Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2756 นรกอาลย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2756 นรกอาลย

ตอนที่ 2756 นรกอาลย

สวบ!

เมื่อสิ้นเสียงของสี่มาร ฟ้าดินแถบนี้พลันเปลี่ยนไปทันควัน

เสมือนนรกสีเลือดมาเยือน ฟ้าดินแดงฉานดั่งเพลิงโหม ภูเขาศพกองทับถม ทะเลเลือดเดือดพล่าน เสียงบาดหูประหนึ่งผีครวญหมาป่าหอนดังก้องต่อกันเป็นทอดๆ

พลังของโลกเขตแดน!

วิวัฒน์จากกฎเกณฑ์ระเบียบ หาใช่ภาพลวงตา เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ระเบียบฟ้าดินอย่างแท้จริง

ในโลกใบนี้ทุกแห่งหนปรากฏกลิ่นอายนองเลือด ผิดบาปและชั่วร้าย น่าสะพรึงชวนสยอง พุ่งโจมตีและส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตอย่างรุนแรง

หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปอยู่ที่นี่ คงถูกภาพนรกสีเลือดนั่นทำลายสภาวะจิตไปนานแล้ว!

เพราะพลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับอมตะสามารถต้านทานได้แน่นอน

วู้ม…

แสงมรรคอื้ออึง เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินส่องแสง เขากวาดสายตามองรอบบริเวณแล้วสงบอารมณ์ลงทันใด

“โลกนี้นามว่านรกอาลย สร้างขึ้นจากสมบัติลับระเบียบขั้นเก้าสี่อย่าง ได้แก่บาปโลหิต ทัณฑ์โลหิต เซ่นโลหิต และหลอมโลหิต เมื่อต่อสู้อยู่ในนี้ ขอเพียงสภาวะจิตเกิดช่องโหว่แม้เพียงเสี้ยวก็จะกลายเป็นจุดอ่อนถึงชีวิต”

ไม่ไกลนักเฟยอวิ๋นสีหน้าไม่น่ามอง “นี่คือสุดยอดชุดสมบัติแห่งแดนเร้นนภา นึกไม่ถึงว่าพวกเขาถึงกับนำมาใช้จัดการเจ้า”

ฟุ่บ!

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ปราณกระบี่ไร้รูปสายหนึ่งร่วงลงมาจากฟากฟ้าเงียบๆ แทงไปยังศีรษะหลินสวินโดยตรง เร็วจนน่าเหลือเชื่อ และแปลกพิสดารสุดขีด เพราะไม่มีระลอกคลื่นพลังหรือเสียงใดๆ

ทำให้คนยากป้องกัน

เคร้ง!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏ ลอยอยู่เหนือศีรษะหลินสวิน ต้านปราณกระบี่มรรคสายนี้ไว้ได้ในเวลาคับขัน ฝ่ายหลังแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศ

แต่ไม่รอให้สิ้นสุด เหล็กหมาดแหลมสีแดงฉานเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ ตรงห้วงอากาศใต้เท้าหลินสวิน ทอแสงแปลกประหลาดเข้าโจมตี

และพร้อมกันนั้นทั้งหน้าหลังของหลินสวินปรากฏโซ่สีดำและกระบี่กระดูกเล็กบางเรียวยาว

การโจมตีสามอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ดุจดั่งแหฟ้าตาข่ายดิน มาแบบปุบปับ ราวกับหมายจะแยกชิ้นส่วนร่างกายของหลินสวินในการโจมตีนี้

และห้วงอากาศเหนือศีรษะยังมีทวนศึกสำริดเล่มหนึ่งจ่อรออยู่!

หากหลินสวินทะยานขึ้นไปข้างบนก็จะถูกกำราบเช่นเดียวกัน

การโจมตีล้อมกรอบเช่นนี้ไม่ใช่เพียงดุดันและเจนจัด แต่เรียกได้ว่าแยบยลไร้ที่ติ ทำให้คนไม่มีที่หนี ไม่มีทางถอย

ทันทีที่สังเกตเห็นภาพนี้จากที่ไกลๆ เฟยอวิ๋นแข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ กล่าวว่า “ระวัง!!!”

แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินสวินไม่ได้ถอยหลบและไม่ได้แตกตื่น เงาร่างนิ่งไม่ขยับดุจหินผา ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับตกใจจนเซ่อ

แต่พริบตาต่อมาก็ได้ยินเสียงปะทะดังสนั่นรุนแรงหาใดเปรียบ

เฟยอวิ๋นก็เห็นภาพน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่ง…

เหล็กหมาดแหลมสีแดงฉาน กระบี่กระดูกเรียวแคบ และโซ่ตรวนสีดำนั่นถูกพลังของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านไว้รอบนอก ไม่อาจรุกคืบ!

กฎเกณฑ์อมตะน่าสะพรึงปนกับพลังไอสังหารเต็มเปี่ยม ล้วนสามารถเอาชีวิตขั้นอายุขัยเทียมฟ้าได้ง่ายๆ แต่กลับถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านทาน ปัดป้องอย่างต่อเนื่อง

“เอ๋!”

“สมบัติดี!”

“เตากระบี่นี่ข้าจอง!”

ยามเสียงร้องประหลาดใจดังขึ้น เหล็กหมาดแหลม กระบี่กระดูก และโซ่ตรวนสีดำล้วนอันตรธานหายไปในอากาศ แม้แต่ทวนศึกสำริดที่อยู่เหนือศีรษะก็ไม่เห็นแล้วเช่นกัน

และตั้งแต่ต้นจนจบเงาร่างของสี่มารไม่ปรากฏตัวสักนิด

นี่เห็นชัดว่าน่าสะพรึงแปลกพิกลยิ่ง

แต่สีหน้าหลินสวินกลับสงบยิ่ง ปราศจากคลื่นไหวหวั่น กล่าวว่า “สหายยุทธ์เฟยอวิ๋น เจ้าระวังด้วย อย่าถูกพวกเขาจับตัวไว้”

ตูม!

หลังสิ้นเสียงหลินสวินย่างเท้าก้าวออกไป อานุภาพทั่วร่างระเบิดปะทุฉับพลัน ดุจดั่งเหวใหญ่ก่อกวนเมฆลมทั่วฟ้า ภูเขาศพทะเลเลือดบริเวณใกล้เคียงล้วนแบกรับอานุภาพน่าสะพรึงนั้นไม่ไหว พังถล่มโครมครืน

ฟ้าดินแถบนี้ล้วนเสมือนถูกกำราบจ่อมจม!

ครืน!

โซ่ตรวนสีดำสายหนึ่งทะยานเข้ามา เรียกระลอกคลื่นสีดำน่าสะพรึงเป็นชั้นๆ แสงมรรคอมตะพวยพุ่ง ยังมีพลังระเบียบสารพัดตัดสลับภายในนั้นรางๆ น่าสะพรึงไร้ขอบเขต

กลับเห็นหลินสวินยื่นมือไปคว้าหมับ

ตูม!

ในเสียงชนปะทะ ระลอกคลื่นสีดำเป็นชั้นๆ แตกระเบิด กระจุยกระจายกลางห้วงอากาศ โซ่ตรวนสีดำนั่นเพิ่งหมายจะเบี่ยงหลบก็ถูกมือใหญ่ของหลินสวินกำไว้แน่น

จากนั้นเขาสะบัดข้อมือแรงๆ คราหนึ่ง

ในห้วงอากาศไกลๆ เงาร่างสายหนึ่งถูกดึงออกจากปลายโซ่ตรวนสีดำเส้นนั้น เงาร่างซวนเซ เป็นมารพราย!

นั่นเป็นชายหนุ่มที่เงาร่างเหยียดตรงผอมโปร่งคนนั้น

เขาคล้ายตกใจหาใดเปรียบ ไม่อยากเชื่อว่าหลินสวินถึงกับกล้าใช้ฝ่ามือต้านทาน

“ทลาย!”

เขาตะโกนลั่น โซ่ตรวนสีดำสั่นสะเทือนรุนแรง ปรากฏแสงลึกลับสีดำที่แปลกประหลาดยากหยั่งถึงออกมา พลังระเบียบอมตะประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดพุ่งโจมตีใส่หลินสวินอย่างรุนแรง

แต่หลินสวินไม่ขยับสักนิด

ยามที่พลังเหล่านั้นโจมตีเข้ามา ก็ถูกแสงมรรคที่สาดพรมทั่วเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งบดขยี้ ทำให้เขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

มารพรายหน้าเปลี่ยนสีทันที

และเป็นยามนี้ที่กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากเตากระบี่ ฟันเบาๆ กลางห้วงอากาศ

เปรี๊ยะ!

โซ่ตรวนสีดำที่ยาวหลายพันจั้งขาดครึ่งจากตรงกลาง

มารพรายที่อยู่ห่างออกไปกระอักเลือด โดนพลังสะท้อนกลับ โซ่ตรวนสีดำนี้เป็นศาสตรามรรคอมตะของเขา หลอมมานานหลายปี แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายลง

“ตาย!”

ทันใดนั้นฝั่งซ้ายขวาและเหนือศีรษะหลินสวินปรากฏเหล็กหมาดแหลมสีเลือด ทวนศึกสำริด และกระบี่กระดูกเรียวบางตามลำดับ พุ่งโจมตีเข้ามา

อานุภาพของการโจมตีนี้น่าสะพรึงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!

เสียงปะทะสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น แม้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจะต้านการโจมตีระดับนี้ได้ แต่กลับถูกโจมตีจนสั่นโคลงรุนแรง ทำให้เงาร่างของหลินสวินก็ไหวโคลงรุนแรงตามไปด้วย เลือดลมพลิกตลบ

มรรควิถีของคนพวกนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก!

เขาหรี่ตาลงน้อยๆ ไอสังหารเย็นเยียบทะลักออกมา สูดหายใจลึกเต็มแรงแล้วกระโจนเข้าต่อสู้

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพ่นแสงมรรคคลุมเครือมหาศาล กฎเกณฑ์อมตะนับไม่ถ้วนไหลเวียน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณของหลินสวินราวน้ำเดือด ปลดปล่อยมรรควิถีในตัวเต็มที่เช่นเดียวกัน

ทอดมองจากไกลๆ หลินสวินในเวลานี้ก็เหมือนเหวใหญ่ที่เดือดคลั่งโดยสิ้นเชิง หมายกัดกินฟ้าดิน ทำลายล้างแปดทิศ กร้าวแกร่งไร้ทัดเทียม

ทันใดนั้นการต่อสู้ดุเดือดหาที่เปรียบไม่ได้ก็บังเกิดขึ้น ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน ทุกแห่งหนปรากฏภาพถล่มทลาย

แม้แต่เฟยอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไปยังมองจนอึ้งงัน

นั่นเป็นถึงสี่มารแห่งแดนเร้นนภา!

มือสังหารสี่คนระดับปลายยอดในขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ดำรงอยู่ไม่รู้กี่กาลเวลา ระดับอมตะที่ตายด้วยน้ำมือพวกเขาเกินหลายร้อยคนนานแล้ว

แต่ตอนนี้ต่อให้หลอมรวมนรกอาลยและออกโจมตีพร้อมกันสี่คน กลับยังถูกหลินสวินตัวคนเดียวต้านทานได้!

“พลังระเบียบของนรกอาลยคล้ายจะไม่ได้ผลกับเจ้านี่!”

ในการต่อสู้ เสียงประหนึ่งพึมพำของมารผีดังขึ้น เผยแววเคร่งขรึม

นรกอาลยเป็นไพ่ตายในการต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเขา ผสานระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสี่อย่าง อานุภาพเช่นนั้นสามารถสังหารคนส่วนใหญ่ในระดับเดียวกันได้

แต่เห็นชัดยิ่งว่าหลินสวินเป็นข้อยกเว้น

“ระวังเตากระบี่ของเขา มันแข็งกล้าหาใดเปรียบ สามารถทำลายศาสตรามรรคของพวกเราได้ง่ายๆ!”

ไม่ไกลนักมารพรายกัดฟันกล่าว โซ่ตรวนสีดำของเขาถูกทำลาย ทำให้ในใจเขาล้วนหลั่งเลือด และตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงของเตากระบี่ของหลินสวิน

“ยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว รีบใช้ไพ่ตายเร็ว!”

มารภูตตะโกนลั่น

ตูม!

ในการต่อสู้ เงาร่างเขาเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่หาใดเทียบทันควัน ทุกอณูรูขุมขนล้วนปรากฏแดนมารแห่งหนึ่ง ภายในมีเสียงเทพมารท่องมรรคนับไม่ถ้วน

สามพันแดนมารกำราบนภาคราม!

พริบตานั้นมารภูตประหนึ่งกลายร่างเป็นจักรวาลแห่งหนึ่ง ร่างกายของเขาบรรจุโลกมารนับไม่ถ้วน ในโลกมารมีพลังเทพมารมหาศาลรวมอยู่บนตัวเขา ทำให้อานุภาพของเขาเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงถึงขีดสุดในบัดดล

“ทะยาน!”

มารผีเงาร่างส่ายไหว สายฟ้าสีเลือดแปลกพิสดารนับไม่ถ้วนปรากฏ หลอมรวมเป็นดอกบัวโลหิตสายฟ้าดอกหนึ่ง และเงาร่างของนางก็ยืนนิ่งตรงบริเวณเกสร กลิ่นอายอมตะพวยพุ่งทั่วร่าง

ดอกอสนีโลหิตบานหลอมเก้าชั้นฟ้า!

“โอม!”

“เยือน!”

และพร้อมกันนั้นอานุภาพของมารพรายและมารสางล้วนเปลี่ยนไปในพริบตา

บริเวณที่มารพรายยืนอยู่ปรากฏกระแสน้ำวนสีแดงฉานนับไม่ถ้วน เกิดพลังฉีกทึ้งกลืนกินอันน่าสะพรึงแปลกประหลาด ดุจดั่งปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนที่อ้ากว้างกลางฟ้าดิน

พันน้ำวนแปรสมุทรกลืนกินบาดาล!

รอบตัวมารสางทั้งบนล่างปรากฏแขนสามพันข้าง เบียดเสียดแน่นขนัด กลางฝ่ามือเหล่านั้นล้วนมีดวงตาแดงฉานพิสดารยิ่งข้างหนึ่ง

เนตรมารมหามรรคส่องหมื่นโลก!

เพียงครู่เดียวพลังของสี่มารล้วนต่างไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน

“ฆ่า!”

ในเสียงตะโกนลั่น พวกเขาออกโจมตีเต็มกำลัง ดุจดั่งเทพมารนรกตนแล้วตนเล่าปรากฏกาย สำแดงสุดยอดอภินิหารอมตะของตนเอง

ชั่วขณะเดียวแดนมารแน่นหนา สายฟ้ากลายเป็นสมุทร วังน้ำวนกลืนเวิ้งฟ้า เนตรมารส่องภูผาธารา!

เฟยอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไปนัยน์ตาวาบวามแน่วแน่ เขาไม่อาจรอต่อไปได้อีกแล้ว สถานการณ์ของหลินสวินในขณะนี้ทำให้เขาเป็นกังวล

แต่ในยามนี้เองก็เห็นหลินสวินหัวเราะลั่นขึ้นมาทันควัน “ยังดีที่ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง ตอนนี้ถึงควรค่าให้ข้าลงมือเต็มกำลัง!”

เฟยอวิ๋นอึ้งค้าง

ตูม!

อานุภาพน่าสะพรึงที่ไม่อาจพรรณนาปลดปล่อยออกมาจากเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินถึงขีดสุด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังส่งเสียงฮึกเหิมกังวานออกมา ดุจดั่งเสียงร้องกระหายโลหิต

“เปิด!”

ผมยาวหลินสวินพลิ้วไหว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเปล่งแสงวาวโรจน์ ปลดปล่อยแสงมรรคไร้ขอบเขตแผ่กว้างสิบทิศ

ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนั้นราวกับพังถล่มโดยสมบูรณ์

มารภูตรับแรงปะทะก่อนคนแรก ถูกซัดจนเงาร่างซวนเซถอยร่น ภาพแดนมารนับไม่ถ้วนที่ปรากฏบนตัวเขาล้วนถูกกำจัดไปเกินกว่าครึ่งราวกับประสบภัยพิบัติทำลายล้าง

ต่อจากนั้นกระบี่กระดูกเล็กเรียวในมือมารผีถูกฟันหัก เปราะบางไม่ต่างจากกระดาษเปื่อย

ไม่รอให้นางหลบเลี่ยง พลังที่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปลดปล่อยออกมาก็พุ่งเข้าโจมตีดุจผลักภูเขาพลิกสมุทร

ตูม!

ดอกไม้พิสดารที่แปลงมาจากสายฟ้าสีเลือดใต้เท้านางร่วงโรย เกิดเสียงร้องโหยหวนดังอึงอล ประกายแสงหม่นวูบลง

นางกระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

อีกด้านหนึ่งกระแสน้ำวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบตัวมารพรายถูกทำลายย่อยยับในพริบตา พลังน่าสะพรึงของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดทั้งตัวเขาลอยออกไป

ขณะเดียวกันมารสางส่งเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวด แขนสามพันข้างนั่นของเขาถูกทึ้งกระชากเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน เลือดกระเซ็นกลางห้วงอากาศ ภาพน่าสยดสยอง

ส่วนหลินสวินกลับพุ่งออกมาจากกลางวงล้อม เงาร่างสูงตระหง่านดุจเทพปรากฏกาย!

การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในพริบตา เร็วจนเฟยอวิ๋นที่ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ต้องช่วยหลินสวินออกจากวงล้อมยังเคลื่อนไหวไม่ทัน

เมื่อได้สติกลับมาสี่มารล้วนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ส่วนหลินสวินก็ฝ่าวงล้อมแน่นหนาได้!

ภาพนองเลือดนั่นสะท้านสะเทือนจนเฟยอวิ๋นยังอดสูดหายใจหนาวสะท้านไม่ได้ ‘มิน่าเวลาเพียงหนึ่งปีกว่า เขาก็ก้าวกระโดดกลายเป็นรองผู้ดูแลคนหนึ่งของลัทธิแรกกำเนิด เป็นปีศาจในหมู่ปีศาจ วิปริตในพวกวิปริตแล้วชัดๆ…’

“วันนี้ข้าคนแซ่หลินจะทะลวงขั้นได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว!”

ในเสียงหัวเราะดังลั่น เงาร่างหลินสวินเรียบเรื่อยและห้าวหาญ ทั้งตัวปลดปล่อยโดยสิ้นเชิง ไม่มีสิ่งใดให้กังวล เคลื่อนไหวตามใจนึก

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งบดขยี้ฟ้ากว้างอึงอล อานุภาพยิ่งแกร่งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ

และสีหน้าของสี่มารล้วนเคร่งขรึมไม่น่ามองถึงขีดสุด

เจ้านี่ถึงกับจะใช้พวกเขาเป็นหินรองเท้าในการทะลวงขั้น!!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท