Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2753 ของขวัญจากแมวขาวยักษ์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2753 ของขวัญจากแมวขาวยักษ์

ตอนที่ 2753 ของขวัญจากแมวขาวยักษ์

ทั่วลานเงียบกริบ

รอยกระบี่สีเลือดจางๆ สายนั้นแผ่ลามลงมาจากหน้าผากของจินจงเยวี่ย

แวบแรกที่ทุกคนมองเห็นล้วนผุดความคิดเดียวกันขึ้นมา

หากกระบี่นี้ออกแรงกว่านี้อีกนิด จินจงเยวี่ยจะไม่ถูกผ่าเป็นสองท่อนหรือ

ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาเหล่านั้นล้วนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น

ไม่อาจจินตนาการว่ารองผู้ดูแลหอแรกนภาลำดับสิบสองอย่างจินจงเยวี่ยที่มีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ จะถูกกระบี่เดียวเอาชนะได้อย่างไร!

ภาพนั้นสะเทือนใจผู้คนเกินไป!

คนระดับรองผู้ดูแลบางส่วนล้วนหนาวเยือกไปทั้งตัว

ลองถามตัวเองว่าพวกเขาสามารถต้านทานกระบี่นี้ได้หรือไม่

และสิ่งที่สะท้านสะเทือนคนใหญ่คนโตในที่นั้น ก็คือเตากระบี่ของหลินสวิน!

ขวานปากไก่มังกรดำถูกตัดสะบั้นอย่างง่ายดาย นี่พิสูจน์ว่าแม้จะเป็นศาสตรามรรคอมตะ เตากระบี่ของหลินสวินก็เรียกได้ว่าเป็นของระดับปลายยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!

จุดสำคัญที่จินจงเยวี่ยพ่ายแพ้ ก็อยู่ที่เขานึกไม่ถึงสักนิดว่าเตากระบี่ของหลินสวินจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ยามตั้งรับก็มั่นคงไม่อาจทลาย ยามโจมตีก็ทำลายได้ทุกสิ่งไม่อาจต้านทาน!

เพราะเป็นเช่นนี้จึงถูกกระบี่ของหลินสวินโจมตีจนรับมือไม่ทัน ส่งผลให้พ่ายแพ้

ในสนามรบพิพาทสวรรค์ หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หน้าที่สำคัญอย่างการเฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็มอบให้ท่านแล้ว”

ทุกคนล้วนอึ้งไป เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณหรือ

“ทุกท่านคงยังไม่รู้ เมื่อวานนี้รองผู้ดูแลจินออกคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้หลินสวินไปเฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่ตอนนี้รองผู้ดูแลจินแพ้แล้ว หลินสวินจะรับช่วงต่อตำแหน่งของเขา ส่วนหน้าที่ของหลินสวินก็ให้รองผู้ดูแลจินไปแทน”

คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเอ่ยปาก ทำลายความมึนงงในนั้น

ในที่นั้นฮือฮาทันที คราวนี้จึงเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดวันนี้หลินสวินจึงท้าสู้กับจินจงเยวี่ย ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน แต่เพราะถูกจินจงเยวี่ยกลั่นแกล้ง!

“ให้คนสะท้านยุคอย่างหลินสวินไปเป็นยามเฝ้าประตู ไม่ใช่เพียงกลั่นแกล้งแล้ว แต่จงใจทำให้อับอายขายหน้าชัดๆ!”

คนมากมายกล่าวอย่างเดือดดาล

“ฮ่าๆ เช่นนั้นรองผู้ดูแลจินก็ไม่คู่ควรกับการเห็นใจแล้ว อย่างเขาเรียกว่ายกหินทับเท้าตัวเอง หาเรื่องใส่ตัว สมน้ำหน้า!”

มีคนยิ้มเย็น

จินจงเยวี่ยสีหน้าห่อเหี่ยว ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและอับอาย รู้สึกอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดิน ไม่อาจทนอยู่ต่อได้อีกจึงหมุนตัวจากไปทันที

ผู้อาวุโสหอแรกนภาเฉาเป่ยโต้วที่ได้เห็นทุกอย่างนี้ในสายตาอยู่ไกลๆ สีหน้ามืดมนดุจสายน้ำ

วันนี้หลินสวินเอาชนะจินจงเยวี่ย เข้าแทนที่ตำแหน่งอีกฝ่าย กลายเป็นหนึ่งในยี่สิบสี่รองผู้ดูแลหอแรกนภาอย่างราบรื่น!

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง

ในวันนี้ ยังทำให้ผู้คนจดจำพลังต่อสู้เย้ยฟ้าและศาสตรามรรคอมตะของหลินสวินได้อย่างลึกซึ้ง

“ผู้ดูแลเถา หน้าที่ของรองผู้ดูแลคืออะไรหรือ”

หลังออกจากสนามรบพิพาทสวรรค์กลับมาที่เขาแรกนภา หลินสวินก็หามาผู้ดูแลเถาเหลิ่ง

เถาเหลิ่งยื่นป้ายคำสั่งลัทธิของรองผู้ดูแลให้หลินสวินก่อน แล้วจึงกล่าวว่า

“รองผู้ดูแลยี่สิบสี่คน แต่ละคนมีหน้าที่คนละอย่าง หน้าที่ของจินจงเยวี่ยเมื่อก่อนก็คือ เมื่อศิษย์สืบทอดแท้จริงของเก้ายอดเข้าใหญ่ทำผิดละเมิดกฎ เขาจะเป็นผู้กำหนดโทษและลงทัณฑ์”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ตอนนี้เจ้าแทนที่ตำแหน่งของจินจงเยวี่ยแล้ว ภาระหน้าที่ย่อมเหมือนกัน แน่นอนว่าเวลาส่วนใหญ่ที่ไม่มีเรื่องใดก็จะเพ่งจิตฝึกปราณ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

คราวนี้หลินสวินจึงเข้าใจ

เถาเหลิ่งคิดๆ แล้วอดเอ่ยถามไม่ได้ “หลินสวิน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นรองผู้ดูแลแล้ว ตั้งใจจะไปชิงตำแหน่งผู้ดูแลเมื่อไร”

เขาใคร่รู้มากจริงๆ

เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีกว่า หลินสวินก็เลื่อนขั้นจากศิษย์สืบทอดแท้จริงยอดเขาที่เก้าไม่หยุด จนตอนนี้ได้เป็นรองผู้ดูแลแล้ว

ไม่ต้องคิดสักนิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป หลินสวินต้องชิงตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมแน่

“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดขอรับ”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ครั้งนี้เป็นเพราะจินจงเยวี่ยเล่นงานข้าก่อน หาไม่จากแผนการเดิมของข้า คงรอครึ่งปีให้หลังจึงจะไปท้าทายตำแหน่งรองผู้ดูแล อีกทั้งไม่เคยคิดลงกับมือจินจงเยวี่ยสักนิด”

เถาเหลิ่งแววตาแปลกไป กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “หากจินจงเยวี่ยรู้เข้า เกรงว่าคงเจ็บช้ำยันลำไส้แน่”

ทั้งคู่คุยกันอีกพักหนึ่งหลินสวินจึงขอตัวลา

หลินสวินกลับมาที่ถ้ำสถิตแดนมงคลของตนแล้วนั่งทำสมาธิ

ตอนนี้เขาเป็นรองผู้ดูแลแล้ว แต่คิดอยากขึ้นเป็นผู้ดูแล ผู้อาวุโส และรองหัวหน้าหอภายในร้อยปีกลับยากเย็นถึงขีดสุด

อย่างเช่นการเป็นผู้ดูแล เงื่อนไขก็เข้มงวดสุดขีด

ในแง่พลังปราณ ย่อมต้องเป็นขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลาย

นอกจากนี้ยังต้องผ่านการประเมินของลัทธิ เนื้อหาการประเมินจะแจกจ่ายโดยระดับรองหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์แต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักที่ยากเย็นแสนเข็ญอย่างหนึ่ง

สุดท้ายจึงจะมีคุณสมบัติไปท้าทายหนึ่งในสิบสองผู้ดูแล หากสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็จะกลายเป็นผู้ดูแลอย่างราบรื่น!

นี่ยังเป็นแค่การเลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลเท่านั้น

หากอยากเป็นผู้อาวุโสสามหอ เงื่อนไขยิ่งเข้มงวดและวิปริตยิ่งกว่า แค่ข้อแรกก็ต้องมีมรรควิถีขั้นดับเทพแล้ว

ลำพังแค่จุดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้จะสามารถไขว่คว้าได้

ต่อให้ตอนนี้เขาอยากเป็นผู้ดูแล แต่พลังปราณก็ยังไม่พอ ต้องอยู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายจึงจะได้

สำหรับหลินสวินแล้ว เป้าหมายในตอนนี้คือรีบเร่งพัฒนาพลังปราณโดยเร็วที่สุด

หืม?

จู่ๆ หลินสวินที่กำลังฝึกปราณพลันรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ลืมตาขึ้นมาพลัน

ก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร แมวขาวยักษ์ขนขาวราวหิมะนุ่มลื่น รูปร่างอ้วนพีตัวนั้นนั่งอยู่ไม่ไกลนัก นัยน์ตาเขียวมรกตคู่นั้นกำลังจ้องมองตนอยู่

“ที่แท้เป็นผู้อาวุโสนี่เอง”

หลังจากตกใจหลินสวินก็ลอบถอนหายใจโล่งอก

“ข้าอยากคุยกับอาจารย์อาของเจ้าสักหน่อย”

แมวขาวยักษ์เอ่ยปาก เสียงยังคงน่าเกรงขามดังเดิม

หลินสวินมีหรือจะกล้าปฏิเสธ เชิญคงเจวี๋ยออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที

คงเจวี๋ยกำลังหลับลึกนอนกรน ต่อให้ถูกพาตัวออกมาก็เอนตัวนอนบนพื้นตรงๆ แล้วเริ่มหลับต่อ หนังตาไม่ได้ลืมขึ้นมาสักนิด

หลินสวินเพิ่งหมายจะส่งเสียงปลุกเขาก็ถูกแมวขาวยักษ์ห้ามไว้

ดวงตาเขียวมรกตของมันจับจ้องคงเจวี๋ย นัยน์ตาปรากฏประกายเร้นลับยากหยั่งถึง ไม่รู้ว่ากำลังสัมผัสอะไรอยู่

แม้ว่าในใจหลินสวินจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม

“สหายยุทธ์”

เนิ่นนานจู่ๆ แมวขาวยักษ์ก็เอ่ยปาก “ที่แห่งนี้ไม่เหมาะให้เจ้าฝึกปราณ ไม่สู้ไปพักในอาณาเขตของข้าสักระยะดีหรือไม่”

ทันใดนั้นคงเจวี๋ยที่นอนกรนพลันพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง กล่าวว่า “มีเหล้าหรือไม่”

แมวขาวยักษ์กล่าว “มี แถมยังมีเหล้าหมักศักดิ์สิทธิ์ ‘ทลายทัพ’ ที่เจ้าชื่นชอบอีกด้วย”

คงเจวี๋ยดีดตัวผึง ตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกาย “ไป!”

แมวขาวยักษ์พยักหน้าน้อยๆ ครู่ต่อมาเงาร่างของมันและคงเจวี๋ยก็อันตรธานหายไป ทำเอาหลินสวินยังถามไถ่ไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขัดขวาง

อันที่จริงเขาก็ไม่มีปัญญาห้ามไม่ให้แมวขาวยักษ์พาตัวคงเจวี๋ยไป

เพียงแต่นึกถึงภาพต่างๆ เมื่อครู่ ในใจหลินสวินก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หรือว่าสภาวะจิตของอาจารย์อาได้รับการซ่อมแซมแล้วหรือ

ทันใดนั้นขวดหยกมันแพะและป้ายคำสั่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ในใจหลินสวินมีเสียงน่าเกรงขามของแมวขาวยักษ์ดังขึ้น ‘ทุกเดือนขวดนี้สามารถควบรวมโอสถอมตะสุริยันจันทราได้หนึ่งพันเม็ด หนึ่งเม็ดเทียบเท่ากับแกนเทพอมตะหนึ่งพันชั่ง ในร้อยปีนี้ก็ให้เจ้ายืมใช้ขวดนี้ชั่วคราวแล้วกัน’

“ส่วนในป้ายคำสั่งนี้เป็นรูปจำลองเจตจำนงของข้า สามารถใช้ได้สามครั้ง ในหนึ่งเดือนใช้ได้หนึ่งครั้ง ใช้ในยามประสบเหตุอันตรายถึงชีวิต”

“เจ้าช่วยเหลืออาจารย์อาของเจ้าครั้งใหญ่ และช่วยเหลือข้าครั้งใหญ่เช่นกัน ของพวกนี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า จำไว้ว่าอย่าเอ่ยกับผู้อื่น และอย่าใช้รูปจำลองเจตจำนงของข้าในลัทธิแรกกำเนิด”

ในใจหลินสวินสะเทือนไหว ถูกของขวัญที่ได้มาอย่างปุบปับนี้ทำเอาตั้งรับไม่ทัน

ช่วยอาจารย์อาและแมวขาวยักษ์ครั้งใหญ่หรือ

ว่าแต่ช่วยตอนไหน และช่วยเรื่องอะไร

เหตุใดตนถึงไม่รู้

หลินสวินงงงันยิ่ง หลังจากค่อยๆ สงบใจลง จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยกล่าวในปีนั้น

อาจารย์อาคงเจวี๋ยเสาะแสวงยอดมรรคาอมตะจนทำให้สภาวะจิตเกิดปัญหา และคนที่สามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ มีเพียงตนเท่านั้น!

‘คงไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่ข้าพบเจอยามแจ้งมรรคอมตะล้วนถูกอาจารย์อาคงเจวี๋ยมองเห็น และมองทะลุนัยเร้นลับยอดอมตะบางส่วนได้ ทำให้สภาวะจิตที่เสียหายของเขาได้รับการซ่อมแซมหรอกกระมัง’

‘แมวขาวยักษ์ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่’

หลินสวินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ในใจก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย หากสามารถช่วยอาจารย์อาคงเจวี๋ยได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องดียิ่งยวด

เขาส่ายหน้าเบาๆ ไม่คิดมากอีก ถือขวดหยกมันแพะและป้ายคำสั่งนั่นไว้ในมือแล้วเริ่มสำรวจ

ขวดหยกมันแพะสูงเพียงเก้าชุ่น หนาเท่าแขนเด็ก ตัวขวดขาวใสโปร่งแสง ถือแล้วเย็นมือ ปากขวดรายล้อมด้วยกลิ่นอายอมตะศักดิ์สิทธิ์เป็นสายๆ

หลินสวินรินขวดหยกลง ทันใดนั้นโอสถเทพขนาดราวไข่นกพิราบเม็ดหนึ่งก็ปรากฏออกมา สว่างไสวเรืองรอง กลิ่นยาคละคลุ้ง ลายมรรคประหนึ่งอมตะเป็นสายๆ ตัดสลับบนพื้นผิวโอสถเทพ และภายในโอสถเทพก็มีสุริยันจันทราลอยผลุบโผล่ แก่นพลังอมตะพลุ่งพล่านไร้ทัดเทียมแผ่ออกมา

โอสถอมตะสุริยันจันทรา!

นัยน์ตาหลินสวินเป็นประกาย

หนึ่งเม็ดเทียบได้กับแกนเทพอมตะพันชั่ง และหนึ่งเดือนขวดนี้สามารถควบรวมโอสถเทพอมตะได้หนึ่งพันเม็ด นี่ก็หมายความว่าภายในหนึ่งร้อยปี ยามฝึกปราณเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแกนเทพอมตะอีก!

‘สมบัติดียิ่ง!’

หลินสวินอุทานในใจ ขวดหยกมันแพะนี้เป็นสมบัติล้ำค่าน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน มูลค่าประเมินไม่ได้

จากนั้นเขาก็เอาป้ายคำสั่งชิ้นนั้นมาถือในมือ

ป้ายคำสั่งนี้หนักมือ คล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยก ตัวป้ายดำสนิท พื้นผิวปกคลุมด้วยพลังระเบียบที่คลุมเครือสุดขีด เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินสอดส่องเข้าไปในนั้น

ตูม!

ในหัวของเขาราวแตกระเบิด จักรวาลไพศาลแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น ดวงดาวมหาศาลโคจร มีเงาร่างสายหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั่งร่างหลั่งรินประกายเทพอมตะไพศาล เรืองรองไร้ขอบเขต เกรียงไกรดุจเทพ ควบคุมจักรวาลผืนนี้

และยามมองเห็นเงาร่างสายนี้ชัดเจน หลินสวินก็อึ้งไป

หัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้!!

ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยเดินทางพร้อมโม่หลันซานเพื่อทำภารกิจเก้าดารา และเคยถูกหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดดักโจมตีในสถานที่ชื่อว่า ‘เทือกเขาสะเก็ดดาว’ ของโลกชางถู

และก็เป็นตอนนั้น โม่หลันซานใช้รูปจำลองเจตจำนงของเหยียนจี้โจมตีผู้ยิ่งใหญ่สองคนจากหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดจนพ่ายแพ้ในคราวเดียว เหมิงซานหนึ่งในนั้นถูกสังหาร ส่วนจวี้หู่โชคช่วยรอดชีวิตไปได้

และเป็นตอนนั้นเองที่หลินสวินได้เห็นความน่าสะพรึงของหัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้

รูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่ง โจมตีเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับอมตะอย่างเหมิงซานและจวี้หู่จนไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง!

‘ที่แท้แมวขาวยักษ์ตัวนั้นก็คือหัวหน้าหอเหยียนจี้จริงๆ…’

เนิ่นนานกว่าหลินสวินจะสงบลง

เขาสงสัยตัวตนของแมวขาวยักษ์นานแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าได้รับการพิสูจน์ชัดเจนแล้ว

‘ป้ายคำสั่งนี้สามารถใช้ได้สามครั้ง หรือก็เท่ากับว่าข้ามีไพ่ตายรักษาชีพสามใบแล้ว…’

ในใจหลินสวินฮึกเหิม

โอสถอมตะสุริยันจันทราสามารถช่วยเขาฝึกปราณได้

และป้ายคำสั่งนี้ก็ทำหน้าที่เป็นไพ่ตายได้ กล่าวได้ว่าของขวัญจากแมวขาวยักษ์ยิ่งใหญ่อลังการสุดขีด สมกับเป็นหัวหน้าหอแรกนภา!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท