Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2826 กลับสู่ทะเลประหัตมาร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2826 กลับสู่ทะเลประหัตมาร

ตอนที่ 2826 กลับสู่ทะเลประหัตมาร

ได้ยินเสียงถอนใจของเฉินหลินคง อัครบุคคลแห่งดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกอู๋ยาง ซิงเจียกลับยิ้มรับ

“ก่อนหน้านี้นานมาแล้วก็ติดอยู่ที่นี่ ตอนนี้แม้ว่าติดอยู่ต่อไปก็ไม่ต่างอะไรกัน”

อู๋ยางกล่าว “พวกเรากลับต้องขอบคุณพี่เฉินที่ชี้แนะเมื่อปีนั้น หากไม่มีเจ้านำทาง พวกเรามีหรือจะครองมรรควิถีเช่นวันนี้ในแหล่งสถานศุภโชค”

“ไม่ผิด มรรคแห่งการรับเอาและละทิ้ง มีได้ย่อมมีเสีย พวกข้าแจ้งมรรคนิรันดร์ ไม่นำเรื่องพวกนี้มาใส่ใจนานแล้ว”

หลงเซี่ยงก็กล่าวเสียงดัง

“คู่ต่อสู้ล้วนใช้ร่างต้นเคลื่อนไหวแล้ว หากพวกเราลังเลอีก สถานการณ์ในวันนี้ต้องสลายไม่ได้แน่”

ซิงเจียกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น

เมื่อมองสีหน้าของอัครบุคคลคนอื่นๆ ทั้งหมดล้วนนิ่งสงบและราบเรียบยิ่งนัก

เฉินหลินคงพลันยิ้มขื่นกล่าว “ช่างเถิดๆ”

“ผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

หลินสวินที่เห็นทุกเหตุการณ์ในสายตามาตลอดอดกล่าวอย่างสงสัยไม่ได้

เฉินหลินคงคิดดูครู่หนึ่งก็บอกเล่าสาเหตุของเรื่อง

เมื่อนานมาแล้วเฉินหลินคงนำทางเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณมาแหล่งสถานศุภโชค เสาะหาสถานที่ฝึกปราณนามว่ายุคมหานรก

แม้ว่าในเวลาต่อมามรรควิถีของเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณจะยกระดับรุดหน้า แต่สิ่งที่ตามมาคือพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นเหมือนผู้ฝึกปราณในโลกยุคสมัยอื่นๆ ไม่อาจออกจากแหล่งสถานศุภโชคได้อีก

จากการคาดเดาของเฉินหลินคง นี่คืออานุภาพที่เกิดจากพลังกฎระเบียบไร้รูปซึ่งผู้ร้ายหลังม่านนั่นวางไว้รอบแหล่งสถานศุภโชค

คิดจะต้านทานพลังนี้มีแค่วิธีเดียว…

แจ้งมรรคนิรันดร์ สลายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!

เฉินหลินคงพูดถึงตรงนี้แล้วกล่าว “ก่อนสลายเคราะห์นี้ร่างต้นไม่อาจเผยตัวเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกกฎระเบียบไร้รูปที่ปกคลุมแหล่งสถานศุภโชคนี้จับกลิ่นอาย”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ภายหน้าต่อให้สลายเคราะห์นี้สำเร็จและคิดจากไป นอกจากว่ามีความสามารถต้านพลังกฎระเบียบไร้รูปของแหล่งสถานศุภโชคได้ มิฉะนั้นก็ไม่อาจจากไปได้อีก”

หลินสวินฟังถึงตรงนี้แล้วเข้าใจในที่สุด เขาอดกล่าวไม่ได้ “หรือพูดได้ว่าภายหน้าถ้าพวกผู้อาวุโสอู๋ยางอยากออกไป ก็เหลือแค่เส้นทางนี้แล้วอย่างนั้นหรือ”

เฉินหลินคงพยักหน้า “ไม่ผิด”

หลินสวินกล่าวละอายใจอย่างอดไม่ได้ “เรื่องเกิดขึ้นเพราะข้า คิดไม่ถึงว่าจะทำลายงานใหญ่ของผู้อาวุโสทุกท่าน ข้า…”

ไม่รอให้พูดจบก็ถูกอู๋ยางตัดบท “ก่อนสลายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ เดิมพวกเราก็ไม่มีความคิดจากไป ยามสลายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจริงๆ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่ สหายน้อยไม่ต้องรู้สึกติดค้างด้วยเรื่องนี้”

ซิงเจียอมยิ้มกล่าว “ไม่ผิด ต่อให้หยั่งรู้พลังของต้นกำเนิดศุภโชคก็ใช่ว่าใครจะสลายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้อย่างแท้จริง พูดถึงหนทางสุดท้ายของการจากไปตอนนี้ เห็นชัดว่ายังเร็วเกินไป”

“เจ้าช่วยพวกเขามามากแล้ว”

เฉินหลินคงกล่าวเสียงแผ่วเบา “หากไม่ใช่ว่าเจ้าหยั่งรู้นัยเร้นลับนภาดาราศุภโชค กลายเป็นเจ้าของเมืองเทพศุภโชคนี้ พวกเขาย่อมไม่มีโอกาสเข้าไปในเมืองเพื่อหยั่งรู้นัยเร้นลับของต้นกำเนิดศุภโชคนั่นแน่”

“เป็นเช่นนั้น”

อัครบุคคลแห่งดินแดนรกร้างโบราณมากมายล้วนยิ้มพลางพยักหน้า

คราวนี้ในใจหลินสวินจึงดีขึ้นไม่น้อย กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดวางใจ ภายหน้าผู้น้อยต้องมาแหล่งสถานศุภโชคนี้อีกแน่ เพื่อช่วยผู้อาวุโสทุกท่านออกไปจากที่นี่!”

น้ำเสียงเด็ดขาด

“ภายหน้าเจ้าต้องกลับมาแน่ เจ้าเป็นถึงเจ้าแห่งเมืองเทพศุภโชค ภายหน้าเกรงว่ายอดสมบัติลายธารนี้คงถูกเจ้านำไปด้วย”

เฉินหลินคงมองหลินสวิน แววตามีนัยลึกล้ำ

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

“ในเมื่อสถานการณ์คับขันถูกทำลายแล้ว เวลาไม่คอยท่า ข้าคนแซ่เฉินจะส่งสหายน้อยหลินสวินจากไปก่อน”

สายตาเฉินหลินคงมองไปทางพวกอู๋ยาง

“พี่เฉินจะกลับมาหรือไม่”

หลงเซี่ยงถาม

“แน่นอน อย่างน้อยก็ต้องร่วมดื่มสุรากับทุกท่านอีกครั้งจึงจะดี”

เฉินหลินคงยิ้มขึ้นมา

หลังจากนั้นเขาพาหลินสวินหันหลังจากไป

“ทุกท่าน พวกเราก็มุ่งหน้าไปเมืองเทพศุภโชคเถอะ”

อู๋ยางมองส่งเงาร่างของพวกเขาหายไปในฟ้าดารากว้างใหญ่แล้วเอ่ยเสียงเบา

“สหายน้อย ต้องรักษากระบี่ศุภโชคให้ดี กระบี่นี้เคลื่อนย้ายมายังแหล่งสถานศุภโชคนี้จากสถานที่ใดก็ตามของโลกภายนอกได้ เรียกว่าเป็นสมบัติหายากชิ้นหนึ่ง ครั้งหน้ายามเจ้ามา บางทียังต้องใช้กระบี่นี้อีก”

ระหว่างทางเฉินหลินคงเอ่ยกำชับ

หลินสวินพยักหน้า ถามข้อสงสัยอย่างหนึ่งในใจออกมา “เหตุใดหลังจากผู้อาวุโสใช้ร่างต้นแล้ว กลับจำต้องออกไปจากแหล่งสถานศุภโชคนี้เล่า”

เฉินหลินคงกล่าว “แม้ว่าพลังของผู้ร้ายหลังม่านนั่นจะฆ่าข้าไม่ตาย แต่อยากขังข้าไว้ในแหล่งสถานศุภโชคกลับไม่ใช่เรื่องยาก เวลานี้หากข้าไม่จากไป ภายหน้าคิดออกไปก็ไม่ง่ายแล้ว”

“ส่วนพวกอู๋ยางยังไม่เคยสลายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอย่างแท้จริง มิฉะนั้นก็จากไปตอนนี้ได้…”

“เฮ้อ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เพราะพลังของผู้ร้ายหลังม่านนั่นแข็งแกร่งเกินไป”

น้ำเสียงเฉินหลินคงเจือแววจนปัญญาเสี้ยวหนึ่ง

“เช่นนั้นหลังจากผู้อาวุโสออกจากแหล่งสถานศุภโชคแล้ว คิดไปที่ไหนหรือ”

หลินสวินถาม

“แหล่งสถานอัศจรรย์”

เฉินหลินคงกล่าว “แม้ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน แต่กลับมีเบาะแสบางส่วน ขอแค่สืบข่าวอย่างรอบคอบน่าจะหาพบแน่”

เฉินหลินคงพูดถึงตรงนี้แล้วเอ่ย “จริงสิ ผู้ทิ้งเบาะแสพวกนี้ไว้คือจักจั่นทอง คนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องลึกล้ำกับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้า หากข้าคาดเดาไม่ผิด มีโอกาสสูงว่าจักจั่นทองจะไปแหล่งสถานอัศจรรย์เช่นกัน”

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโส จากมุมมองของท่าน หากเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของข้าไม่ได้ประสบเคราะห์ เขาจะมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์นี้หรือไม่”

เฉินหลินคงส่ายหัว “บอกไม่ได้ ศัตรูของอาจารย์เจ้าอยู่ในน่านฟ้าที่เก้า ภายหน้าไม่ว่าเขาปรากฏตัวที่ไหนล้วนไม่แปลกประหลาด กลับเป็นเจ้า ครั้งนี้หลังจากกลับไปโลกยอดนิรันดร์ เจ้าต้องรีบฝึกปราณ หากข้าเดาไม่ผิด พิบัติยุคสมัยผันเปลี่ยนมีโอกาสสูงว่าจะมาเยือนในพันปีนี้”

ในใจหลินสวินสะท้านไหวรุนแรง พิบัติยุคสมัยผันเปลี่ยน!

นี่ไม่ใช่หมายความว่าอีกพันปี ยุควิญญาณยุทธ์ตอนนี้จะดับสิ้นหรอกหรือ

หลินสวินตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“แน่นอนว่าตัวแปรครั้งนี้ไม่ธรรมดา หากพิบัติเคราะห์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงก็ย่อมแตกต่างจากอดีตแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า”

เฉินหลินคงกำชับอย่างจริงจัง

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพยักหน้า

พันปี

เพียงพอให้เขาไปไขว่คว้ามรรควิถีระดับนิรันดร์แล้ว…

“สหายน้อย ข้าจะส่งเจ้าถึงตรงนี้”

สุดท้ายเฉินหลินคงยืนอยู่กลางฟ้าดารากว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เขาสะบัดแขนเสื้อ ประตูที่เหมือนน้ำวนบานหนึ่งปรากฏออกมาเงียบๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโส”

หลินสวินประสานมือ

“รีบไปเถอะ อุโมงค์มิติที่มุ่งหน้าสู่โลกยอดนิรันดร์นี้อยู่ได้ไม่นานนัก”

เฉินหลินคงอมยิ้มกล่าว

หลินสวินพยักหน้าแล้วก้าวเข้าไป เงาร่างหายไปในอุโมงค์มิติชั่วพริบตา

เฉินหลินคงยืนมือไพล่หลัง ดูภูมิฐานราวกับเซียน มาดสง่างามโดดเด่น

ผ่านไปหนึ่งเดือน

โลกยอดนิรันดร์ น่านฟ้าที่หก

ทะเลประหัตมาร

เงาร่างของหลินสวินทะยานอยู่ในนั้น

หลายปีก่อนตอนเขายังมีมรรควิถีแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ก็เคยมุ่งหน้ามาทะเลประหัตมารเพื่อเสาะหาร่องรอยของท่านลู่

ตอนนั้นก็เป็นทะเลประหัตมารที่ทำให้หลินสวินได้รับกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุน ได้รับภูเขาเทพสนามแม่เหล็กที่สมบูรณ์ลูกหนึ่ง ได้เจอผู้อาวุโสโม่หลันซานของยอดเขาที่เก้าแห่งลัทธิแรกกำเนิดกับพวกเย่ฉุนจวิน

แน่นอนว่าเจอท่านลู่ด้วย

ตอนนี้เขามีมรรควิถีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นสัมบูรณ์แล้ว สามารถทะลวงขั้นดับเทพได้ตลอดเวลา กลับมาทะเลประหัตมารอีกครั้ง สภาวะจิตย่อมต่างออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ที่นี่ยังคงอลหม่านและปั่นป่วนเหมือนอดีต ทุกหนแห่งล้วนมีการเข่นฆ่าและนองเลือดเกิดขึ้น

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเหมือนผู้ผ่านทางคนหนึ่ง ชำเลืองตาปราดเดียวแล้วจากไปทันที

ใช้เวลาหนึ่งวัน หลินสวินมองเห็นเกาะกาฬทักษิณแต่ไกล

ตอนนั้นก็เป็นเกาะนี้ที่ทำให้หลินสวินเจอท่านลู่

จากการคาดเดาของหลินสวิน หลังจากตระกูลลั่วย้ายถิ่นฐานจากเขาเทพหลังมังกรมาทั้งตระกูล เป็นไปได้สูงว่าจะเก็บตัวอยู่ที่นี่

ด้วยเหตุนี้เมื่อเขากลับมาจากแหล่งสถานศุภโชคครั้งนี้จึงไม่กลับไปลัทธิแรกกำเนิดทันที หากแต่คิดไปหาตระกูลลั่วเพื่อให้บิดามารดาพำนัก

“หืม?”

ยังไม่เหยียบเกาะกาฬทักษิณ จิตรับรู้ของหลินสวินก็สังเกตเห็นความผิดปกติ

บนเกาะกาฬทักษิณนั้นถึงกับมีกลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งมากมาย เห็นชัดว่ามีเพียงผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพที่ครอบครองได้!

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อยก่อนมุ่งตรงไป

“หยุด!”

ยังไม่ถึงบนเกาะชายชุดเทาพาดกระบี่คนหนึ่งก็พุ่งมาขวางหน้าหลินสวิน “เจ้าเป็นใคร มาที่นี่ทำไม”

แววตาเขาดุจอสนี สองมือไพล่หลัง กลิ่นอายทั้งตัวแข็งแกร่งหาใดเปรียบ มีอานุภาพบดบังฟ้าคลุมตะวัน แค่มองก็รู้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ก้าวสู่ขั้นดับเทพมาหลายปี

“มาหาคน”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ

“มาหาใคร”

ใบหน้าชายชุดเทาพาดกระบี่ไร้ความรู้สึก แข็งกร้าวถึงขีดสุด ข่มขู่บีบบังคับยิ่ง

หลินสวินกล่าว “พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม”

“ข้ากำลังถามเจ้า!”

ประกายวับวาววาบผ่านนัยน์ตาของชายชุดเทาพาดกระบี่ น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ

“ขั้นดับเทพก็กล้าหยิ่งผยองเช่นนี้หรือ”

หลินสวินยิ้มขึ้นมา

“เจ้าพูดไม่ผิด หยิ่งผยองเช่นนี้แหละ!”

ไอสังหารในดวงตาของชายชุดเทาพาดกระบี่สาดประกายทันใด ยกกระบี่ขึ้นแล้วฟันลงมา

ตูม!

ปราณกระบี่กรีดแหวกห้วงอากาศ กฎเกณฑ์อมตะชวนประหวั่นพลุ่งพล่าน คลั่งระห่ำอหังการ

เงาร่างหลินสวินหายไปกลางอากาศ

จากนั้นกำปั้นหนึ่งกระแทกใส่กระบี่ที่ฟันมานี้เต็มแรง ทั้งสองปะทะกัน ไอคลื่นน่ากลัวแผ่กระจาย

เงาร่างชายชุดเทาโซเซ หน้าพลันเปลี่ยนสี

ยังไม่รอให้เขายืนมั่นหลินสวินก็ยื่นมือมาคว้าแล้ว แหวกผ่านอากาศโดยตรง ทลายการต้านทานของชายชุดเทา ใช้พลังที่ไม่อาจทัดเทียมบีบคอชายชุดเทาไว้

การโจมตีเดียว!

ข้ามหนึ่งขึ้นใหญ่ จับเป็นขั้นดับเทพ!

เหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า

หากถูกทุกคนทั้งบนล่างในลัทธิแรกกำเนิดเห็นเกรงว่าคงไม่กล้าจินตนาการโดยสิ้นเชิง หลินสวินที่เพิ่งจากไปหกปีกว่า พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว

“ความหยิ่งผยองฆ่าคนตายได้ บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ

ตอนนี้สีหน้าชายชุดเทาที่ถูกเขาบีบคอเต็มไปด้วยความตระหนกและยากจะเชื่อ ผ่าสมองออกมาก็นึกไม่ออก ว่าทำไมถึงถูกขั้นอายุขัยเทียมฟ้าคนหนึ่งจับเป็นในการโจมตีเดียว

“ข้าเหวินเทียนหยวน ผู้อาวุโสตระกูลเหวินแห่งน่านฟ้าที่หก…”

หลินสวินฟังถึงตรงนี้แล้วนึกถึงความทรงจำในอดีตขึ้นมา

น่านฟ้าที่หก!

ที่นี่มีเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่น้อย ปีนั้นล้วนมองเขาหลินสวินเป็นศัตรูที่ต้องสังหาร!

เช่นตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลเฮ่อ ตระกูลหง ตระกูลจู้เป็นต้น

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

หลินสวินเอ่ยถามอีกครั้ง

“มาหาร่องรอยของตระกูลลั่วตามคำสั่ง”

เหวินเทียนหยวนดูตรงไปตรงมานัก

คำตอบนี้ทำให้หลินสวินใจหล่นวูบ กล่าวว่า “มาตามคำสั่งใคร”

“คำสั่งของสี่ตระกูลตงหวงแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด”

เหวินเทียนหยวนพูดถึงตรงนี้แล้วเหมือนเจอที่พึ่ง จ้องมองหลินสวินอย่างเยียบเย็น “สหายยุทธ์ หากไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ข้าขอเตือนเจ้าว่ารีบปล่อยข้าไป มิฉะนั้นเกรงว่าภัยร้ายคงมาเยือน!”

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท