ตอนที่ 2802 เลือดย้อมถนน
ระหว่างทางหลินสวินดูเหมือนเดินเล่น แต่ความจริงกำลังหมักบ่มไอสังหาร
แทบจะสกัดกั้นไม่อยู่แล้ว
ด้านหลังจำนวนผู้ฝึกปราณที่ไล่ตามมามากขึ้นเรื่อยๆ แววตาคนบางส่วนเจือไอสังหารกระเหี้ยนกระหือรือ
บนถนนที่เดิมรุ่งเรืองคึกคัก คล้ายสังเกตเห็นบรรยากาศอันตราย คนเดินทางน้อยลงทันที เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาขึ้นมา
ตูม!
เงาร่างที่องอาจผึ่งผายสายหนึ่งทะลวงอากาศมา ราวกับแสงทองกระแทกพื้น ขวางทางหลินสวินเอาไว้
นี่เป็นชายชุดม่วงคนหนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่ากลัวของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ
“เจ้าคือคนแซ่หลินคนนั้นหรือ”
ชายชุดม่วงเผยไอสังหารฮึกเหิมอย่างไม่ปกปิดสักนิด “จำไว้ ข้าคือเผ่าเทพยุคต้าอู่…”
พูดยังไม่ทันจบพลังฝ่ามือไร้ใดเปรียบก็ตบลงมา ง่ายดายตรงไปตรงมา แต่กลับแข็งแกร่งไม่อาจต้านทาน
ครู่เดียวความฮึกเหิมบนใบหน้าชายชุดม่วงแข็งทื่อ ปากจมูกของเขาพลันก็ยุบลง ประทับรอยฝ่ามืออย่างชัดเจน
จากนั้นทั้งร่างของเขากระเด็นออกไปตรงๆ ยังไม่ทันตกลงพื้นร่างกายก็ระเบิดแหลกโดยพลัน กลายเป็นฝนเลือดสาดกระเซ็นทั่วฟ้า
หลินสวินเก็บมือ สีหน้าราบเรียบ เดินหน้าต่อไป
ความเดือดดาลที่สั่งสมอยู่ในใจทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปทำความรู้จักที่มาของอีกฝ่าย
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตามหลังมาแต่ไกลหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างไม่อาจควบคุม
ฝ่ามือเดียว ตบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งเละ!
พลังน่ากลัวนี้ทำเอาพวกเขายากจะเชื่อ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิยืนตระหง่านบนปลายยอดของระดับจักรพรรดิแล้วด้วยซ้ำ เหตุใดจึงยังสู้ไม่ได้เช่นนี้
ต้องรู้ว่าในเมืองเทพศุภโชคไม่มีทางปรากฏพลังของระดับอมตะ ต่อให้เป็นการยืมใช้พลังภายนอกหรือวัตถุภายนอกก็ไม่ได้!
บนถนนที่ทอดยาวยิ่งเปล่าเปลี่ยวกว่าเดิม ประตูร้านค้าที่เรียงรายอยู่สองข้างทางต่างปิดสนิทเหมือนกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
เบื้องหน้าของถนนสายนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่หนีกระเจิง
ตอนนี้ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คน ก็หมือนหลินสวินเป็นสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ที่บุกเข้าเมือง สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว
“ตรงนี้!”
ไม่นานเสียงที่กระจ่างกังวานสายหนึ่งดังขึ้น
ตูมๆ!
ที่ตามมาติดๆ คือแสงเคลื่อนไหวที่เจิดจ้าพร่าวพราวแน่นขนัดกลุ่มหนึ่งทะยานออกมา กลายเป็นเงาร่างสิบกว่าร่าง มีทั้งชายหญิงเด็กแก่ แต่ละคนล้วนกลิ่นอายน่าทึ่งอย่างที่สุด
“เป็นกำลังพลของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยน!”
ในกลุ่มคนที่ตามหลังหลินสวินมีเสียงประหลาดใจหนึ่งดังขึ้น จากนั้นผู้คนต่างฮือฮา เผยสีหน้าคาดหวัง
ตระกูลเยี่ยนเรียกตัวมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบกว่าคนมา นี่หมายความว่าแต่ละขุมอำนาจใหญ่เผ่าเทพที่ตั้งอาณาเขตอยู่ในเมืองได้รับข่าว และเปิดฉากเคลื่อนไหวแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้คือตระกูลเยี่ยน อีกไม่นานกองกำลังของเผ่าเทพอื่นๆ ก็จะมาเช่นกัน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนแซ่หลินนั่นจะต้านได้อย่างไร
“ลงมือ จับตัวเขาไว้!”
ทันทีที่ไปถึงผู้นำกำลังพลตระกูลเยี่ยนก็ออกคำสั่ง โจมตีเข้าใส่หลินสวินทันที
ตูม!
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน ต่างเรียกสมบัติออกมา โคจรวิชามรรค อานุภาพน่ากลัวแผ่ขยาย ทำให้บริเวณรอบๆ ถนนแห่งนี้เกิดการสั่นไหวรุนแรง
สามารถมองเห็นว่าบนสิ่งก่อสร้างสองข้างปรากฏกลิ่นอายผนึกคลุมเครือ สลายระลอกคลื่นทำลายล้างเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นถนนสายนี้คงกลายเป็นที่ราบในชั่วพริบตาแล้ว
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ แววตาลุ่มลึกจนน่ากลัว เขาไม่ได้หยุดเท้า ยังคงก้าวไปเบื้องหน้า ปราณกระบี่แน่นขนันออกมาจากร่างของเขา แผ่ไปยังสี่ทิศแปดด้าน
ปราณกระบี่ทุกสายล้วนเหมือนศาสตราจิตที่ทำลายได้ทุกสิ่ง หรีดแหวกห้วงอากาศ ฟันสมบัติของศัตรูอย่างง่ายดาย พุ่งเข้าไปในหมู่ผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนสิบกว่าคนนั้น
ฟุ่บๆๆ!
ในดุจไม้ไผ่แตกหักดังขึ้นถี่ๆ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบกว่าคนนั้นเหมือนดั่งต้นหญ้า ถูกปราณกระบี่แน่นขนัดฟันเกลี้ยง!
เลือดสดสาดพรม ย้อมห้วงอากาศแดงฉาน
ชั่วขณะเดียวเลือดสดๆ ราวกับภาพวาด งดงามสยดสยองจนพาให้คนใจสั่น
คนที่ตามมาจากไกลๆ ต่างอึ้งงัน ตกใจอย่างสิ้นเชิง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เผชิญหน้ากับหนึ่งคน ใช้เพียงการโจมตีเดียว
เผชิญหน้ากับหนึ่งกลุ่ม ก็ทำลายล้างด้วยการโจมตีเดียวเช่นกัน!
ใครจะกล้าเชื่อ
เห็นเงาร่างของหลินสวินมุ่งหน้าต่อ สีหน้าของพวกคนที่ตามมาบางส่วนเปลี่ยนไปแล้ว สุดท้ายก็ยอมแพ้ ล้มเลิกจากไป ไม่กล้าตามต่อ
แต่ก็ยังมีคนไม่กลัวตายตามหลังหลินสวินต่อไป
“ทางนี้ เร็วเข้า!”
ไม่นานก็มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอีกกลุ่มพุ่งทะยานเข้ามาอีก
แทบจะในเวลาเดียวกันบนทิศทางอื่นๆ ทยอยปรากฏเงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เห็นชัดว่ามาจากขุมอำนาจแตกต่างกัน ตอนนี้เหมือนกระแสน้ำที่พัดมาจากสี่ทิศแปดด้าน มารวมตัวบนถนนนี้
มองไปแล้วถึงกับมีนับร้อยคน!
“เผ่าเทพตระกูลอิ๋ง เผ่าเทพตระกูลเวิง เผ่าเทพตระกูลหนง เผ่าเทพ…”
ตอนที่จำขุมอำนาจที่มาได้ ในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาทันที ต่างสั่นสะท้าน
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในเมืองเทพศุภโชคก็เคยเกิดการเข่นฆ่าและต่อสู้มากมาย เลือดไหลไม่หยุด
ทว่าไม่เคยมีภาพที่เผ่าเทพในเมืองเคลื่อนไหวพร้อมกัน เพียงเพื่อสังหารเป้าหมายเดียวกันเหมือนอย่างวันนี้
นี่เหลือเชื่อมากอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำให้คนยากจะเชื่อยิ่งกว่าคือ อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เป้าหมายที่พวกเขาจะเล่นงานยังมีชีวิตอยู่ และยังปลอดภัยสมบูรณ์
“เหอะๆ ดูท่าว่าทุกคนล้วนมาเพื่อชิงรางวัล”
ชายชุดขาวคนหนึ่งถือพัดขนนกยิ้มกล่าว เสียงดังก้องทั่วทั้งที่นั้น “แต่ข้าว่าทุกท่านจากไปจะดีกว่า มีข้าอยู่ เจ้าหมอนี่ก็คือเหยื่อในกำมือตระกูลอิ๋งของข้าแล้ว”
“เห็นจะไม่ใช่”
หญิงในชุดกระโปรงแดงเพลิงคนหนึ่งเอ่ยพูดอย่างหยาดเยิ้ม “ขุมอำนาจมากมายขนาดนี้เคลื่อนไหวพร้อมกัน ใครกล้ารับรองว่าเหยื่อจะตายในมือใคร”
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าเทพเหล่านี้ปิดล้อมหลินสวินจากสี่ทิศแปดด้าน ไอสังหารพลุ่งพล่าน ทำให้คนไม่รู้เท่าไรอกสั่นขวัญหาย
ภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้ ต่อให้คนแซ่หลินนั่นแข็งแกร่งเพียงใด จะยังรอดชีวิตเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีกหรือ
“พูดไร้สาระมากจริงๆ”
หลินสวินแววตาเย็นเยียบ ฝีเท้าของเขาไม่เคยหยุดแม้แต่ครึ่งก้าว ตอนนี้ก็เช่นกัน
เห็นศัตรูมามากมายขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็กดความเดือดดาลและไอสังหารในใจไม่อยู่อีกต่อไป เงาร่างผ่าเผยเปล่งแสงมรรคออกมา วิวัฒน์กลายเป็นหุบเหวใหญ่ราวกับหมายจะกลืนกินฟ้าดิน
ตูม!
เขาก้าวขึ้นห้วงอากาศ ลงมือทันที
แม้ถูกปิดล้อมตัวคนเดียว แต่ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นกลับเหมือนเขาต่างหากที่เป็นผู้ล่า หมายจะล่าทั่วลาน!
“ลงมือ!”
“ฆ่าเขาเลย อย่าให้ตกอยู่ในมือคนอื่น”
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนมากมายดังกึกก้องสะเทือนไปทั่ว
ก็เห็นเงาร่างที่ราวกับกระแสน้ำนั่น แต่ละคนล้วนแย่งกันโจมตีเข้าใส่หลินสวิน ใช้วิชาที่แข็งแกร่งพยายามจับตัวไว้
หลินสวินเสื้อผ้าโบกสะบัด ไอสังหารในใจดุจไฟลุกโชน ล้วนถูกเขาโคจรในกำปั้นก่อนซัดออกไปโดยพลัน
ตูม!
ฟ้าถล่มดินทลาย ปรากฏการณ์ประหลาดทำลายล้างโลกที่น่ากลัวไม่รู้เท่าไรสะท้อนออกมา
หมัดเดียว อานุภาพราวกับเทพไท้ย้ายภูเขาเทพดึกดำบรรพ์กระแทกลงบนโลกอย่างรุนแรง มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหลายคนถูกโจมตีจนร่างระเบิดคาที่ เลือดสาดราวกับน้ำพุ
และสิ่งที่แผ่ขยายออกไปพร้อมกับพลังหมัด คืออานุภาพที่ปิดล้อมนั่นถูกซัดวะเทือน ปรากฏสัญญาณปั่นป่วนมากมาย
ภาพที่อหังการนี้ทำให้คนไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี ไม่กล้าประมาทอีก พุ่งโจมตีเต็มกำลัง
ทุกคนล้วนเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ พวกเขาไม่เชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่จำนวนคนได้เปรียบกว่าเช่นนี้ จะทำอะไรหลินสวินคนเดียวไม่ได้
และนี่ก็เป็นไปไต่มความต้องการของหลินสวิน
เขาต้องการที่ระบายจริงๆ!
สู้เฒ่าชราระดับนิรันดร์เหล่านั้นไม่ได้ ยังจะสู้กลุ่มคนระดับเดียวกันไม่ได้อีกหรือ
คนจะมากแค่ไหนก็ถูกกำหนดให้ไร้ประโยชน์!
ตูม!
หลินสวินปลดปล่อยมรรควิถีแห่งตน อานุภาพราวกับเทพมารกวาดล้างทั่วพื้นที่
วิชามรรคและศาสตราวุธนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานเข้ามา แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกหุบเหวที่ปรากฏรอบร่างเขาบดขยี้จนสลายหายไปทั้งหมด
ราวกับหมื่นวิชาไม่กล้ำกราย!
นี่ทำให้คนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองยิ่ง
และเมื่อหลินสวินโจมตี ทุกการโจมตีต้องระเบิดร่างคู่ต่อสู้อย่างน้อยหนึ่งคน อย่างมากหลายคน ก็เห็นทุกที่ที่เขาผ่าน ร่างของศัตรูราวกับดอกไม้ไฟที่ระเบิดตัว เลือดสดสาดกระเซ็นราวกับน้ำตก
พลังที่เย้ยหยันอหังการระดับนั้น สยบทุกคนในที่นี้!
หากระดับจักรพรรดิโลกยอดนิรันดร์อยู่ที่นี่คงหนีไปตั้งแต่แรก ไม่กล้าเข้าไปต่อสู้กับหลินสวิน
ใครบ้างไม่รู้ว่าตอนนั้นหลินสวินเคยใช้มรรควิถีระดับจักรพรรดิกำราบระดับอมตะ
ใครบ้างไม่รู้ว่าในหลายปีนั้นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ถูกหลินสวินสังหาร มีจำนวนนับไม่ถ้วน
เมืองเทพศุภโชคที่อยู่ตรงหน้านี้ ภายใต้สถานการณ์ที่พลังระดับจักรพรรดิคือขีดจำกัด ในระดับเดียวกันใครจะสู้หลินสวินได้
ตูมโครม!
สถานการณ์การต่อสู้อเนจอนาถ เลือดนองสาดกระเซ็น
เสียงกรีดร้อง เสียงคำราม เสียงตะโกน ปะปนอยู่ในเสียงมรรคกึกก้องและแสงประกายศักดิ์สิทธิ์ที่สาดพรม รวมเป็นภาพนองเลือดที่ดุจดั่งขุมนรก
ศัตรูล้วนโจมตีอย่างเดือดดาล แต่สำหรับหลินสวินกลับเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ต่อให้คนจะมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่แมลงเม่าที่เล่นกับไฟจนถูกเผาเท่านั้น
ตูม!
ผมดำของเขาปลิวสยาย ดวงตาดำราวกับหุบเหว พลังหมัด พลังฝ่ามือ พลังดรรชนี ปราณกระบี่… ถูกเขาปลดปล่อยระหว่างเยื้องย่าง ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพที่ไร้ศัตรูเทียบ ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้ กวาดล้างทุกสิ่งอย่างง่ายดาย
และจำนวนของศัตรูก็ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง!
ฟ้าดินราวกับเปลี่ยนเป็นสีเลือดแดงฉาน ในคลื่นทำลายล้างปั่นป่วน ภาพความตายฉายอยู่ที่นี่เป็นระลอก…
เหล่าคนที่มองดูอยู่ไกลๆ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกถึงความหนาวเย็นเสียดกระดูก
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ สังหารมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิราวกับตัดหญ้า ประหนึ่งเชือดไก่!
แค่มองดูจากไกลๆ ก็ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง พังทลาย และไร้ที่พึ่งแล้ว
ไม่ถึงครึ่งเค่อ
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินับร้อยที่หลายขุมอำนาจเผ่าเทพส่งมาต่างบาดเจ็บและล้มตายไปกว่าครึ่ง!
น้ำเลือดข้นคลั่กเหมือนกลายเป็นแม่น้ำ แผ่ลามไปตามถนนหิน พลังเร้นลับปานต้องห้ามบนสิ่งก่อสร้างสองข้างทางโคจร สกัดขวางการโจมตีของกลิ่นอายทำลายล้าง
ทุกอย่างล้วนน่าตกใจปานนั้น
สุดท้ายศัตรูที่เหลืออยู่เหล่านั้นก็เหมือนพังทลาย แต่ละคนจิตต่อสู้สูญสิ้น หนีไปทั่วอย่างแตกตื่น
ต่างตกใจจนเสียขวัญ ไม่กล้าสู้ต่อ
หลินสวินจะปล่อยพวกเขาจากไปได้อย่างไร
ก็เห็นว่า…
เขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในจุดชีพจรรอบตัว ปราณกระบี่ที่เจิดจ้าพร่างพราวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาพร้อมเสียงสะเทือนแก้วหู แผ่ทั่วห้วงอากาศสิบทิศ พุ่งไปทางศัตรูที่กำลังหลบหนีเหล่านั้น
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ในทิศทางที่แตกต่างกัน ห้วงอากาศที่แตกต่างกัน เงาร่างแต่ละร่างถูกปราณกระบี่ฟาดฟัน ร่วงหล่นราวกับสายฝน
จนสุดท้ายล้วนถูกสังหารอย่างไร้ปรานี หนีไม่รอดสักคน!
เหล่าคนที่มองดูอยู่จากไกลๆ ชั่วขณะนี้ล้วนสะท้านสะเทือนอย่างสิ้นเชิง อึ้งงันอยู่ตรงนั้น จิตวิญญาณล่องลอย ในใจมีเพียงความคิดเดียว
นี่คือพลังที่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสามารถครอบครองได้หรือ!??
——