร

เห็นว่าเฟิงซีซียังจะพูดอะไรอีก จวงซื่อหลิวพลันกล่าด่าเสียงขรึมอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป

“กำเริบ! นี่คือการทดสอบ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาระบายความโกรธในใจ ขืนเจ้าก่อกวนการทดสอบ ข้าจะกำราบเจ้าส่งตัวให้หอแรกนภาจัดการ!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท