Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2767 ทุบแหลก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2767 ทุบแหลก

ตอนที่ 2767 ทุบแหลก

จิงฉิงเจี่ยก็อึ้งไปเช่นกัน

ในสถานที่เช่นนี้ ภายใต้สายตาจับจ้องของเหล่าคนใหญ่คนโตนับไม่ถ้วน หลินสวินซึ่งมีปราณระดับอมตะดันยื่นข้อเรียกร้องเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้

นี่ทำให้ในใจจิงฉิงเจี่ยผุดความโกรธกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“นึกเสียใจแล้วหรือ”

หลินสวินชูสารหนังสือหยกไหมในมือขึ้น เอ่ยปากเรียบๆ

จิงฉิงเจี่ยแค่นเสียงเย็น ออกจากแท่นพิธีมาหยุดอยู่ข้างหลินสวิน ประทับรอยนิ้วมือบนสารหนังสือหยกไหมนั่น จากนั้นก็มองตรงไปที่หลินสวินแล้วกล่าวเย็นเยียบว่า “ข้าเตือนเจ้าอย่าแพ้ให้สิงจวิ้นเป็นดีที่สุด!”

หลินสวินระบายยิ้มน้อยๆ ชี้ไปด้านข้าง “ใจกล้าไม่เลว เช่นนั้นก็ยืนอยู่ตรงนี้ ต่อแถวให้เรียบร้อยก่อน”

พรูด!

ครู่เดียวคนไม่รู้เท่าไรหัวเราะพรืดออกมา

สีหน้าจิงฉิงเจี่ยล้วนอึมครึมแล้ว ทว่ายังคงฝืนข่มตัวเองเอาไว้

“ยังมีใครอีกไหม”

หลินสวินกวาดสายตามองบนแท่นพิธี “ขืนยึกๆ ยักๆ อย่าหาว่าข้าคนแซ่หลินไม่ให้โอกาสพวกเจ้าท้าสู้แล้วกัน!”

เสียงก้องทั่วลาน

เวลานี้แม้แต่บรรดาคนใหญ่คนโตในที่นี้ก็ยังเลิกคิ้วไม่หยุด เจ้าหมอนี่บ้าได้ใจจริงๆ

“ข้าด้วย”

“นับข้าด้วยคน”

“เฮอะ! คิดว่าตัวเองไร้ศัตรูจริงๆ หรือ”

ชั่วขณะเดียวบนแท่นพิธีก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนอดไม่ไหวแล้ว

“เฮอะ! คิดว่าตัวเองไร้ศัตรูจริงๆ หรือ”

ชั่วขณะเดียวบนแท่นพิธีก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนอดไม่ไหวแล้ว

พวกเขาแทบจะมาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ มีหกถึงเจ็ดคน

มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ คนส่วนหนึ่งก็ลอบตกใจ ปาดเหงื่อแทนหลินสวิน เพราะคนพวกนั้นที่ลุกออกมาในตอนนี้ ไม่มีใครไม่ใช่พวกร้ายกาจ รากฐานพลังวิปริตถึงขีดสุด

จนกระทั่งยามเห็นว่าในหอบรรพจารย์ลัทธิฌานก็มีเงาร่างสายหนึ่งลุกออกมาด้วย บรรยากาศทั่วลานล้วนเงียบกริบทันที

คนผู้นั้นสวมจีวรสีขาว ท่าทางพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา แววตากระจ่าง ทั่วร่างไม่แปดเปื้อนมลทิน เจือท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ประหนึ่งพ้นกิเลสสมบูรณ์อย่างไรอย่างนั้น

อวี่เฟิงจื่อ!

หัวหน้าผู้พิทักษ์ลัทธิแห่งลัทธิฌาน ศิษย์พุทธฟ้าประทาน ถูกยกย่องว่าครองจิตฌานเก้าทวาร ถูกขนานนามว่าเป็นผู้สืบทอดขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอันดับหนึ่งในรอบหมื่นปีของลัทธิฌาน!

ลือกันว่าตอนเขาเกิด ฟ้าโปรยแสงมงคลนับแสน แผ่นดินผุดบัวทองสามพันดอก ทั่วร่างอาบไล้กลางแสงสว่างและเสียงธรรม พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สุด

กล่าวได้ว่าในสี่หอบรรพจารย์และสิบยักษ์ใหญ่อมตะ อวี่เฟิงจื่อยังมีชื่อเสียงอย่างมาก สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายต่างให้การยอมรับ ว่าวันหน้าอวี่เฟิงจื่อมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะได้รับสืบทอดมรดกวิชา ‘พุทธปัจจุบัน’ แห่งลัทธิฌาน!

ตรีโลกพุทธ แบ่งออกเป็น พุทธอดีต พุทธปัจจุบัน พุทธอนาคต และเป็นคำเรียกขานและตำแหน่งงานอย่างหนึ่ง เทียบเท่ากับหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิด

หรืออาจกล่าวได้ว่า อวี่เฟิงจื่อมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็น ‘พุทธปัจจุบัน’ ในภายภาคหน้า!

ศิษย์พุทธที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้าเช่นนี้ลุกออกมาในเวลานี้ หมายจะไปรับคำท้า จะไม่ให้คนอื่นๆ ในที่นี้ตกใจได้หรือ

ทุกคนทั่วบนล่างลัทธิแรกกำเนิดเวลานี้หัวใจล้วนหนักอึ้ง

การปรากฏตัวของอวี่เฟิงจื่อทำให้พวกเขาตระหนักได้ ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายปานนั้นแน่ เป็นไปได้สูงว่าลัทธิฌานอาจวางแผนมาก่อนนานแล้ว

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินกลับเสมือนไม่รู้สึกรู้สา โบกมือกล่าวว่า “มาๆๆ ประทับรอยนิ้วมือให้หมดทุกคน จากนั้นไปต่อแถวทางนั้น”

ประโยคเดียวทำลายบรรยากาศกดดันในลานลงโดยพลัน ทำเอาคนไม่รู้เท่าไรจนคำพูด

เวลาไหนแล้ว เจ้าหมอนี่ยังจองหองเช่นนี้อยู่อีก

พอมองดูผู้แข็งแกร่งที่ลุกออกมาเหล่านั้นอีกที สีหน้าแต่ละคนล้วนอึมครึมลงไม่น้อย ยังมีคนลอบกัดฟัน เห็นชัดว่าถูกการยั่วโทสะของหลินสวินทำให้เดือดดาล

“นี่ไม่ใช่เหลวไหลหรือ”

ฝูเหวินหลีชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ

“หรือเจ้าคิดว่าหลังจากหลินสวินโจมตีสิงจวิ้นพ่ายแพ้แล้ว คนพวกนี้ก็จะไม่กระโดดออกมาแล้ว”

เสวียนเฟยหลิงถามกลับ

นัยน์ตาฝูเหวินหลีหดรัดลง

“ในใจทุกคนต่างรู้ดี สิงจวิ้นเป็นเพียงคนแรก ต่อให้เขาแพ้ ก็ต้องมีคนกระโจนออกมาท้าสู้หลินสวินอีกแน่”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวเรียบๆ “แทนที่จะบอกว่าคนพวกนี้มาชมงานเฉยๆ ไม่สู้บอกว่าพวกเขาถือโอกาสนี้หมายจะลองภูมิหลินสวิน หยั่งเชิงพลังของเขายังจะดีกว่า”

“ถึงอย่างไรบนโลกนี้ก็ยังไม่เคยปรากฏมรรคายอดอมตะมาก่อน ตอนที่บนตัวหลินสวินอาจปรากฏพลังระดับนี้ขึ้นมา… ขุมอำนาจที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับคีรีดวงกมลพวกนั้น เกรงว่าก็คงนั่งไม่ติดแล้ว”

คนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดเหล่านั้นต่างนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

พวกเขาย่อมมองจุดนี้ออกแต่แรกเช่นกัน

หาไม่หลังจากงานถกมรรคเก้ายอดเขาสิ้นสุด ก็คงไม่เกิดคลื่นลมมากมายขนาดนี้

กระทั่งเห็นผู้รับคำท้าเหล่านั้นประทับรอยนิ้วมือทั้งหมด คราวนี้หลินสวินจึงเก็บสารหนังสือหยกไหมแล้วกล่าวขึ้นเองว่า “รวมกับสิงจวิ้นนั่น ทั้งหมดมีเก้าคน ไม่ถือว่าน้อยเกินไป”

คำพูดนี้สบายยิ่ง ทว่าสำหรับพวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ยแล้ว กลับเห็นได้ชัดว่าบาดหูเป็นที่สุด เจ้าหมอนี่คงไม่คิดว่าจะมีโอกาสโจมตีพวกเขาพ่ายแพ้ทั้งหมดจริงๆ กระมัง

อวดดี!

สิงจวิ้นทนไม่ไหวเป็นคนแรก ชี้หลินสวินพลางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “เจ้ายังไม่ขึ้นมาอีก”

หลินสวินพยักหน้า “เช่นนั้นก็เริ่มจากเจ้า”

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด เงาร่างเขาก็เหินอากาศมาปรากฏตัวบนลานมรรคเปิดสวรรค์แล้ว

ครู่ต่อมาสายตาทุกคู่ทั่วลานล้วนมองไปเป็นจุดเดียว

ก่อนหน้านี้สิงจวิ้นโจมตีเซี่ยอู๋เหมี่ยน ลั่วอวิ๋นเหิงจากลัทธิแรกกำเนิดจนพ่ายแพ้ติดต่อกัน ระเบิดร่างมรรคของทั้งสอง เห็นชัดว่ากร้าวแกร่งเป็นที่สุด

เขาเป็นไพ่เด็ดที่ลัทธิพ่อมดส่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย รากฐานพลังน่าสะพรึงถึงขีดสุด

เวลานี้แม้แต่ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาที่มั่นใจในตัวหลินสวินเต็มเปี่ยมยังอดกลั้นหายใจไม่ได้ เริ่มประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

“จำไว้ ห้ามใช้สมบัติลับที่อยู่เหนือระดับนี้ออกมาใช้ ห้ามนำพลังระเบียบมาใช้ ห้ามฆ่าคนตาย!” ไกลออกไปเสวียนเฟยหลิงเอ่ยเตือนเสียงขรึม

บรรยากาศในลานเริ่มเคร่งเครียดและกดดันขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าสิงจวิ้นเจือแววเกรี้ยวกราดดุดัน จ้องหลินสวินพลางกล่าวเน้นทุกคำ “เจ้าวางใจได้ เมื่อครู่ข้าพูดแล้ว จะไม่ระเบิดเจ้าง่ายๆ ขนาดนั้น รับรองว่าจะเล่นสนุกกับเจ้าอย่างดี”

ผิวหนังสีทองแดงของเขาผุดกฎเกณฑ์อมตะสีแดงฉานออกมา ตัดประสานกลายเป็นแผนภาพเก่าแก่โบราณ อานุภาพทั้งตัวพุ่งกระฉูดถึงขีดสุดในคราวเดียว

มองจากไกลๆ ดุจดั่งเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์องค์หนึ่ง!

นี่ทำให้ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาจำนวนไม่น้อยแสบตา จิตใจหวาดผวา ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเท่านั้น

หลินสวินกล่าวลวกๆ “แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้ามากนัก ไม่เห็นหรือ ข้างล่างยังมีคนไม่น้อยรออยู่ รีบเริ่มกันเถอะ”

“เจ้าจองหองเกินไปแล้วจริงๆ!”

สิงจวิ้นหน้าผากปูดโปน ระงับไอสังหารภายในใจไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งกระโจนออกมา

ฟึ่บ!

เงาร่างเขาโฉบพุ่ง ราวกับกลายเป็นดาบแสงนองเลือดที่คมกริบไร้ทัดเทียมสายหนึ่ง ฟันไปทางหลินสวิน

หนึ่งหมัด ดินสะท้านฟ้าสะเทือน

นั่นเป็นพลังกายที่ปลดปล่อยหมดจด ราวเมฆดำข่มเมือง ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนแตกระแหงโดยพลัน ผุดสัญลักษณ์มรรคพ่อมดเก่าแก่โบราณที่เร้นลับเป็นภาพๆ ขึ้นมา

ดุดันจนทำเอาผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง!

หลินสวินยืนนิ่งอยู่กับที่ กระทั่งสิงจวิ้นบุกเข้ามาถึงยื่นมือออกมาผลักออก ง่ายดายและราบเรียบสุดขีดเช่นเดียวกัน

ปึง!!!

หมัดและฝ่ามือปะทะกัน ราวสุริยันจันทราพุ่งชน พลังที่พวยพุ่งออกมาระหว่างคนทั้งสองปั่นป่วนพลิกม้วน

จากนั้นก็เห็นหนึ่งหมัดที่เรียกได้ว่าอหังการของสิงจวิ้นถูกบดขยี้แหลก พลังฝ่ามือนั่นแผ่ขยายออกไปไม่ลดละ ซัดจนเงาร่างของสิงจวิ้นกระเด็นคว่ำออกไป

ทั่วลานเงียบกริบ

คนไม่น้อยสูดหายใจสะท้าน

ความดุดันและอหังการของสิงจวิ้น ทุกคนล้วนเคยเห็นมาก่อน ก่อนหน้านี้ระเบิดเซี่ยอู๋เหมี่ยนและลั่วอวิ๋นเหิง แข็งแกร่งอย่างที่สุด

แต่ตอนนี้เพิ่งออกหมัดก็ถูกซัดถอยไป!

“มาอีก!”

สิงจวิ้นส่งเสียงคำรามยาว ผิวหนังสีทองแดงทั่วร่างแผ่ขยาย ระเบิดแสงมรรคสีแดงฉานน่าสะพรึงออกมา ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ขึ้นหลายโขในคราวเดียว

ผมยาวของเขาปลิวไสว ซัดหมัดออกมาอีกครั้ง

ในพลังหมัดนั่นมีลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงที่ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราจมจ่อมอยู่รางๆ ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนก็เหมือนหมัดนี้สามารถแหวกเวิ้งฟ้า ทุบทำลายภูผาธาราหมื่นชีวิตได้

เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ แข็งแกร่งกว่ากันหนึ่งช่วงใหญ่!

ในใจผู้อาวุโสขั้นอายุขัยเทียมฟ้าจำนวนหนึ่งล้วนเย็นวาบอยู่บ้าง ไม่อาจไม่ยอมรับ แม้สิงจวิ้นจะยโส แต่ก็มีความมั่นใจให้หยิ่งยโส

ตูม!!!

บนลานมรรคเปิดสวรรค์เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวราวฟ้าผ่า สะเทือนไปทั่ว

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าวว่าพลังหมัดนี้ของสิงจวิ้นถูกบดขยี้แหลกลาญทั้งอย่างนั้น แขนเสื้อขวาของเขาล้วนระเบิดทุกกระเบียด จากนั้นก็ซ่านเซ็นปลิวสลายราวผีเสื้อดอมบุปผา ยามเมื่อพลังฝ่ามือของหลินสวินแผ่มาถึง เงาร่างของเขาก็ราวประสบคลื่นทะเลเดือดคลั่ง ถูกพัดลอยสูงออกไปตรงๆ ห่างออกไปหลายสิบจั้งกว่าจะยืนทรงตัวอยู่

และสีหน้าของเขาก็กลายเป็นสีขาวสลับเขียวแล้ว แววตามีความตกใจสงสัยเพิ่มเข้ามา

นอกลานมรรคอึกทึกเป็นที่สุด เสียงเดือดพล่านดังทั้งแถบ

“ศิษย์น้องหลิน จัดการเขาเลย!”

“ร้ายกาจ ร้ายกาจเกินไปแล้ว ก็ควรเป็นเช่นนี้นี่แหละ!”

“แข็งแกร่งยิ่ง!”

ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างล้วนตื้นเต้น โจมตีเพียงสองครั้ง กลับทำให้พวกเขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินได้อย่างชัดเจน

สิงจวิ้นก่อนหน้านี้ดุดันกร้าวแกร่ง สร้างความเดือดดาลมาให้พวกเขา ในท้องไส้ล้วนกดความแค้นเอาไว้ ตอนนี้ในที่สุดก็นับว่าได้ระบายออกมาแล้ว

‘ศิษย์น้องเสวี่ยหยาพูดถูก เดิมทีศิษย์น้องเล็กก็แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่แล้ว…’

เฉิงอวี๋ที่อยู่ไกลออกไปก็มองดูอย่างตกใจเช่นกัน

บนแท่นพิธี เหล่าคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มล้วนเผยแววจริงจัง จับตามมองการต่อสู้ ไม่ได้เยือกเย็นและสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ฐานะของหลินสวินพิเศษยิ่ง มรรคาของเขาก็หาใช่ธรรมดา เพียงแต่เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ พวกเขาไม่รู้ชัด แต่ตอนนี้กลับทำให้พวกเขามีโอกาสสัมผัสและทำความเข้าใจด้วยตัวเองแล้ว

ชิ้ง!

ในลานมรรคเปิดสวรรค์ ในมือสิงจวิ้นปรากฏหอกกระดูกสีดำเล่มหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกสมบัติออกมาใช้นับตั้งแต่มาอยู่บนลานมรรคเปิดสวรรค์

ทุกคนล้วนตระหนักว่าสิงจวิ้นกำลังจะสู้เต็มกำลังแล้ว!

คนของลัทธิพ่อมดไม่กลัวการเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่สุด

ตูม!

ทันทีที่ฝ่าเท้าของเขาเหยียบพื้น ร่างราวดุจประกายสายฟ้าสีแดงฉานแหวกผ่านเวิ้งฟ้า ครู่ต่อมาหอกกระดูกในมือเขาก็พุ่งแทงออกมา ราวหอกแห่งความตายที่เทพเถื่อนบรรพกาลขว้างออกมาสุดแรง ประกายคมที่ไร้ศัตรูทัดเทียมฉายออกมา

เสียงอุทานมากมายดังขึ้น ต่อให้มองจากไกลๆ จิตใจก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นเหมือนจะถูกแทงทะลุอย่างไรอย่างนั้น

การโจมตีนี้น่าสะพรึงเกินไป

ความเชี่ยวชาญในการใช้และควบคุมกฎเกณฑ์อมตะระดับนั้น ยิ่งบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ

เคร้ง!!!

ก็เห็นหลินสวินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว ฝ่ามือหนึ่งกวัดแกว่งออกไป หอกกระดูกสีดำนั่นพลันบิดเบี้ยว บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับจะทะลวงหู แสงมรรคอมตะที่พุ่งกระเซ็นออกมาล้วนกลบพื้นที่แถบนั้น

ตูม!

หอกกระดูกสีดำที่บิดโค้งราวคันธนู ท้ายที่สุดก็คล้ายทนแรงบีบอัดไม่ไหว ถูกพลังของฝ่ามือนี้ซัดออกไปแรงๆ พร้อมกับสิงจวิ้น

สิงจวิ้นปากกระอักเลือด

ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี พลังที่สิงจวิ้นใช้แข็งแกร่งปานใด แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนหลินสวินได้ ตรงข้ามยังถูกโจมตียับเยินอีก!

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง จู่ๆ หลินสวินที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมาตลอดก็เคลื่อนไหว

สวบ!

สิงจวิ้นเพิ่งจะทรงตัวมั่น เงาร่างหลินสวินก็โผล่พรวดมาแล้ว ยื่นมือออกมาคว้า ทลายพลังป้องกันและต้านทานบนตัวสิงจวิ้นด้วยอานุภาพราวผ่าลำไผ่

ท่ามกลางละอองแสงพร่างพรม นิ้วทั้งห้าของหลินสวินกำรวบ บีบข้อมือของสิงจวิ้นแน่น จากนั้นก็ตวัดร่างอีกฝ่ายขึ้นมาเต็มแรงแล้วทุ่มกระแทกลงพื้นสุดกำลังอีกครั้ง

ปึง!!

ลานมรรคเปิดสวรรค์เกิดแรงสะเทือน ใบหน้าของสิงจวิ้นเลือดเนื้อเปื้อนเละ เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง ร่างกายบิดเกร็งเพราะความเจ็บปวดรุนแรง

เหล่าคนที่ชมการต่อสู้แค่มองยังรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว

เผด็จการเกินไปแล้ว!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท