ตอนที่ 2809 ฟันบุตรเทพ
ที่มาพร้อมเสียงคือหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ
เงาร่างของนางสูงเพรียว ผมดำใช้เชือกสีทองมัดเป็นหางม้า สวมชุดกระโปรงแดงเพลิง ถือทวนยาวขาวหิมะ กลิ่นอายทั่วตัวรุนแรงและเย็นเยียบ
“คารวะใต้เท้าธิดาเทพ!”
ในหมู่คน ผู้แข็งแกร่งตระกูลเยี่ยนล้วนคำนับอย่างครัดเคร่ง
เยี่ยนชิงหลี!
ธิดาเทพของตระกูลเยี่ยน เป็นดั่งตำนาน โดดเด่นองอาจเช่นกัน
ผู้คนฮือฮา แต่ละคนต่างเผยสีหน้าหวั่นเกรงและคลั่งไคล้
เทียบกับอิ๋งเยวี่ย ชื่อเสียงของเยี่ยนชิงหลีโด่งดังกว่าเล็กน้อย เมื่อนานมาแล้วนางเคยเข้าร่วมการถกมรรคร้อยตระกูล ในการแข่งขันของระดับเดียวกันในยามนั้นถึงขั้นกดความองอาจของบุตรเทพไปไม่น้อย
ในบรรดาหมู่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินับร้อยเมื่อตอนนั้น พลังต่อสู้ของนางสามารถจัดอยู่ในห้าสิบอันดับแรกได้!
เผ่าเทพไม่เคยขาดบุคคลชั้นเลิศปานปีศาจ ในเผ่าเทพนับร้อยของแหล่งสถานศุภโชคยิ่งรวบรวมบุคคลชั้นเลิศเช่นนี้ไม่รู้เท่าไร
และตอนนั้นที่สามารถจัดอยู่ในห้าสิบอันดับแรกได้ จะเห็นได้ว่าเยี่ยนชิงหลีแข็งแกร่งเพียงใด!
“หึ หากเจ้าเยี่ยนชิงหลีไม่ใจร้อนหมายชิงศุภโชคบนตัวคนผู้นี้ เหตุใดต้องมาขัดขวางข้าด้วยเล่า”
อิ๋งเยวี่ยพูดอย่างเย็นเยียบ
“เพราะข้ากังวลว่าเจ้าจะโดนฆ่า”
เยี่ยนชิงหลีไม่เกรงใจสักนิด ยามเอ่ยดวงตาทั้งคู่มองไปยังกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินที่อยู่ไกลๆ แล้ว “สหาย หากเจ้าอยากรอก็ย่อมได้ แต่ข้าขอพูดตามตรงว่าอีกไม่นานจะพวกร้ายกาจโผล่มามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนั้นสถานการณ์ของเจ้าคงยิ่งไม่ดี”
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินพูดเรียบๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง”
เยี่ยนชิงหลีอึ้งไป มองร่างต้นของหลินสวินที่นั่งสงบจิตหยั่งรู้อยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด เอ่ยว่า “ที่อิ๋งเยวี่ยพูดนั้นไม่ผิด เจ้าบ้าคลั่งเกินไปจริงๆ”
“ดังนั้นยามข้าลงมือกับเขา เจ้าหลบไปอีกด้านจะดีที่สุด!”
เสียงของอิ๋งเยวี่ยเย็นเยียบ เขาไม่พอใจการกระทำที่ถูกเยี่ยนชิงหลีขัดจังหวะการจู่โจมของตนอย่างมาก
เยี่ยนชิงหลีถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “แต่เจ้าไม่ได้สังเกตหรือว่ามีพวกร้ายกาจไม่น้อยมาก่อนแล้ว ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เจ้าพุ่งออกไปคนแรก ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็นผลเสียมากกว่าผลดี”
อิ๋งเยวี่ยหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย สายตากวาดมองรอบๆ เหมือนสังเกตเห็นอะไร สีหน้าค่อยๆ อึมครึมลง
ส่วนเยี่ยนชิงหลีกลับเอ่ยปากเสียงดัง “ทุกท่าน ในเมื่อมาแล้วเหตุใดไม่ปรากฏตัว ในสถานที่เช่นนี้ยังคิดจะเล่นตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง นั่นไม่ขายหน้าเกินไปหรือ”
คำพูดนี้กระจายออกไป
“เดิมพวกข้าไม่อยากทำตัวเด่นเกินเจ้า แต่ในเมื่อแม่นางเยี่ยนพูดแล้ว พวกข้ารอต่อไปกลับจะไม่งดงามเท่าไรแล้ว”
เสียงหัวเราะลั่นดังขึ้นระลอกหนึ่ง ราวกับฟ้าร้องปั่นป่วน
จากนั้นแสงม่วงบาดตาสายหนึ่งปรากฏขึ้นปานสายฟ้า กลายเป็นเด็กหนุ่มชุดม่วงที่หล่อเหลางดงาม ผิวขาวผ่อง แย้มยิ้มน้อยๆ กลิ่นอายทั่วตัวกลับกำเริบเสิบสาน รุนแรงราวกับเพลิง
เหลียงชิวหู บุตรเทพตระกูลเหลียงชิว!
หากบอกว่าตอนนั้นเยี่ยนชิงหลีอยู่ในห้าสิบอันดับแรกของการถกมรรคร้อยตระกูล
เหลียงชิวหูนั่นก็สามารถอยู่ในสามสิบอันดับแรกได้!
ควรรู้ว่าอันดับยิ่งสูง การต่อสู้ก็ยิ่งดุเดือด และคนที่สามารถจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรกท่ามกลางปีศาจระดับเดียวกันในหมู่เผ่าเทพแต่ละตระกูลได้ แค่คิดก็รู้ว่าพลังต่อสู้ของเหลียงชิวหูจะน่ากลัวเพียงใด
ในที่นั้นเงียบกริบ ผู้ฝึกปราณบริเวณนั้นหัวใจสั่นสะท้านระลอกหนึ่ง
บุตรเทพ ธิดาเทพที่ราวกับตำนานเหล่านี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะปรากฏตัวในเมืองเทพศุภโชคได้อย่างไร
แต่ตอนนี้กลับทยอยปรากฏตัว!
ไม่รอผู้คนตอบสนอง ก็มีอีกสองร่างปรากฏขึ้น ยืนอยู่ข้างเหลียงชิวหู เป็นชายชุดขาวแบกกระบี่คนหนึ่ง และหญิงที่ถือแส้อ่อนสีทอง เงาร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง
กลิ่นอายของชายหญิงคู่นี้ก็น่ากลัวเช่นกัน
ชั่วขณะนั้นหว่างคิ้วของอิ๋งเยวี่ยและเยี่ยนชิงหลีเผยความเคร่งเครียดแล้ว
เหลียงชิวเจี้ยน เหลียงชิวเวิ่น!
ในตระกูลเหลียงชิว ทุกรุ่นจะเลือกบุตรเทพสามคน เหลียงชิวเจี้ยน เหลียงชิวเวิ่นก็คือบุตรเทพและธิดาเทพรุ่นเดียวกับเหลียงชิวหู
พลังต่อสู้ของทั้งสองคนนี้บางทีอาจด้อยกว่าเหลียงชิวหู แต่รากฐานพลังก็น่ากลัวถึงขีดสุด
บรรยากาศกดดัน ทุกคนในที่นั้นคอแห้งผาก ตกใจกับภาพนี้โดยสมบูรณ์
บุตรเทพ ธิดาเทพของเผ่าเทพสามตระกูลชั้นยอดอย่างตระกูลอิ๋ง ตระกูลเยี่ยน ตระกูลเหลียงชิวทยอยปรากฏตัว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะไปต้านทานอย่างไร
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนยากจะเชื่อคือร่างต้นของหลินสวินยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ ส่วนร่างแยกของเขาก็ไม่ได้เผยความหวาดกลัว นิ่งสงบเหมือนเดิม
“ตอนนี้พอหรือยัง”
เหลียงชิวหูยิ้มพูด สายตาจ้องกายมรรคไม้เขียวของหลินสวิน
“พวกเจ้าสามารถรออีกหน่อยได้”
กายมรรคไม้เขียวพูดเรียบๆ
เหลียงชิวหูอึ้งไป อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “น่าสนใจ น่าสนใจเกินไปแล้ว คนที่มาจากนอกแหล่งสถานศุภโชคคนหนึ่งกลับไม่เห็นพวกเราในสายตา นี่เพราะโง่เขลาไม่รู้ความหรือมีความมั่นใจมากพอให้ทำเช่นนี้”
ทุกคนก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
เพราะหลินสวินให้ความรู้สึกเหมือนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ภายใต้การกระทำที่ดูเหมือนสบายๆ ของเขา ท่าทีที่แสดงออกมากลับแข็งกร้าวอย่างหาใดเปรียบ
“อยากรู้คำตอบเหตุใดจึงไม่ลงมือดูเล่า”
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินพูดง่ายๆ
เหลียงชิวหูหุบยิ้ม เอ่ยว่า “ก็ดี เช่นนั้นก็ลองดู”
ว่าพลางเขาหันมองไปยังอิ๋งเยวี่ย เยี่ยนชิงหลี แล้วเอ่ยว่า “ทั้งสองท่าน พวกเจ้าจะลงมือก่อนหรือให้ข้าลงมือก่อน”
อิ๋งเยวี่ยพูด “ข้ามาถึงคนแรก ย่อมต้องเป็นข้าที่สังหารเจ้าหมอนี่!”
เยี่ยนชิงหลีกล่าว “สบโอกาสค่อยลงมือ”
เหลียงชิวหูพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นพวกเราก็จะอยู่ตรงนี้ อิ๋งเยวี่ยเจ้าสู้อย่างสบายใจเถอะ ข้าเหลียงชิวหูรับรองว่าจะไม่ให้คนอื่นๆ รบกวนการเคลื่อนไหวของเจ้า! แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการ พวกเราก็จะไม่นิ่งดูดาย”
คำพูดทั้งหมดดูกล้าหาญและใจกว้างนัก
“หากมารับความตายทีละคน พวกเจ้าจะยิ่งไม่มีโอกาส”
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกล่าว คำพูดยังคงราบเรียบ
“หึ!”
อิ๋งเยวี่ยแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ก้าวเท้าเดินไป
เงาร่างสูงใหญ่ของเขาปลดปล่อยเปลวเพลิงพร่างพราวเป็นประกายมากมายออกมา ขณะก้าวเดินกลิ่นอายบนร่างเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ยามก้าวออกมาเป็นก้าวที่เก้า ทั้งตัวเขาเหมือนกลายเป็นเทพเพลิงดึกดำบรรพ์ แสงประกายทั่วร่างแผ่พุ่งหมื่นจั้ง เพลิงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน ประทับเปลวเพลิงบนหว่างคิ้วก็ลุกโชนขึ้นมา
ชิ้ง!
ในมืออิ๋งเยวี่ยปรากฏทวนเปลวเพลิงสีเขียวเล่มหนึ่ง ฟันออกไปโดยพลัน
ตูม!
ห้วงอากาศราวกับถูกเผา เสียงดังอึงอล คมทวนสีเขียวที่เจิดจ้าบาดตาหอบม้วนเพลืงเทพหมื่นจั้ง ฟันไปทางหลินสวินด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ในสายตาของผู้คนที่อยู่ไกลๆ ชั่วขณะนี้ก็เหมือนสุริยันดวงโตสีเขียวมาเยือนจากฟากฟ้า กระแทกกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินอย่างรุนแรง หมายจะกลบมันให้มิด
ปัง!
เพียงแต่ครู่ต่อมาอิ๋งเยวี่ยก็กระเด็นออกไปทั้งตัว ทวนสีเขียวในมือร้องครวญก้องฟ้า
ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ขนลุกมึนงง เพราะการโจมตีเมื่อครู่นั้นพวกเขาเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเหลียงชิวหู เหลียงชิวเจี้ยน เหลียงชิวเวิ่น เยี่ยนชิงหลีสีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
เพราะพวกเขามองเห็นว่าร่างแยกของหลินสวินเพียงปล่อยหมัดลวกๆ คราหนึ่ง ก็สามารถสลายการโจมตีที่อหังการทรงพลังนั้นของอิ๋งเยวี่ยได้แล้ว!
“เมื่อครู่นี้ข้าบอกแล้วว่าเจ้าคนเดียวไม่พอ” กายมรรคไม้เขียวในชุดเขียวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าแฝงความเย้ยหยันเสี้ยวหนึ่ง
อิ๋งเยวี่ยสีหน้าอึมครึม ในดวงตาเผยประกายพลุ่งพล่าน
“ตาย!”
เงาร่างเขาหายไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมาผู้คนก็เห็นประกายคมสีเขียวที่สะดุดตาอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่ง ราวกับแสงแรกที่ทะลวงแรกกำเนิด เปิดฟ้าแยกดิน
จิตใจของทุกคนราวกับถูกกรีด เกิดความหวาดกลัว
ส่วนพวกเหลียงชิวหูอดหวั่นไหวไม่ได้
แสงวสันต์สารทหมื่นกาล!
นี่คือไพ่ตายของอิ๋งเยวี่ย
ไม่มีใครคาดคิดว่าแค่การโจมตีที่สองอิ๋งเยวี่ยก็ทุ่มสุดตัวแล้ว คล้ายหมายรีบสู้รีบจบ ตัดสินไปให้รู้แล้วรู้รอด
ตูม!
เสียงระเบิดบาดหูดังกึกก้อง
จากนั้นประกายคมสีเขียวกลุ่มนั้นก็ระเบิดโดยพลัน สาดละอองแสงดุดันที่งดงามหลากสีนับไม่ถ้วน ม้วนตัวออกไป
ที่ตามมาติดๆ คือร่างของอิ๋งเยวี่ยเซล้มจากกลางห้วงอากาศ สีหน้าขาวซีด มุมปากหลั่งเลือด ทวนสีเขียวในมือเขาแตกหักเหลือเพียงท่อนเดียวแล้ว
เมื่อมองดูกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินอีกครา ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นิ่งสงบเหมือนเดิม
ฟ้าดินเงียบกริบ
ทุกคนต่างตกใจกับภาพนี้
ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
อิ๋งเยวี่ยบุตรเทพของเผ่าเทพตระกูลอิ๋ง ตำนานในโลกยุคสมัยหนึ่ง ปีศาจชั้นเลิศที่มีผลงานการต่อสู้น่าภาคภูมิบนเส้นทางไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน
แต่ตอนนี้กลับบาดเจ็บหนักต่อเนื่อง!
นี่เหนือความคาดหมายของผู้คนโดยสมบูรณ์ ทำให้พวกเขายากจะเชื่อ ล้วนแต่ตกตะลึง
“ลงมือ!”
ตอนนี้มีเพียงพวกเหลียงชิวหูที่ราวกับถูกกระตุ้น สบตากันและลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด
ก่อนหน้านี้พวกเขาสังเกตเห็นการพ่ายแพ้ของอิ๋งเยวี่ยได้อย่างฉับไว หลินสวินยังคงใช้หมัดง่ายๆ หมัดเดียว แต่อานุภาพกลับรุนแรง ทลายการโจมตีชั้นยอดของอิ๋งเยวี่ย และพลังของหมัดนี้ก็ทำให้อิ๋งเยวี่ยบาดเจ็บสาหัส!
นี่น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
คู่ต่อสู้ที่ฝีมือสูสีมักจะต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเนิ่นนาน ถึงจะสามารถตัดสินแพ้ชนะได้
และตอนนี้อิ๋งเยวี่ยพ่ายแพ้แต่ต้น นี่สามารถพิสูจน์ได้เพียงว่า แม้หลินสวินจะใช้เพียงร่างแยก แต่ความสำเร็จที่ได้รับในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็เหนือกว่าอิ๋งเยวี่ย!
ไม่เช่นนั้นอิ๋งเยวี่ยไม่มีทางมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้
ตูม!
เหลียงชิวหูเรียกกระบี่มรรคทองอร่ามเล่มหนึ่งออกมา หอบม้วนห้วงอากาศ ในเจตกระบี่สะท้อนโลกศักดิ์สิทธิ์ที่รุ่งเรืองไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง อานุภาพน่ากลัว
ฟุ่บ!
เหลียงชิวเจี้ยนและเหลียงชิวเวิ่นเองก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งกระตุ้นกระบี่มรรค อีกคนโบกแส้ยาว แต่ละคนเผยอานุภาพที่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันในระดับนี้
อันที่จริงพวกเขาก็เหมือนกับเหลียงชิวหู ก้าวสู่มรรคาอมตะนานแล้ว ทำให้หลังจากเข้าสู่เมืองเทพศุภโชค ระดับล้วนถูกกดข่ม
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ความสำเร็จในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้สักนิด
นี่ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว
พวกเหลียงชิวหูสามคนลงมือพร้อมกัน แค่อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีแล้ว จิตใจของผู้ที่มองดูอยู่ไม่รู้เท่าไรต่างสั่นไหว หลบหลีกตามสัญชาตญาณ
และตอนนี้เอง กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็เคลื่อนไหวแล้ว
เขาประสานนิ้วราวกับกระบี่ ฟันในอากาศ
อิ๋งเยวี่ยที่เดิมทีบาดเจ็บหนัก กำลังจะฉวยโอกาสถอยจากสนามต่อสู้หน้าเปลี่ยนสีทันที เพราะกระบี่นี้ฟันมาทางเขานั่นเอง
“เปิด!”
อิ๋งเยวี่ยตะโกน
เขารับรู้ถึงการคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต ไม่กล้าลังเลสักนิด เร่งเร้าพลังทั้งหมดสุดกำลัง ราวกับลุกโชน อานุภาพก็น่ากลัวถึงขีดสุด
โครม!
เสียงคำรามดังก้องสะเทือนฟ้าดิน
ก็เห็นภายใต้กระบี่นั่น สมบัติป้องกันและแสงมรรคทั่วร่างอิ๋งเยวี่ยระเบิดออกราวกับสิ่งเปราะบาง ร่างกายของเขาก็ถูกผ่าแหวกออกทั้งอย่างนั้น ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นหมอกโลหิต
จากนั้น แม้แต่หมอกโลหิตเหล่านั้นยังถูกปราณกระบี่อันหนาแน่นทำลายลง
ตายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก!
——