Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2731 เข้าแรกนภา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2731 เข้าแรกนภา

ตอนที่ 2731 เข้าแรกนภา

หนอนบ่อนไส้!

ไอสังหารอันไม่อาจหยุดยั้งได้ก็ผุดขึ้นในใจหลินสวิน

ตอนได้ภารกิจเก้าดาราชิ้นแรก ถ้าไม่ได้กู่อวี๋เจียนเตือนไว้ เกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าหนานป๋อหงแอบวางแผนลับๆ ไปแล้ว

และในการปฏิบัติภารกิจเก้าดาราครั้งนี้ยังถูกหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดไล่ฆ่า!

ต่อให้เป็นพระพุทธเจ้าก็ยังมีไฟโทสะ หลินสวินถูกวางแผนจัดการและลอบทำร้ายเช่นนี้จะไม่โกรธได้อย่างไร

เขาไม่สงสัยสักนิด ถ้าคราวนี้ไม่มีผู้อาวุโสโม่หลันซานมาด้วย ด้วยพลังของเขาเป็นไปได้สูงยิ่งว่าคงประสบเคราะห์ไปแล้ว!

“ผู้อาวุโสโม่ ข้าเข้าสำนักมาจนตอนนี้ยังไม่กี่เดือน แต่ทำไมศัตรูพวกนั้นกลับรีบร้อนเช่นนี้”

หลินสวินเอ่ยสีหน้าสงบนิ่ง

โม่หลันซานนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าให้เจ้าก้าวสู่มรรคาอมตะ เช่นนั้นก็จะยิ่งรับมือยากแล้ว”

หลินสวินใจสะท้าน

ขัดขวางมรรคาตนหรือ

“ยังดีที่การเดินทางมาข้างนอกคราวนี้ ข้าไปเชิญรูปจำลองเจตจำนงของเฒ่าเหยียนมาด้วย เลยไม่ทำให้ศัตรูพวกนั้นบรรลุเป้าหมาย”

โม่หลันซานถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง

“ผู้อาวุโส ผู้เฒ่าเหยียนเป็นหัวหน้าหอแรกนภาใช่ไหม” หลินสวินถาม

“ไม่ผิด เขาฝึกปราณจนเหลือพลังจิตสายเดียวนานแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ มรรควิถีทั้งตัวไปถึงขั้นน่าเหลือเชื่อแล้ว คนส่วนใหญ่ในสำนักรู้แค่ว่าเฒ่าเหยียนเหลือเพียงพลังจิตสายเดียว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากมรรควิถีของเขาเกิดปัญหา กายมรรคอมตะกับรูปจำลองเจตจำนงของเขาไม่ได้สลายไป แต่ดำรงอยู่ด้วยยอดอภินิหาร”

‘เรื่องนี้ แม้แต่ในหอแรกนภายังมีแค่รองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงที่รู้’

โม่หลันซานสื่อจิตเสียงเบา ‘กลับสำนักคราวนี้เจ้าอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมานะ’

หลินสวินพยักหน้า

เขาไม่ได้ถามถึงความสัมพันธ์ของโม่หลันซานกับเหยียนจี้ แต่จากที่โม่หลันซานเรียกอีกฝ่ายว่า ‘เฒ่าเหยียน’ ก็รู้ได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ธรรมดา

หาไม่แล้วก็ไม่มีทางเชิญรูปจำลองเจตจำนงของเหยียนจี้มาลงมือได้แน่

โม่หลันซานเอ่ย “อย่าชักช้าอีกเลย เจ้าไปเก็บพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของที่นี่ พวกเราจะได้เดินทางกลับสำนักทันที”

“ขอรับ”

หลินสวินเริ่มเคลื่อนไหว

ก่อนหน้านี้เขาแค่กำราบพลังระเบียบที่ถือกำเนิดในทะเลสาบนั้น และตอนนี้จะต้องนำบ่อเกิดแรกกำเนิดที่เกิดขึ้นในทะเลสาบนั้นไป

……

แดนแรกเริ่ม

ผ่านไปเกือบสี่เดือน หลินสวินที่ออกไปปฏิบัติภารกิจเก้าดาราปรากฏตัวที่เรือนสมบัติสวรรค์ สร้างความอึกทึกครึกโครมในทันที

“ศิษย์น้องหลินสวินกลับมาแล้ว!”

“เขาถึงกับสยบพลังระเบียบที่ระดับสวรรค์ขั้นหกขึ้นไปได้จริงๆ หรือ”

“คงจริง ไม่เห็นสีหน้าศิษย์พี่หวงชิงอวี่หรือ เหลอหลาไปหมดแล้ว”

ผู้คนในเรือนวิพากษ์วิจารณ์ สายตาที่มองดูหลินสวินยังเจือแววซับซ้อน

ในช่วงที่หลินสวินออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกนี้ ในลัทธิแรกกำเนิดพูดกันหลายเสียงว่าเกรงว่าคราวนี้หลินสวินจะกลับมาโดยไม่มีผลงาน

แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินกลับมาคราวนี้ คล้ายจะเอาพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นหกขึ้นไปกลับมาจริงๆ!

และบัดนี้ในใจหวงชิงอวี่ก็ไม่อาจสงบได้

ถ้าหลินสวินแค่ทำภารกิจเก้าดาราคราวนี้สำเร็จก็ไม่ถึงกับทำให้เขาผิดคาดมากนัก

ประเด็นคือหลินสวินยังเอาบ่อเกิดแรกกำเนิดกลับมาด้วย เท่ากับทำภารกิจเก้าดาราอีกอย่างสำเร็จไปพร้อมกัน!

ทำภารกิจเก้าดาราสองอย่างสำเร็จในครั้งเดียว ในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ตั้งแต่อดีตไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน!

“ศิษย์น้อง เจ้าทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริงๆ”

กระทั่งหลังจากช่วยหลินสวินแลกผลงานเก้าดาราสองชิ้นติด หวงชิงอวี่จึงทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

ไม่ถึงครึ่งปีหลินสวินเลื่อนจากคนใหม่เป็นศิษย์แกนหลักยอดเขาที่เก้า ทำภารกิจเก้าดาราสำเร็จสามอย่างติดแล้ว!

ผลงานเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ได้แล้ว!

หวงชิงอวี่ยังคาดไว้ว่า เกรงว่าในวันนี้ทั้งสำนักจะอึกทึกครึกโครมเพราะหลินสวินอีกครั้ง

ไม่เกินความคาดหมายของหวงชิงอวี่

หลังจากสามหอเก้ายอดเขาของลัทธิแรกกำเนิดรู้ว่าหลินสวินทำภารกิจเก้าดาราสองชิ้นสำเร็จในคราวเดียว ต่างตกตะลึงกับเรื่องนี้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาต่างๆ

“เขาทำแบบนี้ ทำให้พวกเราไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว…”

ผู้สืบทอดสำนักบางคนยิ้มเจื่อนไม่หยุด พวกเขาเข้าสำนักมานานกว่าหลินสวิน อย่างน้อยก็สองสามร้อยปี อย่างมากก็หลายพันปี

แต่จนบัดนี้บ้างยังเป็นแค่ศิษย์สืบทอดแท้จริง บางคนก็เลื่อนขึ้นเป็นศิษย์แกนหลักแล้ว

ส่วนหลินสวินเพิ่งเข้าลัทธิแรกกำเนิดมาไม่ถึงครึ่งปีก็สร้างเรื่องใหญ่สะเทือนเลื่อนลั่นได้มากมายขนาดนี้ ทั้งตอนนี้ยังทำภารกิจเก้าดาราสำเร็จสามอย่าง มีสิทธิ์เข้าไปฝึกปราณในสามหออีก

นี่เท่ากับเขาทิ้ง ‘คนเก่า’ อย่างพวกเขาเหล่านี้ไว้ข้างหลัง!

พวกตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ มู่จุนอู๋ที่เข้าสำนักมาพร้อมหลินสวิน ในใจต่างรู้สึกขมขื่นไร้พลังอย่างที่สุด

ยังไม่ถึงครึ่งปี พวกเขากับหลินสวินก็ยิ่งห่างชั้นกันมากขึ้นไปอีก…

ความครึกโครมที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ถึงกับทำให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นไม่อาจเยือกเย็นอยู่ได้!

“เขายังรอดชีวิตมาได้อย่างไร!”

และในยอดเขาที่สาม ผู้นำยอดเขาหนานป๋อหงสีหน้าไม่น่าดูเป็นพิเศษ นอกจากโมโหแล้วในใจยังตระหนกอย่างบอกไม่ถูก

มีแต่เขากับคนใหญ่คนโตบางคนที่รู้ว่าหลินสวินรอดกลับมาคราวนี้หมายความว่าอย่างไร

“ด้วยมรรควิถีของโม่หลันซานจะปกป้องเจ้าหมอนี่ได้รอบด้านได้อย่างไร นี่ต้องมีคนอื่นแทรกแซงอย่างลับๆ แน่!”

หนานป๋อหงกล้ามั่นใจว่าเรื่องที่พุ่งเป้าไปที่หลินสวินคราวนี้แดงขึ้นมาแล้ว แต่เขากลับไม่กล้าแน่ใจว่าหลินสวินกับโม่หลันซานรู้ความจริงมากน้อยแค่ไหนกันแน่

เช่นเดียวกัน เขาก็ไม่รู้ชัดว่าคนที่ช่วยหลินสวินกับโม่หลันซานคราวนี้เป็นใคร

เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงรู้สึกตื่นตระหนก

แต่ที่ทำให้หนานป๋อหงคาดไม่ถึงก็คือคราวนี้หลินสวินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ทั้งยังไม่พูดว่าการไปโลกภายนอกคราวนี้ได้พบเจอกับอะไรแม้สักนิด

“ด้วยนิสัยของเจ้าหมอนี่ เกรงว่าจะก่อเรื่องจนฟ้าพลิกดินคว่ำไปนานแล้ว แต่เขากลับทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เกรงว่านี่จะเป็นคำสั่งจากโม่หลันซาน…”

หลังจากหนานป๋อหงเยือกเย็นลงก็ตัดสินใจ “ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดูออก ว่าโม่หลันซานกับพลังที่อยู่เบื้องหลังเขายังไม่กล้าแตกหักในตอนนี้ หาไม่แล้วหากเคลื่อนไหวอะไรขึ้นมาเกรงว่าพวกเขาเองก็คงรับไม่ไหวเหมือนกัน”

พอคิดเช่นนี้หนานป๋อหงก็ใจเย็นลงไม่น้อย

แต่เมื่อคิดว่าหลินสวินยังไม่ตาย หนานป๋อหงก็หดหู่และว้าวุ่นใจขึ้นมาอีก

“ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าคนที่แอบช่วยเจ้าคนนั้นจะปกป้องเจ้าได้ถึงตอนไหน!”

ครู่ใหญ่หนานป๋อหงจึงลอบกัดฟันเอ่ยกับตัวเอง

……

ยอดเขาที่เก้า

หลังจากหลินสวินออกมาจากหอแรกมายาก็ตรงดิ่งมาหาผู้นำยอดเขาฉินอู๋อวี้

“ขอบคุณผู้นำยอดเขา!”

หลินสวินคารวะอย่างจริงจัง

ออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกคราวนี้ แม้ฉินอู๋อวี้ไม่ได้ลงมือ แต่ด้วยการชี้แนะของเขากลับช่วยสลายเคราะห์สังหารให้หลินสวินได้ครั้งหนึ่ง จะไม่ให้หลินสวินซาบซึ้งได้อย่างไร

ฉินอู๋อวี้เคร่งขรึมอยู่เสมอ คราวนี้ก็ไม่ยกเว้น เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นผู้อาวุโสโม่มาบอกข้าแล้ว ข้าเพียงหวังว่าในใจเจ้าจะไม่อคติอะไรกับลัทธิแรกกำเนิด สวะพวกนั้นก็ไม่มีวันเป็นตัวแทนทั้งลัทธิแรกกำเนิดได้”

เห็นชัดว่าเขาหมายถึงหนอนบ่อนไส้ของหอบรรพจารย์ที่สมรู้ร่วมคิดกันเหล่านั้น!

หลินสวินเอ่ย “ศิษย์ย่อมรู้ดี”

“ต่อไปเจ้าคิดจะทำอะไร” ฉินอู๋อวี้ถาม

“ศิษย์ต้องการไปฝึกปราณที่หอแรกนภา” หลินสวินไม่ได้ปิดบัง บอกเป้าหมายของตัวเอง

ฉินอู๋อวี้อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ก็ดี หอแรกนภาดูแลเรื่องกฎการลงโทษ เป็นที่ที่กฎระเบียบเข้มงวดที่สุดในสำนัก ขอเพียงเจ้าประพฤติตัวตามกฎ ที่นั่นก็ไม่มีใครสร้างความลำบากให้เจ้าได้”

พูดคุยกันอีกครู่หนึ่งหลินสวินก็ขอตัวจากมา

“ผู้นำยอดเขาเหมือนจะอาวรณ์หรือ”

โม่หลันซานยิ้มถาม ตอนนี้ในเรือนมีแต่เขากับฉินอู๋อวี้

“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งเข้าสำนักมาไม่ถึงครึ่งปีก็กำลังจะเข้าฝึกปราณที่หอแรกนภาแล้ว เลื่อนขั้นเร็วปานนี้ เป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่มีใครก้าวข้ามได้แน่”

เสียงของฉินอู๋อวี้เจือความซับซ้อนอยู่บ้าง

โม่หลันซานเองก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของฉินอู๋อวี้อยู่รางๆ

เมื่อแรกสุดเพราะหลินสวินมีเรื่องยุ่งยากติดตัวมากมาย ความจริงแล้วฉินอู๋อวี้เองก็ต่อต้านและไม่ชอบใจที่เขาเข้ามาฝึกปราณในยอดเขาที่เก้าเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อเกิดเรื่องต่างๆ ในช่วงครึ่งปีนี้ กลับทำให้ฉินอู๋อวี้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อหลินสวินไปมากแล้ว

ถ้าโม่หลันซานจำไม่ผิด ฉินอู๋อวี้เริ่มมองหลินสวินเป็นผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าจริงๆ ตั้งแต่หลินสวินเข้าร่วมการทดสอบ ณ หอแรกพิสุทธิ์คราวนั้น

และตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งปีหลินสวินก็จะออกจากยอดเขาที่เก้าแล้ว สำหรับฉินอู๋อวี้ในใจย่อมอาวรณ์

“หลินสวิน คนผู้นี้โดดเด่นไร้ใดเปรียบ ภายหน้าจะต้องประสบความสำเร็จไม่รู้จบสิ้น แต่ผู้นำยอดเขาก็อย่าเสียใจกับเรื่องนี้ ว่ากันถึงที่สุดแล้วหลินสวินก็มาจากยอดเขาที่เก้าของพวกเรา ภายหน้าต่อให้เขาประสบความสำเร็จมากมายเพียงไหนก็เคยเป็นสมาชิกยอดเขาที่เก้าของพวกเราคนหนึ่ง”

โม่หลันซานยิ้มกล่าว

ฉินอู๋อวี้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ้มเอ่ยอย่างหาได้ยากว่า “เจ้าหนุ่มนี่ทำให้คนทั้งรักทั้งชังจริงๆ”

วันนั้นเหล่าคนในยอดเขาที่เก้าอย่างเย่ฉุนจวิน ฉินรั่วหลิงก็รู้เรื่องหลินสวินกำลังจะไปฝึกปราณที่หอแรกนภา ต่างรู้สึกไม่ทันตั้งตัว

รวดเร็วเกินไปแล้ว!

รู้จักคบหากันมาครึ่งปี เวลาผ่านไปเร็วดุจม้าห้อ ระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวหลินสวินก็ถึงกับจะไปหอแรกนภาด้วยฐานะศิษย์แกนหลักยอดเขาที่เก้าแล้ว เรื่องนี้พวกเย่ฉุนจวินจะคาดถึงได้อย่างไร

หลังได้สติกลับมา พวกเขาก็พากันไปบอกลาหลินสวินถึงหน้าประตู

หลินสวินก็จัดงานเลี้ยงด้วยความยินดี ดื่มกินกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างเต็มที่

ท้ายที่สุดกระทั่งโม่หลันซานกับฉินอู๋อวี้ยังมาด้วย ทำให้หลินสวินรู้สึกตกใจที่ได้รับความเอ็นดูอย่างเลี่ยงไม่ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลินสวินออกจากยอดเขาที่เก้า ปรากฏตัวที่หอแรกนภา

ผู้ดูแลเถาเหลิ่งมาต้อนรับด้วยตัวเอง

ทันทีที่ได้พบหลินสวิน คนใหญ่คนโตที่นิสัยใจคอเย็นชา ลงมือดุดันอยู่เป็นนิตย์ผู้นี้ก็เผยยิ้มน้อยๆ ที่ชวนตะลึงออกมา เอ่ยว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด หลินสวินเจ้าอยากเข้าฝึกปราณที่หอแรกนภาใช่ไหม”

หลินสวินยื่นป้ายคำสั่งสำนักให้ จากนั้นจึงกุมมือคารวะ “ใช่ขอรับ”

เถาเหลิ่งไม่ได้ประหลาดใจ เพราะเมื่อวานเขาก็ได้ยินมาแล้วว่าหลินสวินทำภารกิจเก้าดาราสามอย่างได้สำเร็จ ขอเพียงไม่โง่ ไม่ว่าใครต่างเดาได้ว่าต่อไปหลินสวินจะทำอะไร

“หอแรกนภาต่างจากยอดเขาที่เก้า ฝึกปราณที่นี่ก็ต้องรับตำแหน่งบางอย่าง ถ้าเจ้าต้องการเข้าฝึกปราณที่หอแรกนภาจริงๆ ก็ต้องเริ่มจากฐานะศิษย์”

เถาเหลิ่งเอ่ย “เจ้าเข้าใจไหม”

หลินสวินพยักหน้า

“ไปเถอะ ข้าพาเจ้าไปทำความคุ้นเคยกับหอแรกนภาก่อน” เถาเหลิ่งพูด

ในวันนี้

ข่าวหลินสวินกลายเป็นศิษย์หอแรกนภากระจายไปทั้งลัทธิแรกกำเนิด ทำให้สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมา ทั้งยังก่อให้เกิดคลื่นลมแรงกล้าไปด้วย

ครึ่งปีก่อน หลินสวินยังเป็นคนใหม่คนหนึ่ง

ตอนนี้ เขากลายเป็นศิษย์หอแรกนภาไปแล้ว

ความเร็วในการเลื่อนขั้น ในอดีตไม่มีใครเทียบเขาได้!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท