ตอนที่ 2768 สิ่งที่ผู้คนปรารถนา
สิงจวิ้นถูกพ่ายแพ้รวดเร็วเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้น เขาก็เป็นฝ่ายโจมตี ปล่อยสองหมัดต่อเนื่อง แต่ละหมัดแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แต่ล้วนถูกหลินสวินซัดถอยร่นได้อย่างง่ายดาย
จนกระทั่งการโจมตีที่สาม เขาใช้ศาสตรามรรคหอกกระดูกโดยไม่ลังเล แต่ยังคงหมดสภาพตามเดิม ถูดซัดถอยร่นทั้งคนทั้งหอก
และเมื่อหลินสวินสำแดงการโจมตีกลับ…
นั่นราวกับพังทุกสิ่งย่อยยับชัดๆ ใช้อานุภาพไร้ศัตรูทัดเทียมทะลวงการต้านทานของสิงจวิ้น โจมตีพลังป้องกันบนตัวเขาพังทลายและจับตัวเขาได้ในคราวเดียว!
การกระทำทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
ทำให้คนล้วนรู้สึกเหมือนเป็นภาพลวงตาอย่างอดไม่ได้ อยู่ต่อหน้าหลินสวิน แม้แต่สิงจวิ้นที่พุ่งเข้าใส่เต็มกำลังยังคล้ายจะอ่อนแอเกินไปอยู่บ้าง
“เหตุใดจึง…” ราชครูดินสยงถูจากลัทธิพ่อมดนัยน์ตาหดรัด
ในใจคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ บนแท่นพิธีก็ไม่อาจสงบลงเช่นกัน สิงจวิ้นหาใช่คนอ่อนแอ หาไม่ย่อมไม่มีทางเอาชนะเซี่ยอู๋เหมี่ยน รั่วอวิ๋นเหิงได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ภายใต้เงื้อมมือของหลินสวิน พลังต่อสู้ของเขากลับดูเหมือนยังใช้ไม่ได้…
อยู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเหมือนกัน ความแตกต่างจะชัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไร
นี่ทำให้ทุกคนนึกถึงข่าวลือนั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หรือว่าบนโลกนี้จะมียอดอมตะจริงๆ
ในลานโกลาหล ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดเหล่านั้นล้วนฮึกเหิม เดือดระอุทั้งแถบ
แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!
สมกับเป็นคนที่ได้รับความสนใจที่สุดในลัทธิแรกกำเนิดในตอนนี้ดังคาด
สีหน้าของพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงล้วนอ่อนลงมาก แววตาเจือความชื่นชม
หลินสวินลงสนาม จัดการสิงจวิ้นในคราวเดียว ช่วยระบายความอัดอั้นในใจให้พวกเขา ทั้งยังกอบกู้ชื่อเสียงและหน้าตาของลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างกลับคืนมา
สภาพอารมณ์ของพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นล้วนซับซ้อนยิ่ง เดิมทีพวกเขาก็ควรดีใจกับเรื่องนี้ แต่เพราะคนที่ออกรบคือหลินสวิน จะให้พวกเขาดีใจลงได้อย่างไร ในใจอัดอั้นอย่างยิ่ง
ปึง! ปึง! ปึง!
ในลานมรรคเปิดสวรรค์ หลินสวินหิ้วสิงจวิ้นราวกับตอกเสาเข็ม ร่างกายของฝ่ายหลังแข็งแกร่งและทนทานปานใด เทียบเท่ากับศาสตรามรรคอมตะ แต่ไม่ทันไรก็ถูกซัดจนเนื้อปลิ้นหนังเหวอะ เลือดสดชุ่มโชก กระดูกไม่รู้ว่าหักไปกี่ชิ้น
น้ำเลือดที่ลอยกระเซ็นออกมาย้อมพื้นดินจนแดงฉาน เป็นภาพสยองติดตา
คนมากมายล้วนทำใจมองไม่ได้
อนาถเกินไปแล้ว!
ไพ่เด็ดที่ลัทธิพ่อมดส่งออกมา ก่อนหน้านี้โอหังอหังการปานใด เรียกความสนใจจากทั่วลาน แต่หลังจากหลินสวินลงสนามก็ถูกทรมานตรงๆ
ผู้แข็งแกร่งที่ต่อแถวรออย่างพวกจิงฉิงเจี่ย เวลานี้สีหน้าแต่ละคนล้วนเปลี่ยนไป ในใจสะท้านน้อยๆ ทุบจนหัวแตกพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าคนระดับสิงจวิ้นจะแพ้รวดเร็วขนาดนี้
“หยุดนะ!!”
ไกลออกไปบนแท่นพิธี เสียงที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของสยงถูดังขึ้น
หลินสวินกลับกล่าวเฉยเมย “เขายังไม่ตาย และไม่เคยยอมแพ้เองกับปาก นี่พิสูจน์ว่าเขายังมีแรงต่อสู้”
กล่าวพลาง ปึงๆๆ…
เป็นการกระแทกมั่วๆ อีกระลอกหนึ่ง ร่างกายสิงจวิ้นเละเทะ อนาถจนทนดูไม่ได้ เสมือนจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
นี่ทำเอาคนมากมายที่อยู่นอกสนามล้วนสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้
“รีบยอมแพ้สิ!”
สยงถูเริ่มร้อนใจ เกรงว่าสิงจวิ้นจะถูกหลินสวินกำจัด
สิงจวิ้นเห็นชัดว่าดื้อรั้นหาใดเปรียบ แต่ไม่ทันไรศีรษะเขาก็ถูกกระแทกเปิด พลังจิตถูกหลินสวินกักขังแน่นหนา ไม่สามารถหนีไปไหนได้สักนิด
“ข้ายอมแพ้” เสียงของเขาคล้ายเค้นลอดไรฟัน
“เจ้าพูดอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด” หลินสวินว่าพลางหักแขนของสิงจวิ้นจนหักในคราเดียว ก่อนกระชากออกมาอย่างแรง เลือดสดสาดกระเซ็น
สภาพเช่นนั้นเสมือนจะแยกศพสิงจวิ้นเป็นชิ้นๆ!
“ข้า! ยอม! แพ้…!” สิงจวิ้นคำราม แฝงความเดือดดาล อัปยศ ไม่ยินยอมและเคียดแค้นหาใดเปรียบ ดังสะเทือนฟ้าดิน
หลินสวินหยุดมือดังคาด เตะร่างที่สภาพยับเยินของเขาลอยออกจากลานมรรคเปิดสวรรค์ แล้วปัดมือเบาๆ ผ่อนคลายสบายอารมณ์
ในลานมีเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้าน โกลาหลหาใดเปรียบ
ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่าง นอกจากพวกที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้น คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาคนใหญ่คนโตหรือผู้สืบทอดเหล่านั้นล้วนรู้สึกสะใจเป็นล้นพ้น ในใจเหิมฮึกไม่หยุด
เถาเหลิ่งยังหัวเราะจนหุบปากไม่ลง การต่อสู้นี้ หลินสวินชนะอย่างสวยงามยิ่งนัก ใช้อานุภาพทรงพลังดั่งอสนีบาตกำราบอีกฝ่าย ทำให้เจ้าพวกที่มุ่งหน้ามาชมงานเหล่านั้นยังถูกทำให้ตกใจ ความรู้สึกนี้ช่างสดชื่นเหลือเกิน!
“นี่ก็คือสิ่งที่ผู้คนปรารถนา”
ทอดมองไปยังคนในสำนักที่ส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจหลินสวินเหล่านั้น เสวียนเฟยหลิงอดทอดถอนใจไม่ได้
สีหน้าของพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นยิ่งไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ
“คนต่อไป”
บนลานมรรคเปิดสวรรค์ หลินสวินทอดสายตามองทางจิงฉิงเจี่ย เพียงประโยคเดียวง่ายๆ ทำเอาบรรยากาศเดือดระอุในลานเงียบสงบลงทันที จิตใจก็ถูกดึงดูดความสนใจเข้าไปเช่นกัน
“เฮอะ!”
แม้ว่าในใจจิงฉิงเจี่ยจะประหลาดใจปนเคร่งขรึม แต่เขาย่อมมีความมั่นใจอยู่แล้ว ตัววาบกะพริบคราหนึ่ง ก็มาถึงกลางลานมรรคเปิดสวรรค์
เขาสวมชุดเกราะสีเข้ม คลุมผ้าคลุมสีแดงสด ใบหน้าหล่อเหลา อานุภาพโดดเด่นถึงขีดสุด
สวบ!
ทันทีที่ขึ้นสังเวียน รอบตัวเขาก็ปรากฏป้ายศิลาเก้าแผ่นขึ้นมา
ป้ายศิลาแต่ละแผ่นล้วนประทับแผนภาพลับวัฏจักรโดยรอบ ทะลักกลิ่นอายดุจภูเขาดั่งหินผา ไม่อาจสั่นคลอนออกมา เวียนวนรอบๆ ตัวเขา ดุจดั่งภูเขาใหญ่วัฏจักรโดยรอบเก้าลูก!
เก้าศิลาแสงสยบจักรวาล!
ศาสตรามรรคอมตะที่แปลกพิกลสุดหยั่งชุดหนึ่ง เป็นสมบัติล้ำค่ามรดกตกทอดของตระกูลจิง ลือว่าหล่อหลอมขึ้นมาจากต้นกำเนิดแรกกำเนิดของโลกเก้าใบ สามารถสยบเวิ้งดารา และกำราบวัฏจักรโดยรอบ
ขณะเดียวกัน พลังป้องกันของเก้าศิลาแสงสยบจักรวาลก็เรียกได้ว่ากร้าวแกร่งเช่นกัน รายล้อมอยู่เบื้องหน้า ดุจดั่งโลกเก้าชั้นขวางกำบังอยู่ตรงนั้น คู่ต่อสู้ทั่วไปไม่สามารถทลายลงได้สักนิด
เสียงฮือฮาระลอกหนึ่งดังขึ้นจากนอกสนาม เห็นชัดว่าตระหนักได้แล้วว่านี่คือที่พึ่งของจิงฉิงเจี่ย
ชิ้ง!
ในมือจิงฉิงเจี่ยปรากฏหอกยาวสีเขียวที่ประดุจเพลิงลุกโหมเล่มหนึ่ง ระลอกคลื่นเปลวเพลิงที่แปลงมาจากกฎเกณฑ์อมตะแผ่กว้าง ให้ความรู้สึกเหมือนเผาฟ้าดับปฐพี
หอกเทพเพลิงอหังการ!
จิงฉิงเจี่ยในเวลานี้ดุจดั่งเทพสงคราม อานุภาพห้าวหาญ มรรควิถีและสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดทำให้ผู้อาวุโสบางส่วนยังอิจฉาอยู่บ้าง
“หลินสวิน เอาศาสตรามรรคของเจ้าออกมา!”
จิงฉิงเจี่ยชูหอกยาวสีเลือดขึ้น ชี้หลินสวินจากไกลๆ
“จัดการเจ้ายังไม่ต้องใช้หรอก”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
“เฮอะ!”
จิงฉิงเจี่ยกระโจนตัวขึ้นมา เร็วประหลาดดุจสายฟ้า เขาบิดข้อมือคราหนึ่ง หอกเทพเพลิงอหังการประหนึ่งสายเพลิงฉีกทึ้งเวิ้งฟ้า พุ่งเสียบไปทางหลินสวิน
ขณะเดียวกัน เก้าศิลาแสงสยบจักรวาลรายล้อมรอบตัวเขา ทำให้เขาราวกับห่อหุ้มโลกเก้าใบเคลื่อนขวางออกมา อานุภาพน่าสะพรึง
คนมากมายถูกทำให้ตะลึงงัน
อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นสิงจวิ้นคนก่อนหน้านี้ หรือว่าจิงฉิงเจี่ย ล้วนเป็นคนเย้ยฟ้าในขั้นอายุขัยเทียมฟ้า รากฐานพลังต่างวิปริตสุดขีด หากอยู่ที่โลกภายนอก แทบจะเรียกว่าไร้ศัตรูในหมู่คนระดับเดียวกัน
ในแง่หนึ่ง พวกเขาสามารถนับว่าเป็นพวกสูงสุดอย่างแท้จริงในระดับนี้ได้!
แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้จิงฉิงเจี่ยบังเอิญเจอเข้ากับหลินสวิน
ก็เห็น…
แขนเสื้อกว้างของหลินสวินสะบัดพรึ่บ ดุจดั่งเซียนนิรันดร์ย่างก้าว ยื่นมือขวาในแขนเสื้อและกำหมัดซัดพลังออกมา
หนึ่งหมัดที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ กลับกระแทกหอกเทพเพลิงอหังการที่จิงฉิงเจี่ยขว้างออกมาจนเสียงดังวู้มๆ ระงม เกิดระลอกคลื่นรุนแรง
ตูมโครม!
เก้าศิลาแสงสยบจักรวาลบีบคั้น กวาดเคลื่อนอยู่ตรงหน้า ปลดปล่อยพลังน่าสะพรึงออกมา พยายามควบคุมอานุภาพเข่นฆ่าของหลินสวิน
ไม่อาจไม่พูด นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่แข็งแกร่งสุดขีดชุดหนึ่ง ทำให้เงาร่างของหลินสวินก็ชะงักค้างไปเช่นกัน มีร่องรอยถูกขัดขวางและควบคุม
แต่ครู่ต่อมา ก็เห็นรอบบริเวณเงาร่างของเขามีเสียงมรรคดังขึ้น หมื่นมรรคทะยานพร้อมกัน เกี่ยวรัดกลายเป็นวงแหวนเทพอมตะที่คลุมเครือสุดหยั่ง สลายพลังบีบคั้นนั่นไปอย่างรุนแรง
จิงฉิงเจี่ยนัยน์ตาหดรัด หอกเทพเพลิงอหังการกวาดขวางออกไป ชี้ฟ้าฟาดปฐพี เลิกเปลวเพลิงมหาศาลขึ้น กฎเกณฑ์สีแดงเพลิงร่ายระบำ แผดเผาเวิ้งนภา ดุเดือดอหังการ
ปึงๆๆ!
ชั่วอึดใจ ทั้งคู่ฟาดฟันกันดุเดือด สำแดงการต่อสู้สะเทือนภพ ทำเอาลานมรรคเปิดสวรรค์ตกสู่กลางกระแสทำลายล้างอันเดือดคลั่ง
ทุกคนนอกสนามมองจนตาลายวิงเวียน ร้องอุทานไม่ขาดสาย
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นล้วนกลั้นหายใจจดจ่อ เพ่งพิศโดยละเอียด พยายามมองทะลุรายละเอียดในการต่อสู้เพิ่มเติม ใช้สิ่งนี้วัดประเมินพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีในปัจจุบัน
แต่น่าเสียดาย จิงฉิงเจี่ยยืนหยัดได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ถูกทำลายแนวป้องกัน
แม้ว่าหลินสวินจะใช้หมัดเปล่า แต่พลังมหามรรคในตัวกลับกร้าวแกร่งไร้ทัดเทียม ไม่ว่าจะกำหมัดซัดโจมตี แปลงฝ่ามือตบ ไม่ก็แปลงกระบี่ตัดฟัน หรือว่าผนึกประทับมรรคสยบสังหาร
การโจมตีแต่ละครั้งล้วนซัดกระแทกจนหอกเทพเพลิงอหังการร้องโหยหวนรุนแรง สะเทือนจนจิงฉิงเจี่ยพลังขับเคลื่อนเดือดพล่าน
อย่าว่าแต่โจมตีกลับ หากไม่เพราะเก้าศิลาแสงสยบจักรวาลปกป้องอยู่รอบตัว เขาเกรงว่าคงต้านทานพลังเข่นฆ่าที่ประหนึ่งบดขยี้ระดับนั้นไม่ไหวนานแล้ว
นี่ทำให้คนมากมายใจสะท้าน ในลานก็เกิดเสียงหวาดผวาระลอกหนึ่งดังขึ้น ยากจะเชื่อ
แม้แต่คนใหญ่คนโตและผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างเหล่านั้นยังถูกอานุภาพแข็งแกร่งดุจเทพของหลินสวินทำให้ตะลึงงัน
ทว่าไม่อาจไม่พูด เก้าศิลาแสงสยบจักรวาลน่าเหลือเชื่อยิ่ง ดุจดั่งโลกวัฏจักรโดยรอบเก้าแห่ง พาดขวางอยู่ตรงนั้น ทำให้จิงฉิงเจี่ยแทบจะยืนอยู่ในจุดไร้พ่าย
“หลินสวิน จนป่านนี้แล้วยังไม่ใช่สมบัติของเจ้าอีกหรือ” จิงฉิงเจี่ยตะโกนเสียงดัง
สำหรับเขา ถูกหลินสวินกดข่มด้วยหมัดเปล่า เดิมก็เป็นเรื่องอัปยศอย่างหนึ่ง
“ข้าบอกแล้ว คุณสมบัติเจ้าไม่ถึง”
หลินสวินเพิ่งพูดจบ อานุภาพบนตัวเขาเปลี่ยนไปยกใหญ่ ดุจดั่งเตาทองแดงป่วนโลก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณ ประหนึ่งเพลิงลุกโหม ชกหมัดหนึ่งออกไปทันควัน
ตูม!
ในเสียงชนปะทะสะเทือนฟ้าดิน เก้าศิลาแสงสยบจักรวาลหนึ่งในนั้นถึงกับถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างจัง เกิดเสียงระเบิดอึงอลและสั่นไหวรุนแรง
ในลานเงียบกริบ ล้วนสะเทือนไหวไปกับภาพนี้!
“ทะยาน!”
จิงฉิงเจี่ยหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เร่งกระตุ้นพลังทั้งหมดควบคุมเก้าศิลาแสงสยบจักรวาล
แต่หลินสวินไม่ให้โอกาสเขาขัดขืนอีก
ครู่ต่อมา ก็เห็นหลินสวินกระโจนตัวขึ้นมาข้างหน้า ปล่อยหมัดออกไปนับร้อยนับพันในชั่วพริบตา พลังหมัดพลุ่งพล่านดุจเขาถล่มคลื่นโหมซัด ป้ายศิลาเก้าแผ่นเสมือนโลกเก้าใบที่ประสบพิบัติสวรรค์ซัดโจมตี ปรากฏร่องรอยพังถล่ม แตกดับ ร่วงโรย
ตูมโครม!
สุดท้าย พร้อมกับเสียงดังอึงอลที่ชวนให้คนใจสะท้าน ป้ายศิลาเก้าแผ่นก็ถูกซัดถล่ม ลอยขว้างออกไปจากบริเวณรอบตัวจิงฉิงเจี่ยแต่ละแผ่นกวัดแกว่งรุนแรง แสงมรรคหม่นวูบ
และภายใต้การถูกพุ่งโจมตีระดับนี้ จิงฉิงเจี่ยกระอักเลือดทันที สีหน้าซีดขาว
เขายังหมายจะต้านทาน ก็ถูกหลินสวินที่พุ่งขึ้นมาผ่าพลังป้องกันบนตัวแตกกระจายด้วยหนึ่งหมัด ระเบิดหน้าผากของเขากระจุย ร่างกายล้วนถูกหมัดนี้ทำลายลง เลือดเนื้อลอยกระเด็น
คนใหญ่คนโตบางส่วนเกือบคิดว่าหลินสวินจะสังหารจิงฉิงเจี่ย ตกใจจนร้องตะโกนเสียงดัง
“หยุดนะ!”
“เจ้ากล้า…!”
“อย่าคิดกระทำอุกอาจ!”
ถึงขั้นที่เฒ่าดึกดำบรรพ์บางส่วนของตระกูลจิงยังลุกขึ้นมา หมายจะพุ่งเข้าไป
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบอย่ากังวล เขายังไม่ตาย” ในลานมรรคเปิดสวรรค์ ในมือหลินสวินหิ้วพลังจิตของจิงฉิงเจี่ยพร้อมเอ่ยปากเรียบเฉย
คราวนี้คนใหญ่คนโตตระกูลจิงเหล่านั้นจึงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่สีหน้าล้วนไม่น่ามองยิ่ง
จิงฉิงเจี่ยครอบครองเก้าศิลาแสงสยบจักรวาลและหอกเทพเพลิงอหังการ ยังถูกหลินสวินที่ใช้เพียงหมัดเปล่าซัดกายมรรคกระจุย น่าอัปยศเกินไปแล้ว!
และสายตาหลินสวินก็เหลือบมองทางคนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิด แววตาเจือแววเย็นชา
ก่อนหน้านี้เมื่อเห็นว่าจิงฉิงเจี่ยประสบเคราะห์สังหาร ฝูเหวินหลีหยัดตัวลุกขึ้นมาตะโกนตำหนิเขาเสียงกร้าวในทันที ถึงขั้นดูเหมือนเคร่งเครียดยิ่งกว่าบรรดาคนใหญ่คนโตตระกูลจิงเหล่านั้นเสียอีก!
——