ตอนที่ 2724 มีไอสังหารอื่นซ่อนอยู่
เขาเก็บจิตชั่วร้ายลงไป หลินสวินที่เดิมคิดเตรียมตัวจากไปพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาย้อนกลับมาทางเดิมอีกครั้ง
หน้าเมืองมหึมากลางอากาศนั้น หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกไปสัมผัสอยู่ครู่ใหญ่แล้วอดมุ่นคิ้วไม่ได้
ยามต่อสู้ก่อนหน้านี้ เจ้าแห่งวิญญาณร้ายเคยเรียกกระดูกนิ้วท่อนหนึ่งออกมา น่าจะเป็นศาสตรามรรคอมตะที่ไม่ธรรมดายิ่งชิ้นหนึ่ง
แต่ตอนนี้สมบัติชิ้นนี้กลับหายไปแล้ว
หลินสวินเงยหน้ามองไปทางเมืองใหญ่ที่ห่างไกลโดยไม่รู้ตัว
หืม?
ในจิตรับรู้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ยามนี้กำลังนั่งขัดสมาธิบนแท่นบูชาสีดำกลางเมืองนั่น
เป็นมารโลหิตหนุ่มที่นำทางเขาก่อนหน้านี้!
“ทำไมเจ้าถึงกลับมาอีกเล่า” มารโลหิตหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เห็นชัดว่าสังเกตเห็นหลินสวินที่อยู่นอกเมืองแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเก็บงำซ่อนเร้นได้ล้ำลึกเช่นนี้ ถึงกับปิดบังข้าได้ด้วย”
ขณะกล่าวเงาร่างหลินสวินมาอยู่ในเมืองใหญ่นั้นแล้ว เข้าไปใกล้แท่นบูชาสีดำนั่น
สีหน้ามารโลหิตหนุ่มพลันปรวนแปรไม่หยุด กล่าวว่า “เจ้านำจิตชั่วร้ายไปแล้ว สามารถกลับไปแลกผลงานเก้าดาราได้ ทำไมต้องกลับมาอีก”
หลินสวินผิดคาดยิ่งกว่าเดิม “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องลัทธิแรกกำเนิดมากนัก?”
มารโลหิตหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “หลายปีนี้พวกเจ้าผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดมากันไม่รู้กี่ครั้ง อยากรู้ข้อมูลพวกนี้ย่อมง่ายดายนัก”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง สายตาสำรวจแท่นบูชาสีดำนั่น
แท่นบูชานี้รูปร่างคล้ายดวงตาข้างหนึ่ง แปลกประหลาดมาก ดูไม่ออกว่าหลอมมาจากวัตถุดิบอะไร แต่กลับเผยกลิ่นอายบาปชั่วร้ายเป็นระลอก
ก่อนหน้านี้เจ้าแห่งวิญญาณร้ายก็เคยมองแท่นบูชานี้เป็นสถานที่ฝึกปราณ
“กระดูกนิ้วนั่นอยู่ไหน”
สายตาหลินสวินมองมารโลหิตหนุ่มใหม่อีกครั้ง
“ของสิ่งนี้ให้เจ้าไม่ได้ หากเจ้าอยากจากไปแบบยังมีชีวิตก็ออกจากโลกนี้ไปโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นป้ายคำสั่งสำนักในมือเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”
มารโลหิตหนุ่มผุดลุกจากการนั่งสมาธิ สีหน้านิ่งสงบ น้ำเสียงก็ราบเรียบมาก แตกต่างกับท่าทางหวาดกลัวตอนเจอหลินสวินช่วงแรกราวกับเป็นคนละคน
หลินสวินจ้องมองมารโลหิตหนุ่มตนนี้ครู่หนึ่ง เพิ่งหมายจะพูดอะไร
“มีคนมาแล้ว หลบเข้าไปในแท่นบูชานี้เร็ว!”
มารโลหิตหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ใต้แท่นบูชาสีดำนั้นมีประตูใต้ดินบานหนึ่งปรากฏ
หลินสวินรู้สึกผิดคาดโดยพลัน “ทำไมต้องหลบด้วย”
“เพราะพวกเขาจะฆ่าเจ้า!” มารโลหิตหนุ่มกล่าวเสียงแข็ง
แววตาหลินสวินอึ้งงัน กล่าวว่า “ใครกัน”
“อีกเดี๋ยวเจ้าดูเองก็รู้ ตอนนี้เจ้ารีบหลบก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะถูกฆ่าตายเพราะเจ้าด้วย!”
มารโลหิตหนุ่มกล่าวร้อนรน
“ได้ ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง”
หลินสวินพูดพลางหายเข้าไปในบานประตูใต้ดินนั่น
ใต้แท่นบูชานี้ถึงกับเป็นแดนลับอัศจรรย์แห่งหนึ่ง เพียงแต่เล็กมากเท่านั้น ขอบเขตไม่ถึงพันจั้ง ภายในตกแต่งด้วยเบาะรองนั่ง เตาหลอม เตียง โต๊ะเตี้ย ดูสะอาดเรียบร้อย
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาดอีกครั้ง
ที่นี่คือแดนบาป เป็นสถานที่อันตรายนองเลือดเพียงใด ทั้งแท่นบูชาสีดำนี้ยังเป็นสถานที่ฝึกปราณของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายนั่นด้วย แต่ใต้แท่นบูชานี้กลับมีแดนลับที่สะอาดเรียบง่ายเช่นนี้ ใครจะไม่แปลกใจ
จากนั้นหลินสวินก็ถูกคันฉ่องสำริดบานหนึ่งดึงดูด
คันฉ่องสำริดเกลี้ยงเกลา สะท้อนภาพนอกแท่นบูชาสีดำ
มารโลหิตหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนหวาดกลัวอย่างยิ่ง สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
ไม่ทันไรเสียงทลายอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้น ร่างกำยำที่อบอวลด้วยไออมตะยิ่งใหญ่ปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือแท่นบูชาสีดำ
คนผู้นี้สวมเกี้ยวประดับสูงคาดเข็มขัดกว้าง ร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่าเกรงขาม ยืนอยู่ตรงนั้นสบายๆ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็สลายไอชั่วร้ายสีเลือดในฟ้าดินแถบนี้ไปจนเกลี้ยง
ผู้นำยอดเขาที่สามหนานป๋อหง!
หลินสวินใจกระตุกวูบ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
คนที่มารโลหิตหนุ่มบอกว่าอยากฆ่าตน หรือว่าจะเป็นเขา
“คนล่ะ” หนานป๋อหงแววตาเฉยชา ก้มมองมารโลหิตหนุ่มจากเบื้องสูง
“เรียนผู้นำยอดเขา เขาจากไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว” มารโลหิตหนุ่มกล่าวอย่างยำเกรง
“จากไปแล้ว?”
หนานป๋อหงสีหน้าขรึมลง กลางฝ่ามือพลันควบรวมแส้ยาวสีทองเส้นหนึ่งออกมา ฟาดใส่ร่างมารโลหิตหนุ่มเต็มแรง ตีจนเขาผิวแตกเลือดอาบ ทรุดลงกับพื้น ชักกระตุกไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวดสาหัส
“ผู้นำยอดเขาโปรดระงับโทสะ ศิษย์น้องหลินสวินพลังต่อสู้เย้ยฟ้า เดิมข้าล่อเขามาที่นี่ วางแผนยืมมือเจ้าแห่งวิญญาณร้ายกำจัดเขา ใครจะคิดว่าเจ้าแห่งวิญญาณร้ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่แรก สู้กันเพียงครู่เดียวก็สิ้นสุด ยามข้าคิดขัดขวางก็ไม่ทันแล้ว…”
มารโลหิตหนุ่มข่มความเจ็บปวดพลางกล่าวอธิบาย
แต่คำว่า ‘ศิษย์น้องหลินสวิน’ จากปากเขากลับทำให้หลินสวินใจกระตุกอีกครั้ง ไม่อาจนิ่งสงบแล้ว
หรือมารโลหิตในร่างเด็กหนุ่มนี้เป็นศิษย์พี่คนหนึ่งของลัทธิแรกกำเนิด?
นี่เป็นไปได้อย่างไร
หนานป๋อหงเอ่ยถามด้วยสีหน้าอึมครึม “เขามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนเดียว สังหารเจ้าแห่งวิญญาณร้ายได้อย่างไร”
“ผู้นำยอดเขาโปรดดู”
มารโลหิตหนุ่มนำกระดูกนิ้วท่อนหนึ่งออกมาวาดผ่านอากาศเบาๆ ทุกเหตุการณ์ยามหลินสวินสังหารเจ้าแห่งวิญญาณร้ายก่อนหน้านี้ปรากฏออกมาทันที
“อภินิหารหยุดเวลา!”
เพียงชั่วขณะสีหน้าหนานป๋อหงปรวนแปรไม่หยุด เขาคือผู้นำยอดเขาที่สาม เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหนานหนึ่งในสี่ตระกูลตงหวง ทั้งตัวเขายังเป็นระดับอมตะขั้นดับเทพคนหนึ่งด้วย
มีหรือจะไม่รู้ว่าสิ่งที่หลินสวินสำแดงคืออภินิหารอย่างหนึ่งของพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน
“หากไม่กำจัดเจ้าหมอนี่ หากให้เขากลายเป็นระดับอมตะ ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นลั่วทงเทียนคนที่สองหรือ ไม่ เจ้าหมอนี่ยังเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลด้วย ความสำเร็จในภายหน้าของเขาต้องน่ากลัวกว่าลั่วทงเทียนแน่…”
ในแดนบาปนี้หนานป๋อหงไม่ปิดบังความในใจของตนอีก บนสีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้น อานุภาพชวนประหวั่นนั้นบีบกดจนมารโลหิตหนุ่มรู้สึกว่าใกล้จะสิ้นชีพด้วยหายใจไม่ออก
“ช่างเป็นตัวไร้ประโยชน์จริงๆ!”
เมื่อหนานป๋อหงคิดว่าพลาดโอกาสดีในครั้งนี้ไปเช่นนี้ เขาก็โกรธจนเฆี่ยนแส้ใส่มารโลหิตหนุ่มอีกครั้ง ฝ่ายหลังเจ็บจนชักกระตุกไปทั้งตัว ร่างกายมีสัญญาณว่าจะแตกซ่าน
“ผู้นำยอดเขา ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ถึงจะปล่อยศิษย์จากไปได้”
เมื่อเห็นว่าหนานป๋อหงกำลังจะจากไป มารโลหิตหนุ่มอดถามเสียงสั่นไม่ได้
“ทำงานใหญ่ข้าเสียหาย ชีวิตนี้เจ้าอย่าหวังจากไปเลย!”
เสียงเฉยชาของหนานป๋อหงยังดังก้อง แต่ตัวเขาหายลับไปแล้ว
ครู่ใหญ่มารโลหิตหนุ่มจึงหยัดร่างขึ้นมาจากพื้น แววตาเต็มไปด้วยความแค้น “ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ เดรัจฉานเฒ่าอย่างพวกเจ้าช้าเร็วต้องประสบเคราะห์แน่!”
เขาเฝ้ารออีกครู่ใหญ่ กระทั่งแน่ใจว่าหนานป๋อหงไปจากแดนบาปแล้ว ถึงเปิดประตูใต้แท่นบูชาแล้วเดินเข้าไป
หลินสวินรออยู่ที่นั่นนานแล้ว เมื่อเห็นมารโลหิตหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส เขายกมือสะบัดคราหนึ่ง โยนขวดหยกใบหนึ่งให้ “ในนี้คือโอสถเทพเยียวยาบางส่วน”
มารโลหิตหนุ่มรับขวดหยกมาไว้ในมือพลางส่ายหัวกล่าว “เปล่าประโยชน์ ร่างข้าเป็นมารโลหิตไปแล้ว สำหรับข้า โอสถเทพบนโลกนี้กลับเป็นยาพิษทั้งสิ้น”
น้ำเสียงเจือความขมขื่นและหดหู่
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” หลินสวินถาม
มารโลหิตหนุ่มนั่งลงบนเตียงข้างๆ สายตามองหลินสวินพลางกล่าว “ตอนเจ้ามาที่นี่ ข้าก็ได้ข่าวมาแล้วว่าให้ฉวยโอกาสนี้กำจัดเจ้าในแดนบาปนี่ ดังนั้นจึงเจตนารออยู่ที่นั่น ปลดปล่อยกลิ่นอายให้เจ้าสังเกตเห็น”
“และเจ้าติดกับอย่างไม่เหนือความคาดหมาย”
มารโลหิตหนุ่มพูดถึงตรงนี้แล้วสีหน้าแปลกประหลาด “หากเจ้าตายก็ปล่อยไป แต่หากเจ้ารอดชีวิต ข้าค่อยหาโอกาสลงมือฆ่าเจ้า”
“แต่เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับช่วยข้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ สลายเคราะห์สังหารคราหนึ่ง” หลินสวินกล่าว
มารโลหิตหนุ่มยิ้มเยาะตนเองแล้วกล่าว “ใครจะรู้ว่าข้าเป็นอะไร เดิมคิดว่าตัวเองไร้มโนธรรมแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติคงเป็นได้แค่สวะชั่วช้า แต่เมื่อเรื่องมาถึงตัวกลับเกิดความหวังเสี้ยวหนึ่งขึ้นมา”
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยปลดปล่อยเจ้าหรือ” หลินสวินกล่าว
มารโลหิตหนุ่มยิ้มขึ้นมา เพียงแต่รอยยิ้มกลับดูโศกเศร้านัก “ปลดปล่อยหรือ ง่ายดายอะไรปานนั้น ข้าสามารถจากแดนบาปไปได้ทุกเมื่อ แต่ขอเพียงเดรัจฉานเฒ่าพวกนั้นรู้เข้า ไม่ว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ภายในหนึ่งห้วงคิดก็ทำให้ข้าวิญญาณแตกซ่านได้”
หลินสวินสัมผัสได้ถึงความเศร้าและเคียดแค้นในใจมารโลหิตหนุ่ม เขากล่าวว่า “เล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้หรือไม่ บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้”
มารโลหิตหนุ่มกล่าว “แม้ความหวังจะริบหรี่ แต่เล่าให้เจ้าฟังก็ไม่เห็นเป็นไร”
แววตาเขาเจือความรู้สึกหวนถึงความหลัง
นานมาแล้วเขาก็เป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด มีพรสวรรค์และรากฐานพลังน่าภาคภูมิ กราบเป็นศิษย์ฝึกตนในยอดเขาที่สาม ความสามารถเรียกได้ว่าโดดเด่นในหมู่ผู้สืบทอด
ผู้นำยอดเขาหนานป๋อหงชื่นชมเขาอย่างยิ่ง รับปากว่าจะชิงทรัพยากรในการฝึกปราณทุกอย่างให้เขา รับรองว่าเขาจะก้าวสู่มรรคาอมตะ
แต่เงื่อนไขแรกคือเขาต้องสาบานด้วยจิตมรรค ยอมจงรักภักดีต่อหนานป๋อหงชั่วชีวิต
นี่ทำให้เขาต่อต้านมาก ไม่ได้ตกปากรับคำ
หนานป๋อหงก็ไม่พูดอะไร
แต่นับจากนั้นมาสถานการณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องในยอดเขาที่สามเริ่มต่อต้านและผลักไสเขา แม้แต่ทรัพยากรในการฝึกปราณของสำนักก็ถูกคนใช้ทุกวิถีทางมาเบียดบังอยู่บ่อยครั้ง
เขารู้ว่าตนทำให้หนานป๋อหงมีโทสะ ทำให้ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา
แต่เขาไม่สนใจ
ใครจะคิดว่าภายหลังเขาถึงรู้ว่าผู้สืบทอดของยอดเขาที่สาม นอกจากเขาแล้วเกือบทุกคนล้วนสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อหนานป๋อหงชั่วชีวิต
นี่ทำให้เขารับรู้ถึงความรุนแรงของปัญหา เลือกบอกเรื่องนี้กับหอแรกนภาอย่างเด็ดเดี่ยว
แต่ใครจะคิดว่าวันเดียวกับที่เขารายงานเรื่องหนานป๋อหง หนานป๋อหงไม่เป็นอะไร แต่ตัวเขากลับประสบเคราะห์ก่อนแล้ว
หนานป๋อหงใช้ฐานะผู้นำยอดเขาล่อเขาออกจากแดนแรกเริ่ม พามาถึงแดนบาปนี้แล้วลงมือด้วยตัวเอง ทำลายร่างเขาจนย่อยยับ พลังจิตถูกชิงไป กักขังไว้ในที่แห่งนี้!
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็นมารโลหิตตนหนึ่งในแดนบาปนี้
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ ในใจหลินสวินก็ไม่วายเครียดขมึง กล่าวว่า “ในฐานะผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิด เจ้าหายไปกะทันหัน ลัทธิแรกกำเนิดไม่เคยตรวจสอบความจริงเลยหรือ”
“หากมีแค่หนานป๋อหงคนเดียวเขาย่อมไม่กล้าทำเช่นนี้แน่ แต่เบื้องหลังเขายังมีผู้ยิ่งใหญ่มากมาย เมื่อพวกเขาร่วมกันวางแผนทำร้ายผู้สืบทอดคนหนึ่งอย่างข้า ใครจะรู้ความจริงได้อีก”
มารโลหิตหนุ่มกล่าวเสียงต่ำเบา
“หลายปีนี้ก็มีผู้สืบทอดไม่น้อยมาฝึกที่แดนบาป ทำไมเจ้าถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา” หลินสวินไม่เข้าใจ
“หากข้าขอความช่วยเหลือก็เท่ากับทำร้ายพวกเขา”
มารโลหิตหนุ่มกล่าว “ไม่ว่าใครรู้ความจริงพวกนี้ ถ้ากล้าไปเปิดโปงก็ต้องประสบหายนะถึงตายแน่ แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ต่อให้ข้าไม่บอกเรื่องพวกนี้กับเจ้า หนานป๋อหงก็จะฆ่าเจ้าอยู่ดี ดังนั้นการพูดให้เจ้าฟังกลับเป็นว่าไม่ต้องกังวลอะไร”
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ หลินสวินถึงตระหนักได้ว่าในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดไม่ได้นิ่งสงบเหมือนภาพที่เห็นภายนอก ในที่ลับยังมีความมืดมนและกลิ่นคาวเลือดนับไม่ถ้วน
ครั้งนี้หากไม่ได้เจอมารโลหิตหนุ่มผู้นี้ เขาย่อมไม่กล้าเชื่อว่าผู้นำยอดเขาอย่างหนานป๋อหงจะถึงกับกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้แน่!
………………..