Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2824 กระบี่ตัดโลกีย์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2824 กระบี่ตัดโลกีย์

ตอนที่ 2824 กระบี่ตัดโลกีย์

มองจากเมืองเทพศุภโชค

ก็เห็นฟ้าดาราปั่นป่วนทั้งแถบ พลังระดับนิรันดร์ม้วนพัดออกมาราวกับจะระเบิดฟ้าดาราแถบนี้

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ระดับนิรันดร์อยู่เหนืออมตะ ราวกับตำนาน

ในขุมอำนาจเผ่าเทพนับร้อยในเมืองเทพศุภโชค เผ่าเทพที่มีระดับนิรันดร์บัญชาการนั้นน้อยนัก

และตอนนี้นอกเมืองเทพศุภโชคมีระดับนิรันดร์มากมายรวมตัวกัน เปิดฉากห้ำหั่นเหนือฟ้าดารา นั่นประหนึ่งโลกจะดับสลายจริงๆ พาให้ผู้คนตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“สวรรค์!”

“ทำไม… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…”

“คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเชิญผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์มาออกศึก นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…”

“ยังดีที่เมืองเทพศุภโชคนี้มีพลังกฎระเบียบปกคลุม ไม่เช่นนั้นต้องถูกทำลายแน่”

…ในเมืองโกลาหล ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนกระวนกระวายใจ นี่คือความหวาดกลัวจากสัญชาตญาณ

ทันใดนั้น…

ในฟ้าดารามีเสียงตวาดราวอสนีบาตดังขึ้น

“ฆ่า!”

ทวนศึกเล่มหนึ่งมาเยือนราวกับมาจากพิบัติเคราะห์วันสิ้นโลก มีแสงมรรคอสนีเคราะห์ขมุกขมัวนับหมื่นแสนโน้มลงมา คมประกายไร้ใดเปรียบนั้นราวกับจะฉีกทึ้งฟ้าดาราออกจากกัน

หลินสวินที่กำลังทะยานอยู่ในห้วงอากาศรู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรงโดยพลัน

“เจ้าเฒ่านี่มรรควิถีไม่ธรรมดา ให้ข้าจัดการเถอะ”

ท่ามกลางเสียงบางเบาเยียบเย็น จักรพรรดิสงครามอู๋ยางปรากฏตัว เงาร่างเพรียวสูงนั้นปกคลุมด้วยหมอกแสงเปล่งประกาย เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน

นางรวบนิ้วกรีดวาดออกมา

ฟึ่บ!

ห้วงอากาศถูกแหวกผ่าเป็นทางยาวดุจผืนผ้าวาด ปลายกระบี่ไร้ใดเปรียบแฝงพลังลึกลับเกินคาดเดา ขวางทวนศึกที่พุ่งสังหารมานั้นอย่างแข็งกร้าว

กระบี่ทวนปะทะกัน มีพลังน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตแผ่กระจายทันที

ต่อให้เมืองเทพศุภโชคอยู่ห่างไกลยิ่ง แต่เมื่อเห็นภาพนี้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนก็ถูกทำให้ตกใจจนหนังหัวชาวาบ วิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง

นี่ช่างเหมือนทวยเทพชิงชัยในตำนานจริงๆ!

ขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่าเงาร่างหลินสวินใกล้ได้รับผลกระทบ เสียงธรรมหนึ่งดังขึ้นจากกาหลอมจิต

“โอม!”

คลื่นลูกหลงจากการต่อสู้ที่ม้วนพัดมาสลายไปทันที

จากนั้นเงาร่างของอริยพุทธซิงเจียก้าวออกมา เขาเคร่งขรึมมีสง่า ทั้งตัวไร้มลทิน เปล่งแสงสว่างไสวเปิดทางอยู่ข้างหน้าหลินสวิน

“ภิกษุ อย่างเจ้าเรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว!”

ส่วนลึกของฟ้าดารามีเสียงขุ่นมัวหนึ่งดังก้อง

เวลานี้เกาหยางจิ้งลงมือแล้ว

ตูม!

เมื่อเขาก้าวออกมา ฟ้าดาราพลันสั่นสะเทือน รุ้งเทพดุจดาบกระบี่มากมายแผ่ออกมาจากตัวเขา เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รุ้งเทพพวกนี้ล้วนระเบิดพุ่งออกมา

อริยพุทธซิงเจียพนมมือ เบื้องหน้าปรากฏสถูปเจดีย์องค์หนึ่ง ตัวเจดีย์เปล่งแสงธรรมนับหมื่นแสน พาดขวางออกไป

แต่เวลานี้เอง…

กระบี่ไม้สีดำเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหัน ฟันไปทางหลังศีรษะของอริยพุทธซิงเจียโดยไร้สุ้มเสียง เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ปึง!

แต่กระบี่ไม้สีดำนี้กลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกระแทกใส่ กระเทือนจนสั่นไหวและกระเด็นย้อนกลับไป

“สองรุมหนึ่งหรือ หน้าไม่อาย!”

พลันเห็นว่าผู้ซัดกระบี่ไม้สีดำนั่นก็คือจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพหลงเซี่ยง เขาราวกับเด็กหนุ่มรูปงาม กลิ่นอายทั้งตัวกลับน่ากลัวจนทำให้ฟ้าดาราสั่นสะเทือน

ขณะกล่าวเขาพุ่งตัวไปเบื้องหน้า ซัดหมัดหนึ่งออกไป พริบตานั้นราวกับช้างยักษ์ตัวหนึ่งก้าวเหยียบฟ้าดารา แหงนมองฟ้าคำรามก้อง ดวงดาวล้วนดูเล็กจ้อยเป็นพิเศษ!

นี่ต้องเป็นการต่อสู้ชุลมุนครั้งใหญ่แน่

ต้นไม้เทพหมื่นดารา จักรพรรดินรกเลือดทมิฬ อู๋ยาง ซิงเจีย หลงเซี่ยงและเหล่าอัครบุคคลทยอยก้าวออกมา คอยคุ้มกันหลินสวิน แต่ก็ถูกศัตรูเข้ามาพัวพัน แต่ละพื้นที่ในฟ้าดาราเกิดการต่อสู้ดุเดือด

ฟ้าดาราแถบนี้ราวกับตกอยู่ในความโกลาหลทันที ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งดับสูญ

เมื่อหลินสวินมุ่งหน้าต่อไป เฒ่าดึกดำบรรพ์จากหลายเผ่าเทพคนแล้วคนเล่าจะลงมือ แต่ละคนล้วนเผยพลังน่ากลัวที่คาดไม่ถึงออกมา

หลินสวินตกใจจนเหงื่อท่วมตัวอย่างอดไม่ได้

ไม่จำเป็นต้องสงสัย หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาเองเกรงว่าคงตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

แต่ยังดีที่มีอัครบุคคลแห่งดินแดนรกร้างโบราณในกาหลอมจิตอยู่ เมื่อเขามุ่งหน้าก็จะทยอยมีเงาร่างปรากฏออกมา ช่วยหลินสวินสลายเคราะห์สังหารครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

ฟ้าดาราพลิกตลบ ห้วงอากาศปั่นป่วนราวกับทวยเทพทั่วหล้าควบทะยานกรำศึก เปิดฉากการต่อสู้แห่งยุค กฎเกณฑ์มหามรรคนานัปการแผ่กระจายดุจเขาถล่มสมุทรคำราม แค่คลื่นพลังนั้นก็ทำลายโลกแห่งหนึ่งได้โดยง่าย!

น่ากลัวเกินไปแล้ว

บนตัวหลินสวินยังมีการคุ้มครองจากพลังที่เฉินหลินคงเหลือไว้ แต่ยังตกตะลึงใจสั่นอย่างอดไม่ได้

ความรู้สึกนี้ก็เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งถูกม้วนเข้าไปอยู่กลางมหาสมุทรที่ลมพายุโหมกระหน่ำ เล็กจ้อยเกินไป ฟองคลื่นหนึ่งล้วนฝังกลบเขาได้นับครั้งไม่ถ้วน

ตอนนี้เวลาดูเนิ่นนานเป็นพิเศษ

ไม่ทันไรหลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว

บนทางข้างหน้าที่ห่างไกลมีเงาร่างสูงใหญ่ชวนประหวั่นสามสายปรากฏ

แต่ในกาหลอมจิต…

กลับเหลือแค่คนเดียวแล้ว!

“ไม่ต้องกังวล”

เฉินหลินคงปรากฏตัว ยิ้มพลางตบบ่าหลินสวินแล้วกล่าว “เรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวกับเจ้า ขอเพียงมุ่งหน้าไปก็พอ”

เสียงของเขาราวกับมีเวทมนตร์ ทำให้สภาวะจิตที่ตึงเครียดของหลินสวินเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบลง

ห่างออกไประดับนิรันดร์สามคนพุ่งเข้ามา

คนหนึ่งถือกระบองสำริด ห้าวหาญหาใดเปรียบ คนหนึ่งถือแส้หางม้า แค่สะบัดแผ่วเบาก็ทำให้ห้วงอากาศปั่นป่วน อีกคนถือกระบี่มรรคเล่มหนึ่ง ไอสังหารเยียบเย็นบดบังฟ้าดิน

ตูม!

กระบองสำริดฟาดมาก่อน ก่อให้เกิดกระแสมหามรรคป่วนคลั่ง

เฉินหลินคงยื่นมือผ่านอากาศ ถึงกับคว้ากระบองสำริดได้อยู่หมัดแล้วออกแรงที่ฝ่ามือทันที

ตูม!

กระบองสำริดรวมถึงเจ้าของมันถูกซัดลอยออกไปอย่างแรง

“ตาย!”

ไหมแส้หางม้าราวน้ำตกธารดาราที่ลุกโชนมาเยือน หลินสวินรู้สึกเหมือนว่าอยู่ในเพลิงนรกทันที

“ไสหัวไป!”

สองมือของเฉินหลินคงทำมุทรา ซัดไปข้างหน้าโดยพลัน

ท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ชายผู้ถือแส้หางม้าซวนเซถอยร่น ปากกระอักเลือด หน้าพลันเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้

แต่พร้อมกันนี้กระบี่มรรคเล่มหนึ่งแทงตรงมายังหว่างคิ้วของเฉินหลินคง

กระบี่นี้เหมือนมองข้ามปราการเวลา โผล่มากะทันหัน เร็วถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ ทั้งดุดันจนไม่อาจบรรยาย

เฉินหลินคงไม่อาจเบี่ยงหลบได้

แต่ตรงหว่างคิ้วเขากลับปรากฏเตาสำริดคลุมเครือลึกลับ ขวางกระบี่นี้ไว้ในชั่วขณะเป็นตาย

ตึง!!!

เสียงปะทะนั้นราวกับจะฉีกแก้วหู สั่นสะเทือนจิตใจ ตรงจุดที่กระบี่กับเตาปะทะกันมีพลังชวนประหวั่นระเบิดกระจาย ทำให้ฟ้าดาราหมื่นจั้งใกล้เคียงพังทลาย

“ถึงกับขวางไว้ได้…” ห่างออกไปชายผู้ควบคุมกระบี่มรรคประหลาดใจ

“เจ้าก็รับกระบี่ข้าสักเล่ม”

เฉินหลินคงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่ที่ปกคลุมด้วยลายเทพลึกลับนานัปการพุ่งแหวกไป ห้วงอากาศราวถูกปราณกระบี่อัดแน่นจนระเบิดดังตูมทันที แสงกระบี่ไร้ใดเปรียบนั้นสาดส่องลงมา ไม่มีที่ใดไปไม่ถึง

ฉัวะ!

แม้ว่าชายถือกระบี่มรรคจะหลีกหลบและต้านทาน แต่ยังคงถูกปราณกระบี่นั้นฟันจนเงาร่างโซเซ ผิวกายเกิดรอยแยกเป็นเส้นริ้ว

เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ถือกระบองสำริดกับแส้หางม้าล้วนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พุ่งเข้ามาทันที

“หนทางของข้าคนแซ่เฉิน ใช่สิ่งที่รูปจำลองเจตจำนงอย่างพวกเจ้าขวางได้หรือ”

เฉินหลินคงสีหน้าเยียบเย็น พ่นลมออกมาจากปากทันที กระบี่บินเปี่ยมประกายดาราเล่มหนึ่งพุ่งวาบผ่านอากาศ

ฉัวะ!

ชายถือกระบองสำริดยังอยู่กลางทาง แต่ร่างกายกลับถูกแบ่งเป็นสองท่อนทันที

นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

ตูม!

ครู่ต่อมาร่างครึ่งท่อนนั้นก็ระเบิดกระจุย

หลินสวินสูดหายใจสะท้าน

สังหารรูปจำลองเจตจำนงของยอดบุคคลระดับนิรันดร์คนหนึ่งโดยง่ายเช่นนี้ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว

“ไป!”

พลันเห็นเฉินหลินคงเอ่ยปากเบาๆ กระบี่บินเล่มนั้นพุ่งวาบอีกครั้ง

“แย่แล้ว!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ถือแส้หางม้าพลันหน้าเปลี่ยนสี กำลังจะหลีกหลบ

ฉัวะ!

ศีรษะของเขาถูกตัดขาดโดยตรง เงาร่างถูกปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบทำลายล้าง

การสังหารต่อเนื่องสองครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นในสนามรบ เสียงตกตะลึงดังขึ้นฉับพลัน

ต่างจากอัครบุคคลแห่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่น เมื่อเฉินหลินคงลงมือก็เผยพลังต่อสู้ไร้ใดเปรียบ กระบี่บินเล่มเดียวราวกับไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ พลังสังหารน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

“ไป!”

เฉินหลินคงเอ่ยปากอีกครั้ง

ห่างออกไปชายถือกระบี่มรรคซึ่งถูกกระเทือนจนบาดเจ็บนานแล้วไม่ทันหลีกหลบก็เจริญรอยตาม ถูกสังหารในกระบี่เดียว

ภาพหมดจดชัดเจนนั้น หลินสวินเห็นแล้วตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง

“กระบี่นี้นามว่าตัดโลกีย์ ท่านปู่มอบให้ข้า ถูกข้าใช้มรรควิถีแห่งตนฟูมฟักมานานปี สังหารรูปจำลองเจตจำนงพวกนี้เป็นเรื่องง่ายดายนัก”

เฉินหลินคงยิ้มพลางกล่าว

เขาพาหลินสวินมุ่งตรงต่อไปข้างหน้า

เบื้องหลังเสียงเข่นฆ่าโรมรันสะท้านฟ้า อัครบุคคลอย่างพวกอู๋ยาง หลงเซี่ยงยังห้ำหั่นกับคู่ต่อสู้

เฉินหลินคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้

เขาก้าวเดินเหมือนดาวเคลื่อนดาราคล้อย พาหลินสวินพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“หืม?”

แต่เพียงชั่วขณะเฉินหลินคงพลันยืนนิ่ง พร้อมกันนี้กระบี่ตัดโลกีย์ของเขาพุ่งออกไปฟันอากาศ

เคร้ง!

ห่างออกไปดาบศึกเจิดจ้าเล่มหนึ่งปรากฏ ถึงกับขวางกระบี่ตัดโลกีย์ไว้ได้!

จากนั้นเงาร่างชวนประหวั่นสายแล้วสายเล่าปรากฏ มีกันถึงสิบกว่าคน อานุภาพแต่ละคนล้วนน่ากลัวไร้ขอบเขต

ภายในนั้นถึงกับมีเฒ่าดึกดำบรรพ์สามคนที่เพิ่งถูกเฉินหลินคงฟันรูปจำลองเจตจำนงไปด้วย

“ร่างต้นก็ออกเคลื่อนไหวแล้ว…”

เฉินหลินคงหรี่ตาเล็กน้อย

ร่างต้นของระดับนิรันดร์ย่อมแข็งแกร่งกว่ารูปจำลองเจตจำนงมาก พลังต่อสู้ที่ครอบครองก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

“เพื่อจัดการคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง จำเป็นหรือ”

เฉินหลินคงถอนใจเบาๆ

“เขาไม่ใช่คนรุ่นเยาว์ทั่วไป”

ชายชราชุดทองคนหนึ่งสีหน้าเฉยชา ตรงจุดที่เขายืนอยู่ฟ้าดาราปั่นป่วน พลังกฎระเบียบมากมายโหมกระหน่ำ เหมือนจะกำราบอานุภาพทั้งตัวเขา แต่ล้วนถูกเขาต้านทานสลายไปทั้งหมด

นี่หมายความว่าพลังกฎระเบียบของฟ้าดาราแถบนี้รู้สึกถึงภัยคุกคาม เกิดการตอบโต้โดยสัญชาตญาณ พยายามขับไล่ยอดบุคคลพวกนี้

แต่น่าเสียดายที่พลังกฎระเบียบของฟ้าดารานี้ทำอะไรระดับนิรันดร์ที่แท้จริงพวกนี้ไม่ได้!

“สหายน้อย ถือกาหลอมจิตไว้ให้ดี ข้าจะพาเจ้าฝ่าออกไป”

เฉินหลินคงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว มือถือกระบี่ตัดโลกีย์ ก้าวเข้าสู่ฟ้าดารา ตีฝ่าออกไปทันที

หลินสวินถูกพลังของเขาหอบม้วน พุ่งตามร่างเขาไปติดๆ

เฒ่าดึกดำบรรพ์สิบกว่าคนนี้สีหน้าเรียบเฉย แต่ละคนเรียกสมบัติออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เฉินหลินคง

ตูม!

ฟ้าดาราแถบนี้เหมือนถูกซัดทลาย ห้วงอากาศแตกเป็นส่วนๆ กระแสพลังชวนประหวั่นแผ่กระจาย ทุกจุดที่เคลื่อนผ่านเต็มไปด้วยภาพพังทลาย

เฉินหลินคงถูกกระเทือนจนถอยไปหลายก้าว

ห่างออกไปนัยน์ตาเฒ่าดึกดำบรรพ์สิบกว่าคนอดฉายแววประหลาดใจไม่ได้ บนโลกนี้ถึงกับมีคนต้านการโจมตีที่พวกเขาลงมือพร้อมกันได้!

“มาอีก”

ทั้งตัวเฉินหลินคงเหมือนเพลิงลุกโชน โชติช่วงชัชวาล อานุภาพไร้ใดเปรียบแผ่กระจายจากตัวเขา ทำให้ทั้งตัวเขาเหมือนเทพเซียนเหนือพิภพองค์หนึ่ง เหยียดหยันทั่วหล้า

เขาถือกระบี่ตัดโลกีย์พุ่งตัวไปข้างหน้า

………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท