Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2748 ดุจตะวันกลางฟ้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2748 ดุจตะวันกลางฟ้า

ตอนที่ 2748 ดุจตะวันกลางฟ้า

จักระเทพโกลาหล

เป็นพลังสายเลือดที่มีมาแต่กำเนิดของทายาทสายตรงตระกูลฉี อภินิหารพรสวรรค์ที่ผสมผสานกฎเกณฑ์แรกกำเนิดบุกเบิกออกมา

ความยิ่งใหญ่ในอานุภาพของมันเลื่องระบือทั่วน่านฟ้าที่แปดตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว

ในฐานะทวดของฉินหลิงเจิ้น ฉีเซียวอวิ๋นย่อมรู้ความน่าสะพรึงของอภินิหารพรสวรรค์ระดับนี้ดีที่สุด

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าแม้ฉินหลิงเจิ้นจะใช้จักระเทพโกลาหล ก็ยังคงถูกหลินสวินใช้พลังกำราบอันอหังการทำลายสิ้น!

เมื่อเห็นภาพที่ฉินหลิงเจิ้นถูกระเบิดกายมรรค พลังจิตถูกจับกุม หัวใจของเขาก็เสมือนถูกบีบแน่น หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ตะโกนลั่นโดยจิตใต้สำนึก

“หยุดนะ!”

เพียงสองคำดุจดั่งสายสายฟ้าฟาด ดังก้องไปทั่วลาน

เสวียนเฟยหลิงยิ้มเย็นทันที การประลองตัดสินเป็นตายนี้ ในเมื่อเริ่มแล้วไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรบกวนและขัดขวางได้

เขากำลังจะตะโกนบอกให้ฉีเซียวอวิ๋นระวังกฎ ก็เป็นตอนนี้เอง…

ปึง!

ในสนามรบพิพาทสวรรค์ พลังจิตของฉินหลิงเจิ้นแตกระเบิดกลางฝ่ามือหลินสวิน อันตรธานสลายไปดุจฟองอากาศ

ส่วนเงาร่างของหลินสวินก็พริบวาบออกไปไกลๆ หลบเลี่ยงการโจมตีจากพวกจงหลีหรันสามคนนานแล้ว

ทุกคนล้วนถูกภาพนี้ทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง เผยแววไม่อยากเชื่อ

นั่นเป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งหอแรกนภา ยิ่งเป็นทายาทสายตรงของตระกูลฉี ฉีเซียวอวิ๋นปู่ทวดของเขาก็ชมการต่อสู้อยู่นอกสนาม

แต่กลับถูกสังหารทั้งอย่างนี้!?

ภาพการตายที่ตั้งตัวไม่ทันนี้ทำให้ในใจคนใหญ่คนโตเหล่านั้นสะท้านสะเทือน สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป

ฉินหลิงเจิ้นถูกสังหาร!

กายและจิตของเขาล้วนดับสูญ ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก!

นี่ทำให้ผู้สืบทอดบางส่วนล้วนสะเทือนขวัญ อึ้งค้างอยู่ตรงนั้น

ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อสี่ หลินสวินกลับสั่นคลอนเหล่าศัตรู สังหารฉินหลิงเจิ้นในเวลานี้ได้!

นี่น่าตกตะลึงยิ่งยวด

เมื่อหันมองฉีเซียวอวิ๋นอีกครา บนใบหน้ามีเส้นเลือดปูดโปน อึมครึมน่าสะพรึง ไอสังหารในดวงตาลุกโชน ถูกกระตุ้นจนแทบระเบิดสิ้ในสนามรบพิพาทสวรรค์ห้ามไม่ให้ใช้พลังระเบียบและสมบัติลับต้องห้ามทุกชนิด การประลองในนั้นมีแต่ต้องพึ่งมรรควิถีและพลังต่อสู้ในตัวล้วนๆ

และเพราะเป็นเช่นนี้จึงทำให้ไพ่ตายรักษาชีพบางส่วนบนตัวฉินหลิงเจิ้นใช้ไม่ได้ผล ไม่สามารถปกป้องชีวิตในช่วงเวลาสุดท้ายได้

แต่แม้ว่าจะรู้เรื่องเหล่านี้ดี เมื่อเห็นฉินหลิงเจิ้นถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกนั้นก็เหมือนมีดจ้วงแทงเข้าที่ขั้วหัวใจ ทำให้ฉีเซียวอวิ๋นโกรธแค้นแทบคลั่ง!

ในสนามรบพิพาทสวรรค์

จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น ฟู่เจาเซิงสามคนก็เย็นวาบไปทั้งตัว การตายของฉินหลิงเจิ้นทำให้พวกเขาก็ไม่อาจสงบได้เช่นกัน ในใจมีความหวาดกลัวยิ่งยวดไหลทะลัก

ก่อนหน้านี้พวกเขายังดูแคลนการร่วมกันกำจัดหลินสวิน

ต่อมาเมื่อตระหนักได้ว่าหลินสวินมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้า จึงไม่มัวสนศักดิ์ศรี ออกโจมตีพร้อมกัน เดิมคิดว่าเช่นนี้จะสามารถสังหารหลินสวินได้

แต่ตอนนี้ดูท่าพวกเขาล้วนคิดผิดแล้ว!

“ตาพวกเจ้าแล้ว”

ไกลออกไปหลินสวินสีหน้าเฉยเมย การสังหารฉินหลิงเจิ้นยังไม่พอระบายความแค้นในใจเขา

สวบ!

เสียงเพิ่งสิ้นสุดเงาร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าจงหลีหรันแล้ว เขาชูหมัดโจมตี

สนามรบพิพาทสวรรค์มีที่ถอยหลบจำกัด หากไม่รอดก็ต้องตาย

จงหลีหรันไม่กล้าชะล่าใจ ปลดปล่อยมรรควิถีในตัวเต็มกำลัง ประหนึ่งสู้สุดชีวิต

นอกจากนี้ฟู่เจาเซิงและกู้เซ่าอิ้นก็ราวกับบ้าคลั่ง ร่วมมือกับจงหลีหรันโจมตีขนาบหลินสวิน

เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีฉินหลิงเจิ้นร่วมด้วย พวกเขายังไม่สามารถกำราบหลินสวินได้ นับประสาอะไรกับตอนนี้

ต่อให้สู้สุดตัวก็เห็นชัดว่ายังไม่พอ

ตูม!

ในการต่อสู้ดุเดือด หลินสวินซัดหมัดโจมตี อหังการไร้ขอบเขต กฎเกณฑ์อมตระทั้งร่างบ้างแปลงเป็นเหวใหญ่คลุมเครือ บ้างสำแดงลักษณ์เป็นเตาหลอมกลียุค เกรียงไกรดุจไร้ศัตรู อานุภาพระดับนั้นทำให้คนไม่รู้เท่าไรในที่นี้ตกตะลึง

ไม่ทันไรพวกจงหลีหรันก็บาดเจ็บตามๆ กัน!

“ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

ทันใดนั้นจงหลีหรันที่บาดเจ็บเลือดอาบส่งเสียงคำรามเดือด

ดวงตาเขาเต็มไปด้วยเลือด เดือดดาลจนผมแผ่สยาย ทั่วร่างปรากฏเพลิงเทพอมตะขาวหิมะออกมาทันควัน ตัดสลับกลางห้วงอากาศ กลายเป็นดอกมันดาลาสีขาวเร้นลับดอกหนึ่ง

อภินิหารพรสวรรค์…

จุติขาวชำระเพลิง!

ดอกไม้สีขาวประหลาดนั้นลุกโชน เปลวเพลิงขาวหิมะพวยพุ่งหมื่นจั้ง ปิดครอบพื้นที่แถบนั้น และกลบร่างของหลินสวินไปด้วย

เสียงอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้นจากนอกสนาม

เปลวเพลิงนี้เผด็จการเกินไป อาละวาดอยู่ในสนามรบ หลอมละลายฟ้าดินแถบนั้นหมดสิ้น หากไม่เพราะมีพลังผนึกขวางกั้น ทันทีที่กระจายออกมา ต้องทำลายล้างภูผาธาราแถบนี้แน่

และอานุภาพระดับนี้ก็ทำให้ระดับอมตะบางส่วนใจเต้นเนื้อกระตุกเช่นกัน

นี่เป็นการโจมตีสุดชีวิตแบบไม่สนใจสิ่งใดอย่างไม่ต้องสงสัย!

ทว่า…

เมื่อละอองเพลิงสีขาวไพศาลนั่นกระจายไป เงาร่างของหลินสวินกลับปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของทุกคนอย่างสมบูรณ์ไร้บาดเจ็บ

แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่มีความเสียหายใดๆ แม้เพียงเสี้ยว

เมื่อมองเห็นภาพนี้ จงหลีหรันราวกับถูกสายฟ้าฟาด แรงสะเทือนนี้รุนแรงเกินไปจริงๆ การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขากลับไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย!

“ตาย”

ริมฝีปากหลินสวินเอ่ยออกมาเบาๆ คำเดียว

ปราณกระบี่สะท้านนับไม่ถ้วยพวยพุ่งออกมาจากผิวหนังทั่วร่างเขา ก่อตัวเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่ไพศาลที่ประหนึ่งเขาอมตะลูกหนึ่งกลางอากาศ ก่อนกดลงมาอย่างกึกก้อง

จงหลีหรันไม่สามารถหลบได้สักนิด เพราะสี่ทิศแปดทางล้วนเต็มไปด้วยปราณกระบี่แน่นขนัด หนีจนไม่อาจหนี

“ทลาย!”

เขาตะโกนเสียงดัง ทั้งตัวดุจดั่งเพลิงโหม อานุภาพอมตะปะทุออกมา หมายจะเปิดทางรอด

แต่ที่ทำให้เขาสิ้นหวังคือ กระบวนค่ายกลกระบี่นั่นแน่นหนาไม่อาจทำลาย ไม่สามารถสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

ตูม!

กระบวนค่ายกลกระบี่ร่วงลงมาท่วมร่างของจงหลีหรันมิด ตัวเขาก็กายดับมรรคสลายทั้งอย่างนี้ ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

ไม่ไกลนักฟู่เจาเซิงและกู้เซ่าอิ้นตกใจจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้พวกเขายังเคยพยายามไปช่วยจงหลีหรันสกัดขวาง แต่ไม่เป็นผลสักนิด ถึงขั้นที่หากไม่เพราะหลบทันเวลา ก็เป็นไปได้สูงว่าอาจโดนลูกหลงไปด้วย!

“ตายแล้ว…”

ทุกคนที่อยู่นอกสนามแววตางุนงง

การร่วงหล่นติดต่อกันของฉินหลิงเจิ้นและจงหลีหรัน สร้างความสะท้านสะเทือนยิ่งยวดต่อทุกคนในที่นี้ ล้วนไม่สามารถจินตนาการได้ว่าระดับอมตะอย่างพวกเขา ถูกคนที่เพิ่งทะลวงระดับอย่างหลินสวินฆ่าตายได้อย่างไร

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป!

“บัดซบ!”

คนใหญ่คนโตของตระกูลจงหลีหลายคนเห็นภาพเหล่านี้ต่างก็เดือดดาลแทบคลั่งเช่นกัน อยากพุ่งเข้าไปในสนามรบ โจมตีหลินสวินให้ตายอนาถใจจะขาด

“มิน่าเขาถึงยืนกรานจะให้สี่คนนั้นเข้าสนามรบพิพาทสวรรค์พร้อมกัน หากไม่เป็นเช่นนี้ คู่ต่อสู้คนอื่นเกรงว่าคงไม่กล้ารับคำท้าไปแล้ว…”

เสวียนเฟยหลิงพ่นลมหายใจยาว

ฝีมือแข็งกร้าวที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้เฒ่าชราอย่างพวกดเขาต่างสะท้านสะเทือน และเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดก่อนเริ่มเปิดศึกหลินสวินจึงยืนกรานขนาดนั้น

“เจ้านี่เกรงว่าจะฆ่าทิ้งให้หมด”

ตู๋กูยงกล่าวเสียงเบา

ดังคาด ในสนามรบพิพาทสวรรค์แห่งนั้น หลินสวินสำแดงพลังโจมตี พุ่งเข้าใส่กู้เซ่าอิ้นและฟู่เจาเซิงแล้ว

ทั้งคู่ตกใจหวาดกลัวนานแล้ว หวาดหวั่นยิ่งยวด แต่กลับไม่มีทางถอยแต่แรก

เพราะที่นี่คือสนามรบพิพาทสวรรค์ เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว หากไม่ตัดสินเป็นตายก็ไม่สามารถออกไปได้!

หากไม่เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็มั่นใจว่าจะหนีออกจากสนามรบนี้ได้…

แต่มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ก็สายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

ตูม!

หลินสวินพุ่งเข้ามา กู้เซ่าอิ้นต่อสู้สุดใจ เข้าต้านทานเขา แต่เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ถูกหนึ่งหมัดของหลินสวินซัดใส่ตัว ร่างแตกระเบิดออกทันที เลือดสดพุ่งสูงกระฉูด

“ศิษย์น้อง เหลือทางรอดให้กันได้หรือไม่” พลังจิตของกู้เซ่าอิ้นกล่าวเสียงแหบ

“ไม่ได้”

คำพูดของหลินสวินเย็นชา ฝ่ามือดุจม่านคลุมฟ้า แผ่ครอบพลังจิตของกู้เซ่าอิ้นแล้วบีบลวกๆ คราหนึ่ง เสียงปึงดังออกมา พลังจิตกู้เซ่าอิ้นถูกบดขยี้แหลก

ฟู่เจาเซิงที่เหลืออยู่คนสุดท้ายสภาวะจิตล้วนมีสัญญาณพังทลาย แม้ว่าเขาจะเป็นระดับอมตะ แต่เวลานี้ก็ยังอดรู้สึกนึกเสียใจภายหลังไม่ได้

หากรู้เช่นนี้แต่แรก เมื่อคืนวานจะรับนัดท้าสู้ของหลินสวินได้อย่างไร!?

การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น ฟู่เจาเซิงถูกสังหารในหนึ่งกระบี่

ก่อนสิ้นใจสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น ถอนใจยาวกล่าวว่า “ลัทธิแรกกำเนิดก็หาใช่แดนพิสุทธิ์ของข้า ตายไปนับว่าได้หมดทุกข์…”

นอกสนามเงียบกริบทั้งแถบ

ทุกคนล้วนเสียงหายกันหมด สภาวะจิตสะเทือนไหว

เหตุการณ์ทั้งหมดเพียงแค่ครึ่งเค่อ ศิษย์ระดับอมตะแห่งหอแรกนภาสี่คนอย่างพวกฉินหลิงเจิ้น จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น และฟู่เจาเซิงร่วงหล่นในสนามรบพิพาทสวรรค์!

และคนที่สังหารพวกเขาก็คือหลินสวินที่เพิ่งข้ามด่านเคราะห์ แจ้งมรรคอมตะสำเร็จในวันนี้!

ทั้งหมดไม่สมจริงราวกับฝันร้าย

คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน อวิ๋นเทียนหมิงต่างนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ เพียงแต่สีหน้าแต่ละคนล้วนอึมครึม ไม่น่าดูยิ่งยวด

เพื่อขัดขวางไม่ให้หลินสวินข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ พวกเขาทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายมหาศาล ใช้พลังไปไม่รู้เท่าไร แต่กลับล้มเหลว

ไม่มีใครคาดคิดว่าสภาวะจิตของหลินสวินจะแน่วแน่และกล้าแข็งเช่นนั้น

เดิมคิดว่าครั้งนี้อาศัยมือของพวกฉินหลิงเจิ้นสี่คน ต้องสามารถกำจัดหลินสวินในการประลองนี้ได้ในคราวเดียว แต่ผลสุดท้ายกลับต้องสังเวยชีวิตของพวกฉินหลิงเจิ้นทั้งสี่คน

ส่วนหลินสวินกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด!

นี่ทำให้ในใจพวกฝูเหวินหลีรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ เดือดดาล และอัดอั้น

ระดับอมตะอย่างพวกฉินหลิงเจิ้น เหนือกว่าคนระดับเดียวกันในโลกภายนอก ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องกลายเป็นเสาหลักของแต่ละตระกูล

แต่ตอนนี้ล้วนวอดวายกันหมด!

ส่วนหลินสวินกลับรอดชีวิต ก็หมายความว่ามรรคาอมตะสายนั้นที่เขาเหยียบย่าง ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้อีกฝนช่วงสั้นๆ!

ด้านพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงราวกับยกภูเขาออกจากอก รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว ยามเห็นสีหน้าของพวกฝูเหวินหลีล้วนอดยิ้มหยันไม่ได้

ตกม้าตายตอนจบก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้!

สำหรับพวกเสวียนเฟยหลิง ขอเพียงหลินสวินรอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว

“ชนะทั้งอย่างนี้เลยหรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นอึ้งงัน ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึงได้อยู่บ้าง

“ชนะแล้ว!”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่อยู่ข้างกันนัยน์ตาทอประกายวาววาม นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ และมั่นใจยิ่งว่าจะเป็นเช่นนี้

เพราะในใจของนาง ขอเพียงเป็นเรื่องที่หลินสวินจะทำ บางทีอาจเกิดความผันผวนหรืออาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายย่อมไม่มีทางล้มเหลว!

“ชนะแล้ว!”

ผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าอย่างพวกฉินรั่วหลิงล้วนตื่นเต้นสุดขีด ภายในใจเดือดพล่าน

ช่วงหลายวันนี้ยอดเขาที่เก้าได้รับแรงกดดันมากมาย ศิษย์บางส่วนถูกลงโทษ หัวหน้ายอดเขาฉินอู๋อวี้ก็กำลังถูกถอดตำแหน่ง แม้แต่สถานการณ์ของศิษย์อย่างพวกเขาก็ยังย่ำแย่ถึงขีดสุด

แต่เวลานี้เมื่อเห็นหลินสวินสังหารคู่ต่อสู้ตายคาที่ไปทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ ความโกรธที่สั่งสมอยู่ในใจพวกเขาก็เหมือนได้ระบายออกมาเสียที สะใจยิ่งยวด

‘นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ใช่ตัวหมากที่ถูกใครหน้าไหนบงการอีกแล้ว’

ในใจฉินอู๋อวี้ทอดถอนใจ ปลื้มปิติหาใดเปรียบ

เมื่อก้าวสู่อมตะ ก็จะมีรากฐานไปต่อต้านคนใหญ่คนโตเหล่านั้นได้ และสถานะของตัวหมากก็จะกลายเป็นผู้ประชันหมาก!

หลินสวินทำได้ถึงขั้นนี้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

“ศิษย์น้องหลินเยี่ยมยอด!”

ไม่รู้ว่าใครระงับใจไม่อยู่โพล่งออกมาเสียงดัง บรรยากาศเงียบสงัดในที่นี้ถูกทำลายลง เสียงมากมายหลากหลายดังก้องดุจกระแสน้ำเชี่ยวตามมาติดๆ

เวลานี้ในสนามรบพิพาทสวรรค์ เงาร่างสูงโปร่งสายนั้นเอามือไพล่หลัง ยืนเพียงลำพังอยู่ตรงนั้น กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทั่วลานในทันที

ดุจตะวันกลางฟ้า!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท