Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!

ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!

คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นส่งเสียงกันอย่างต่อเนื่อง

ความหมายในคำพูดของพวกเขา เหมือนกำลังบอกทุกคนว่าหลินสวินข้ามด่านเคราะห์ในครั้งนี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่ทำให้ทุกคนในที่นี้ล้วนไม่อาจเยือกเย็น

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”

คนมากมายที่ตั้งตาคอยให้หลินสวินแจ้งมรรคเป็นอมตะล้วนอดหดหู่ไม่ได้

“เดาได้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!”

และมีคนมากมายแค่นหัวเราะในใจ เบิกบานใจไม่หยุด

ความสามารถของหลินสวินยามข้ามด่านเคราะห์ก่อนหน้านี้สะท้านสะเทือนจิตใจของพวกเขาไม่หยุด มีหรือจะไม่รู้ว่าหากให้หลินสวินแจ้งมรรคสำเร็จ เขาต้องแผ่ประกายที่ไร้คนเทียบได้ออกมาอย่างแน่นอน

ยังดี ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีทางเกิดขึ้น!

เวลานี้แม้แต่พวกฉินอู๋อวี้ เซียวเหวินหยวน หลีเจินยังชักเริ่มไม่แน่ใจ จิตใจสงสัยหวั่นหวาด

อานุภาพของเจตจำนงพิบัติเคราะห์นี้วิปริตเกินบรรยายชัดๆ ทำให้พวกเขายังหวาดหวั่น ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่าหลินสวินจะสลายเคราะห์นี้ได้อย่างไร

ใบหน้างามของจินเทียนเสวียนเยวี่ยซีดขาว ทั่วร่างเย็นเยียบ นางเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งตัวตึงเครียดถึงขีดสุด

เสวียนจิ่วอิ้นเดิมตั้งใจจะปลอบนาง แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

เพราะเวลานี้เขาเองก็ถูกมหาเคราะห์น่าสะพรึงครั้งนี้ทำให้สะท้านสะเทือนเช่นกัน ในใจราวถูกมือใหญ่บีบแน่น!

และทุกคนในที่นี้ก็อยู่ในสภาพใจสั่นรัวแขวนลอย

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์นับไม่ถ้วนปิดครอบไว้ เลือดสีแดงสดหยดหนึ่งควบรวม อาบอยู่ในพลังคลุมเครือของระเบียบนิพพาน สั่นกระตุกรุนแรงเสมือนเดือดได้ที่

ปัง!

ในเสียงแตกระเบิดที่เบาถึงขีดสุด มุกเลือดหยดนี้แหลกละเอียด กลายเป็นเส้นใยนับไม่ถ้วน เกี่ยวกระหวัดพลังที่เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบนิพพานเอาไว้ ค่อยๆ ก่อเป็นเงาร่างที่เลือนรางมายาสุดขีดออกมาสายหนึ่ง

เป็นหลินสวินนั่นเอง!

เพียงแต่เวลานี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เป็นชั้นๆ ปิดครอบ จากโลกภายนอกย่อมไม่อาจมองทะลุถึงลักษณ์อัศจรรย์ในเตากระบี่นี้ได้

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ เงาร่างดั่งมายาไม่มั่นคงถึงที่สุด เสมือนสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อดุจฟองอากาศ

พลังระเบียบนิพพานห้อมล้อม ดูดซับหล่อหลอมกลีบดอกไม้ที่ถูกกักขังอยู่ใกล้ๆ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทีละกลีบ ควบรวมกลายเป็นพลังชีวิตที่ผ่องพิสุทธิ์เอ่อล้น และถูกเงาร่างของหลินสวินดูดซับไปอย่างละโมบ

กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เหล่านี้มาจากเจตจำนงสูงสุดสายนั้นของส่วนลึกในเมฆาเคราะห์ แปลงมาจากอักษรต้องห้ามที่ยากพรรณนา ภายในบรรจุพลังแห่งพิบัติเคราะห์น่าสะพรึงเอาไว้

กล่าวโดยสรุป กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เหล่านี้เดิมก็คืออสนีเคราะห์ เป็นตัวแทนเจตจำนงฟ้า เพียงแต่พลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ เทียบเท่ากับสิ่งต้องห้าม

และเวลานี้เมื่อระเบียบนิพพานหล่อหลอมพิบัติเคราะห์เหล่านี้ กลับทำให้เกิดเป็นพลังชีวิตที่แปรสภาพอย่างที่สุดอย่างหนึ่ง ช่วยหลินสวินก่อร่างสร้างร่างมรรคใหม่ ทำให้พลังปราณและมรรควิถีแปรสภาพถึงขีดสุด!

เงาร่างที่เลือนรางดุจมายาของหลินสวินค่อยๆ ก่อตัวชัดเจนขึ้นทีละน้อย เหมือนถูกพลังมหามรรคสูงสุดหลอมสร้าง หลังหลอมตีเป็นร้อยพันครั้ง ก็แผ่พลังเดือดพล่านไร้เทียมทานออกมา

ถึงตอนท้ายทั้งตัวหลินสวินฟื้นคืนสภาพเดิม ผมดำปลิวสยาย ผิวกายดุจหลอมสร้างจากหยกเทพ เจิดจ้าบาดตา แสงมรรคยากบรรยายไหลเวียน

ปากจมูกเขาสูดหายใจ ดุจลมพายุสั่นไหว สีหน้าราบเรียบตามเดิม เงาร่างลอยอยู่ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง กลิ่นอายทั่วร่างพุ่งทะยานด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ…

เขาลืมตาขึ้นขึ้นมาพลัน ยื่นมือคว้าลำแสงอสนีที่พิสุทธิ์เจิดจ้า นี่คือพลังกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์ที่ถูกระเบียบนิพพานกลั่นหลอม

และตอนนี้ก็ถูกเขานำมาหลอมร่างตนเอง

และก็เป็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ร่างกาย จิตใจ วิญญาณ เจตจำนง มรรควิถีของหลินสวิน ล้วนประหนึ่งแปรสภาพเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ทำลายโซ่ตรวน ทลายอุปสรรค เหยียบย่างขึ้นสู่ระดับที่ยากจะเชื่อ!

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ ระหว่างที่อยู่ในการปกคลุมของระเบียบนิพพาน เขาเริ่มสัมผัสและรับรู้ถึงนัยเร้นลับกลางระเบียบนิพพาน และเกิดการหยั่งรู้ด้วยเหตุนี้ เริ่มควบรวมกฎเกณฑ์มหามรรคแห่งตนตามจิตใต้สำนึก

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล ระเบียบนิพพานเปล่งแสง กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เป็นกลีบๆ ถูกหลอมละลาย และลิ่นอายบนตัวหลินสวินก็ยิ่งกร้าวแกร่งขึ้นเรื่อยๆ น่าสะพรึงขึ้นทุกที

นี่คือนิพพานที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง

และก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเหลือเชื่อที่สุดที่หลินสวินเคยประสบมาตั้งแต่ฝึกปราณมาจนบัดนี้!

ทั้งหมดนี้แม้โลกภายนอกจะมองไม่เห็น แต่เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย ผู้คนกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

“เหตุใดเคราะห์นี้ยังไม่สิ้นสุด”

มีคนใหญ่คนโตแปลกใจ

ประโยคเดียวทำเอาคนมากมายผุดความคิดแตกต่าง นี่ไม่ใช่หมายความหลินสวินยังไม่ได้ล้มเหลวอย่างแท้จริงหรือ

“ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะจริงๆ สินะ”

เสวียนเฟยหลิงพึมพำ นัยน์ตาวาบวาวดุจคบเพลิง

“พูดเช่นนี้ คนที่หวังดีจะช่วยฝังศพแทนหลินสวินไม่ใช่ว่าต้องผิดหวังอย่างยิ่งหรือ”

ตู๋กูยงกล่วงเรียบๆ

“เห็นจะเป็นเช่นนั้น”

ฟางเต้าผิงสีหน้าราบเรียบ

นี่เป็นการเอาคืนอย่างหนึ่ง เพียงแต่พวกฝูเหวินหลีไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเขามองดูพิบัติเคราะห์ที่ยังคงสำแดงอยู่ตลอด ไม่เคยจางหายไปนั่นด้วยสีหน้าแปลกใจ แววตาเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

ขนาดนี้ก็ยังไม่ตายหรือ

ในที่นั้นทุกคนต่างก็อึ้งค้าง

เจตจำนงอสนีเคราะห์นั่นต้องห้ามน่าสะพรึงปานใด เปลี่ยนเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนอื่นเกรงว่าป่านนี้คงถูกสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ใครจะกล้าเชื่อว่าหลินสวินยังไม่เคยประสบเคราะห์อย่างแท้จริง

ตูม!

และเวลานี้เอง ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ เจตจำนงที่คลุมเครือยากเข้าใจสายนั้นเกิดเสียงกึกก้องสะเทือนฟ้า จากนั้นพิบัติเคราะห์อสนีจากสี่ทิศแปดทางเสมือนหมื่นคืนถิ่น พุ่งทะยานรวมตัวอยู่กลางเจตจำนงสายนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ต่อจากนั้นเจตจำนงสายนั้นก็เปล่งแสงเจิดจ้า สะท้อนแสงเคราะห์ที่ประหนึ่งวันสิ้นโลกออกมา!

กลิ่นอายน่าสะพรึงระดับนั้นทำให้ระดับอมตะในที่นั้นยังหน้าถอดสี จิตใจราวถูกโจมตีหนักหน่วง รู้สึกถึงความหวาดกลัวและกดดันอันยิ่งใหญ่

นี่ย่อมเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเคราะห์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

ภายใต้สายตาสะท้านไหวนับไม่ถ้วน เจตจำนงสายนั้นลุกโชน แปลงเป็นแสงเคราะห์ขมุกขมัวสายหนึ่ง ฟันออกมาจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้าฉับพลัน!

เสียงอุทานและกรีดร้องดังขึ้น ดวงตาของผู้สืบทอดเหล่านั้นเจ็บแปลบ จิตใจเหมือนถูกฉีกทึ้ง รู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

บรรดาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างหนังหัวชาหนึบ ทั่วร่างแข็งทื่อ ถูกแสงเคราะห์ที่ดุจดั่งพุ่งมาจากวันสิ้นโลกสายนั้นข่มขวัญ

มันน่าสะพรึงเกินไป ไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เหมือนดั่งของต้องห้าม ไม่อาจบรรยาย!

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขายังสงสัยว่านี่เป็นมหาเคราะห์ที่เล่นงานระดับอมตะอย่างพวกเขา ไม่ใช่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!

พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่ง แสงเคราะห์ร่วงมาเยือน มองข้ามพันธนาการแห่งเวลาและห้วงอากาศ เหมือนดาบที่คมกริบที่สุดในโลก ฟันลงในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์ปิดครอบเป็นชั้นๆ เอาไว้ใบนั้น

ตูม!

ฟ้าดินแถบนั้นจมจ่อม แตกระเบิด ถูกบดขยี้เหมือนกระดาษเปื่อย แผ่นดินไหวภูเขาสะเทือน ประดุจวันสิ้นโลกอย่างแท้จริงมาเยือนเหนือยอดเขาที่เก้า

พิบัติเคราะห์น่าสะพรึงพวยพุ่งปั่นป่วน ทำเอาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังไม่อาจไม่ถอยร่น หลบหลีกออกไกลๆ กลัวเพียงว่าจะโดนลูกหลงจากพลังระดับนั้น

และก็เป็นเวลานี้ พวกเขามองเห็นภาพที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต…

กลางแสงเคราะห์ที่เจิดจ้าน่าสะพรึง เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏออกมา เหนือศีรษะมีเตากระบี่ลอยอยู่ ดุจดั่งก้าวออกมาจากตำนานเทพในหน้าประวัติศาสตร์ ทั่วร่างมีแสงมรรคไพศาลไหลเวียน!

ตัวเขาดั่งเหวใหญ่ ใช้อานุภาพกลืนกินเวิ้งฟ้า กวาดกลืน บดขยี้ ดับผลาญแสงเคราะห์ที่ฟันลงมานั่นทั้งหมด!

จากนั้นกลิ่นกายทั้งตัวเขาก็พุ่งทะยาน พร่างพราวไปทั้งร่าง เขาพลันยื่นมือออกมา ชี้นิ้วเหมือนกระบี่แล้วฟันใส่เวิ้งฟ้า

ตูม!

ภูเขาไฟที่เหมือนกดข่มหมื่นกาลแตกระเบิดภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ลำแสงไร้เทียมทานเจือเสียงกระบี่ครวญดังก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน พุ่งตรงเข้าสู่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า

จากนั้นเวิ้งฟ้าราวกับภาพวาด ถูกหนึ่งกระบี่กรีดแหวกจากตรงกลาง เมฆาเคราะห์สีดำที่ปิดครอบทั่วฟ้าแตกสลายหายไปเหมือนฟองอากาศา

หนึ่งกระบี่นี้ กวาดขวางเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้า!

ทั่วลานเงียบสงัด ไร้สรรพเสียงใด

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นล้วนอดเบิกตากว้างไม่ได้ สีหน้าอึ้งค้าง เนิ่นนานก็ไม่สามารถดึงสติกลับมา

แสงเคราะห์สายนั้นต้องห้ามปานใด กลับถูกหลินสวินใช้มรรควิถีแห่งตนกลืนกินหล่อหลอมทั้งอย่างนั้น อีกทั้งใช้หนึ่งกระบี่ฟันเวิ้งฟ้า สลายเมฆาเคราะห์หมื่นจั้ง

ภาพเช่นนั้นน่าตกตะลึงในหมื่นกาลชัดๆ!

บรรดาผู้สืบทอดเหล่านั้นล้วนปากอ้าตาค้าง สมองว่างเปล่า

ก่อนหน้านี้จิตรับรู้ของพวกเขาถูกปิดกั้น อะไรก็มองไม่เห็น ยามสายตาคืนสู่สภาพชัดเจนตามปกติ ก็เห็นว่าเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้านั่นถูกแบ่งเป็นสองส่วน แตกระเบิดรุนแรง ทำเอาจิตใจพวกเขาสะท้านสะเทือนอย่างสิ้นเชิง

ทิวทัศน์ในยามนี้

เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมาหวดฟาดเมฆาเคราะห์แหลกกระจุย!

เวิ้งฟ้ากลับสู่สภาพแจ่มกระจ่างดังเดิม ฟ้าสดใสหมื่นลี้ กลิ่นอายพิบัติเคราะห์น่าสะพรึงนั่นหายไปหมดสิ้น เสมือนทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่เป็นความฝันที่ไม่สมจริงฉากหนึ่ง

เพียงแต่ความหวาดกลัว สั่นไหว และสะท้านสะเทือนในใจผู้คนกลับไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้

“เขาทำสำเร็จแล้ว…”

ฉีหลิงเจิ้น จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น ฟู่เจาเซิงจิตใจจมดิ่ง ความไม่ยินยอมผุดขึ้นในใจ

จนถึงตอนนี้ พวกเขาถึงกล้าแน่ใจในที่สุดว่าหลินสวินไม่เพียงรอดชีวิต ซ้ำยังทะลวงด่านเคราะห์แจ้งมรรคในคราวเดียว!

ภาพที่พวกเขาคิดว่าหลินสวินจะต้องร่วงหล่นอย่างแน่นอนก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด

“ถึงกับสำเร็จแล้วจริงๆ ด้วย!”

คนมากมายเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน สีหน้าเผยแววดีใจและตื่นเต้นที่ยากปกปิด บรรยากาศที่แต่เดิมเงียบสงัดก็ถูกเสียงร้องอุทานเซ็งแซ่กลบมิด

ก่อนหน้านี้ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่หลินสวินข้ามด่านเคราะห์ทำให้ผู้คนสิ้นหวังและจนปัญญาปานใด เพราะพิบัติเคราะห์ระดับนั้นเหนือจินตนาการและความเข้าใจของทุกคนอย่างสิ้นเชิง มองไม่เห็นความหวังที่จะสำเร็จสักนิด

ทว่าท้ายที่สุดหลินสวินกลับรอดชีวิตดั่งปาฏิหาริย์ แจ้งมรรคอมตะเหนือยอดเขาที่เก้า!

นี่เหมือนสิ่งที่ไม่มีชีวิตกลับปรากฏกลิ่นอายแห่งชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

พวกตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ มู่จุนอู๋ราวถูกสายฟ้าฟาด สีหน้านิ่งขรึมอย่างสมบูรณ์

เหตุการณ์นี้ได้กำหนดแล้วว่า นับแต่วันนี้ไปพวกเขากับหลินสวินก็คือคนที่อยู่คนละโลก ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันอีกต่อไป ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น!

“สำเร็จแล้ว… คุณชายทำสำเร็จแล้ว…”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยพึมพำ ตื่นเต้นจนร่างอรชรสั่นน้อยๆ ความหวั่นวิตก กดดัน และตึงเครียดในใจล้วนได้รับการปลอบประโลมครั้งใหญ่ที่ใหญ่ในชั่วขณะนี้

“ใช่ สำเร็จแล้ว เจ้าหมอนี่ไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวังอยู่แล้ว!”

เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มเจิดจ้า เพียงแต่สองหมัดที่กำแน่นนั้นกลับแสดงให้เห็นว่าภายในใจเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าที่แสดงออกมา

“ฮ่าๆๆๆ! ผลสำเร็จระดับนี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีมครเทียบเทียม!”

ยามนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างเสวียนเฟยหลิงยังตื่นเต้นจนระเบิดหัวเราะ อัศจรรย์ใจไปกับเรื่องนี้ด้วย

“อย่างน้อยในประวัติศาสตร์โลกยอดนิรันดร์ ข้าก็เพิ่งเคยเจอเคราะห์มรรคอมตะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้เป็นครั้งแรก สามารถสะเทือนหมื่นกาลได้!”

ตู๋กูยงก็ยากจะข่มกลั้นอารมณ์ ทอดถอนใจชื่นชม

“จริงแท้!”

ฟางเต้าผิงพยักหน้าจริงจัง แววตมเต็มไปด้วยความทอดถอนใจ

มหาเคราะห์ครั้งหนึ่งทำให้สภาวะจิตของเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขาล้วนเดือดพล่านดุจกระแสน้ำ ไม่อาจสงบนิ่ง นี่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าการข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินน่าตกตะลึงปานใด!

และเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกฉินอู๋อวี้ โม่หลันซาน เซียวเหวินหยวน หลีเจิน เวลานี้ก็ยากจะกลบซ่อนความยินดีและสะท้านสะเทือนในใจเอาไว้ได้

หลินสวินทะลวงด่านเคราะห์ในครั้งนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไป และไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!

พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนมือชุ่มเหงื่อ กังวลไม่รู้กี่ครั้ง

ครั้นหันมองดูคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิว สีหน้าแต่ละคนแข็งทื่อ อึมครึม ไม่น่าดูยิ่ง!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท