Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2827 หลินสวินกลับมาแล้ว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2827 หลินสวินกลับมาแล้ว

ตอนที่ 2827 หลินสวินกลับมาแล้ว

ได้ยินคำขู่เช่นนี้ ในใจหลินสวินไม่มีคลื่นลมแม้แต่น้อย ถึงขั้นอยากหัวเราะอยู่บ้าง

สี่ตระกูลตงหวง?

สี่ขุมอำนาจที่เป็นสุนัขให้ตระกูลตงหวงเท่านั้น ตอนอยู่ลัทธิแรกกำเนิดเขาไม่กลัวแม้แต่เหล่าเหล่ายักษ์ใหญ่น่านฟ้าที่แปด ไหนเลยจะนำสี่ตระกูลตงหวงมาใส่ใจ

เสียงเคลื่อนแหวกอากาศระลอกหนึ่งดังมาแต่ไกล…

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“แย่แล้ว เหวินเทียนหยวนถูกจับตัว!”

“คนผู้นั้นเป็นใคร”

ที่มาพร้อมกับเสียงคือเงาร่างห้าสายที่ตะบึงมา มีทั้งชายและหญิง บนตัวล้วนมีกลิ่นอายขั้นดับเทพ

เมื่อเห็นเหวินเทียนหยวนถูกหลินสวินจับตัว สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ล้วนเผยสีหน้าตื่นตระหนก

ในน่านฟ้าที่หกใครกล้าทำร้ายผู้ก้าวสู่มรรคาอมตะอย่างพวกเขาบ้าง

“เป็นเขา หลินสวิน!”

ชายชราคนหนึ่งจ้องมองหลินสวินสักพัก คล้ายนึกอะไรออก หน้าพลันเปลี่ยนสี

หลินสวิน!

เพียงชั่วขณะคนอื่นในที่นั้นล้วนไม่อาจนิ่งสงบแล้ว

หลายปีนี้ทั่วโลกยอดนิรันดร์ หลินสวินคือบุคคลแห่งยุคที่ถูกจับตามองมากที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

วีรกรรมตำนานของเขามากเกินไป ถ้าสุ่มเลือกออกมาทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนใต้หล้า นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าทั่วหล้ามากมายต่างรู้สึกต่ำต้อย

สำหรับเผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หก หลินสวินเป็นชื่อที่ใครต่างไม่อาจลืมเช่นกัน

ด้วยพวกเขามองหลินสวินเป็นหนามยอกอกมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่แดนใหญ่พันศึกก็ผูกปมบัญชีเลือดที่ไม่อาจสะสางกับหลินสวินแล้ว!

ดังนั้นตอนนี้เมื่อรู้ฐานะของหลินสวิน ใครเล่าจะไม่ตกใจ

แค่ตำแหน่งผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดก็สามารถทำให้พวกเขาหวาดกลัวไม่หยุดแล้ว!

แต่หวาดกลัวส่วนหวาดกลัว พวกเขารู้ดีว่าหลินสวินเป็นศัตรูกับพวกเขาแน่ ไม่อาจคลี่คลายได้แต่แรก

ถึงขั้นว่าเมื่อรู้ฐานะหลินสวินแล้ว ในใจพวกเขายังมีไอสังหารพลุ่งพล่านที่ควบคุมไม่อยู่ด้วย

“หลินสวิน ที่นี่คือน่านฟ้าที่หก ไม่ใช่ลัทธิแรกกำเนิด ขอเตือนเจ้าว่าปล่อยเหวินเทียนหยวนแล้วรีบจากไป มิฉะนั้นวันนี้เกรงว่าคงไปไหนไม่รอดแล้ว”

ชายชราชุดดำคนหนึ่งกล่าวเย็นชา เขากับคนอื่นสบตากันวูบหนึ่ง ด้วยพลังของขั้นดับเทพอย่างพวกเขา ย่อมมั่นใจมากว่าสามารถรั้งตัวหลินสวินไว้ที่นี่ได้

ปัง!

เสียงระเบิดหนึ่งดังก้อง เลือดสดสาดกระเซ็น

เหวินเทียนหยวนที่ถูกหลินสวินคว้าคอไว้ถูกบีบคอจนละเอียดทั้งอย่างนั้น ร่างระเบิดตามไปด้วย เลือดสาดกระเซ็นออกมา

พวกชายชราชุดดำถูกภาพนองเลือดนี้ทำให้ตกใจทันที แต่ละคนสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมา

“ในเมื่อข้ามาแล้ว ทำไมต้องจากไป”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ “คิดดูแล้วพวกเจ้าคงรับคำสั่งของสี่ตระกูลตงหวงมา กำลังเสาะหาร่องรอยของตระกูลลั่วกระมัง”

“รู้แล้วยังมาถาม!”

เมื่อพูดถึงสี่ตระกูลตงหวง ขั้นดับเทพห้าคนในที่นั้นล้วนเยือกเย็นลงไม่น้อย

นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกขบขัน แค่เผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลแห่งน่านฟ้าที่เจ็ดเท่านั้น บางทีอาจคุกคามผู้ฝึกปราณมากมายในน่านฟ้านี้ได้ แต่มีหรือจะคุกคามตนได้

ไม่ต้องสงสัยว่าสำหรับคนของน่านฟ้าที่หกพวกนี้ สี่ตระกูลตงหวงเป็นขุมอำนาจที่ทำให้พวกเขาได้แต่แหงนมองแล้ว

นี่ก็คือปัญหาของความเข้าใจ

หลินสวินไม่มีอารมณ์มาอธิบายกับอีกฝ่าย ทั้งคร้านจะพูดมากความอีก ลงมืออย่างตรงไปตรงมา

ฟุ่บ!

เงาร่างเขาพุ่งวาบ กายมรรคทั้งห้าปรากฏตัวพร้อมกัน พุ่งโจมตีออกไปพร้อมร่างต้น

การต่อสู้ปะทุขึ้น

ก่อนหน้านี้ขั้นดับเทพห้าคนยังมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าระดับขั้นเหนือกว่าหลินสวิน ทั้งอาศัยพวกมากรุมหนึ่ง จึงมั่นใจว่าจะรั้งหลินสวินไว้ได้

แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มต้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป จิตต่อสู้สั่นคลอน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

ปึงๆๆ!

เสียงทึบหนักดังขึ้น สัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นดับเทพห้าคนทยอยถูกกำราบ บาดเจ็บหนักเจียนตาย!

หลินสวินเก็บกายมรรคทั้งห้า ก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบผ่อนคลาย เริ่มสืบค้นจิตวิญญาณ

ไม่นานเขาก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุ

ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อน เผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หกมากมายรับคำสั่งจากสี่ตระกูลตงหวง ให้พวกเขาค้นหาเบาะแสของตระกูลลั่วในน่านฟ้าที่หก

หลายปีนี้ขุมอำนาจใหญ่แห่งน่านฟ้าที่หกพวกนี้ส่งกำลังพลมาค้นหาทั่วหล้า จนช่วงนี้เพิ่งสืบพบเบาะแสร่องรอยบางอย่างได้ และคาดเดาว่าตระกูลลั่วมีโอกาสสูงว่าซ่อนตัวอยู่ในทะเลประหัตมารนี้

ดังนั้นพวกเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าจึงออกโรง มาที่นี่เพื่อเสาะหา

ใครจะคิดว่าไม่รอให้พวกเขาพบเบาะแสของตระกูลลั่วก็มาเจอหลินสวินแล้ว

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ นัยน์ตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมา

เขากล้ายืนยันว่าแม้คำสั่งค้นหาตระกูลลั่วมาจากสี่ตระกูลตงหวง แต่สี่ตระกูลตงหวงต้องทำตามคำสั่งอีกทอดแน่!

ตัวการเบื้องหลังที่แท้จริง มีโอกาสสูงว่าจะเป็นตระกูลตงหวง!

เป้าหมายที่พวกเขาทำเช่นนี้ ก็แค่อยากนำชีวิตของตระกูลลั่วมาข่มขู่เขาหลินสวินเท่านั้น!

“คราวหน้าค่อยมาคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งหมด!”

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพห้าคนที่ถูกกำราบสลายกลายเป็นธุลีทันที หายไปโดยไร้ร่องรอย

ขั้นดับเทพแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลายสามขั้นย่อย

ขั้นดับเทพที่หลินสวินเจอครั้งนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดมีปราณแค่ขั้นดับเทพขั้นกลางเท่านั้น

ทั้งอานุภาพกฎเกณฑ์อมตะที่พวกเขาครอบครอง ส่วนใหญ่อยู่แค่ในขอบเขตของระดับปฐพีขั้นเก้า กระทั่งพลังต่อสู้ที่พวกเขามี เทียบกับขั้นดับเทพที่ครองกฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์ขั้นเก้าพวกนั้นแล้วก็ต่างกันราวชั้นเมฆกับโคลนตม

กล่าวสรุปโดยง่าย

ในมรรคาอมตะ พลังที่ส่งผลต่อพลังต่อสู้มีแค่สองอย่าง

หนึ่งคือความสูงต่ำของพลังปราณ

อีกหนึ่งคือความสูงต่ำของระดับกฎเกณฑ์อมตะที่ครอบครอง

ขั้นดับเทพที่ครอบครองกฎเกณฑ์อมตะระดับปฐพี ถูกลิขิตให้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันที่ครองกฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์

แต่หลินสวินต่างไปโดยสิ้นเชิง มรรควิถีของเขาอยู่แค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ แต่กลับมีพลังยอดอมตะที่เรียกได้ว่าพลิกฟ้า

ส่วนกฎเกณฑ์อมตะที่เขาครอบครองก็เคี่ยวกรำออกมาจากระเบียบนิพพานที่ถึงขั้นเหนือกว่าระดับสวรรค์ขั้นเก้า

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การข้ามขั้นและกำราบขั้นดับเทพที่ครองระเบียบระดับปฐพีก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

หลังเก็บกวาดทรัพย์หลังศึกเสร็จ หลินสวินมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเกาะกาฬทักษิณ

เมื่อหลินสวินมาถึงทางเข้า ‘ถ้ำสวรรค์ปรกอุดม’ อย่างคุ้นเคยก็อดใจสะท้านไม่ได้

ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมคือขุมอำนาจหนึ่งที่ท่านลู่สร้างไว้ยามจำศีลอยู่ในทะเลประหัตมารก่อนหน้านี้ ทางเข้าของมันอยู่หน้าร้านศาสตราวุธแห่งหนึ่ง

ปีนั้นยามหลินสวินเจอที่นี่ก็ใช้เวลาอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้ในสายตาของหลินสวิน ทางเข้าของถ้ำสวรรค์ปรกอุดมนี้ถูกพลังผนึกไร้รูปปกคลุม มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไป ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่บนมรรคาอมตะมาเองก็ยากจะสังเกตเห็น

ไม่จำเป็นต้องสงสัย กระบวนผนึกนี้เป็นฝีมือของท่านลู่แน่!

กระบวนผนึกยังอยู่ ก็หมายความว่าตระกูลลั่วมีโอกาสสูงว่าจะซ่อนอยู่ในนี้โดยไม่ต้องสงสัย!

หลินสวินคิดดูครู่หนึ่งแล้วเดินตรงไปข้างหน้า เงาร่างพลันหายลับไปทันที

ในโลกลึกลับที่ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมตั้งอยู่ยังคงเงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้ ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ภูผาธาราดุจภาพวาด

“ใคร!?”

พริบตาแรกที่เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวก็มีเสียงตวาดราวอสนีบาตดังขึ้น

จากนั้นเงาร่างของลู่ป๋อหยาพุ่งวาบมากลางอากาศ

เมื่อเห็นผู้มาเยือนเขาอดเบิกตากว้างไม่ได้ กล่าวอย่างยินดี “ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนูอย่างเจ้า!”

“ท่านลู่ ไม่เจอกันหลายปี ท่านยิ่งสง่างามกว่าแต่ก่อนแล้ว”

หลินสวินยิ้มพลางประสานมือ ในใจเขาก็ตื่นเต้นไม่หยุด

“ท่านลู่ ศัตรูบุกมาถึงหน้าประตูแล้วหรือ”

“เหล่าชายชาตรีตระกูลลั่ว เร็วเข้า ตามข้ามา!”

เสียงตะโกนระลอกหนึ่งดังก้องแต่ไกล พลันเห็นแสงเคลื่อนไหวเจิดจ้ามากมายทะยานมาทางนี้ ล้วนไอสังหารแผ่ซ่าน คิดว่ามีศัตรูภายนอกมารุกราน

แต่เมื่อเห็นผู้มาเยือน แต่ละคนล้วนอึ้งงัน

“ผู้นำตระกูล เป็นคุณชายหลิน!”

ข้ารับใช้คนหนึ่งตื่นเต้นจนตบเข่าร้องขึ้นมา

“พูดมาก ข้ารู้อยู่แล้ว”

ตอนนี้ผู้นำตระกูลลั่วเซียวหรือก็คือตาของหลินสวินหัวเราะร่ากล่าว เสียงสะท้อนชั้นเมฆ

ข้างกายเขายังมีลั่วชิงเหิงและคนคุ้นตาหลายคน ตอนนี้ต่างดีใจจนหน้าชื่นตาบาน

หลินสวินรู้สึกอบอุ่นในใจ ทุกคนยังอยู่ ปลอดภัยไร้พิบัติ ทำให้เขาโล่งอกอย่างที่สุด

คืนวันนั้นในถ้ำสวรรค์ปรกอุดมคึกคักผิดปกติ จัดงานเลี้ยงใหญ่โต

เมื่อเจอลั่วชิงสวินกับหลินเหวินจิ้ง ลั่วเซียวน้ำตานองหน้า ไม่อาจควบคุมได้ เสียอาการต่อเนื่อง ผ่านมาหลายปี เมื่อเจอบุตรสาวที่เขาทะนุถนอมอีกครั้งก็ตื่นเต้นเกินไปจริงๆ

ลู่ป๋อหยาและลั่วชิงเหิงก็คลื่นอารมณ์ถาโถม แต่ละคนไม่วายทอดถอนใจ

หลินสวินยิ้มพลางมองภาพต่างๆ ในใจรู้สึกยินดีและชื่นมื่นไม่หยุด

ทำให้ท่านแม่ได้เจอครอบครัวอีก นี่ก็สะสางปมในใจเขาอย่างหนึ่งแล้ว

หลินสวินหยุดพักที่ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมสองวันก่อนเดินทางจากไป

เขารู้ว่าท่านลู่เตรียมการไว้พร้อมแล้ว หลายปีนี้วางกระบวนผนึกมาตลอด จัดเตรียมทางหนีไว้

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกศัตรูมาเยือนถึงหน้าประตู ทั้งภายในและภายนอกถ้ำสวรรค์ปรกอุดมนี้ถูกท่านลู่วางตาข่ายดักแน่นหนาแล้ว ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพมาก็ไม่อาจค้นพบ

ซ้ำท่านลู่ยังบอกหลินสวินว่าหากมีอันตรายเกิดขึ้นจริง ตระกูลลั่วทั้งบนล่างสามารถอาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณถอยหนีได้ เพียงพริบตาก็ไปถึง ‘ถ้ำเทพแสงเหนือ’ หนึ่งในสามเขตผนึกใหญ่ของทะเลประหัตมารได้

ลู่ป๋อหยาสืบข่าวมาก่อนแล้ว ในถ้ำเทพแสงเหนือมีพื้นที่ผนึกแห่งหนึ่ง ขอเพียงหลบเข้าไปในนั้น ต่อให้เป็นขั้นหลุดพ้นก็ยากจะบุกเข้าไป

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ ยามหลินสวินจากมาก็สบายใจยิ่งกว่าเดิมแล้ว

ทว่าเขายังทิ้งสมบัติบางส่วนไว้ เช่นป้ายคำสั่งที่หัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้มอบให้ ภายในมีรูปจำลองเจตจำนงของเหยียนจี้ สามารถใช้ได้สามครั้ง ทุกเดือนจะใช้ได้หนึ่งครั้ง

ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยใช้ไปหนึ่งครั้ง หรือกล่าวได้ว่าป้ายคำสั่งนี้ยังใช้ได้อีกสองครั้ง

นอกจากนี้หลินสวินยังทิ้งศาสตรามรรค เจตวัตถุ พลังระเบียบบางส่วนที่รวบรวมได้ในช่วงหลายปีมานี้ไว้ทั้งหมด

เขาทำเช่นนี้ด้วยหวังเพียงว่าพ่อแม่ ลู่ป๋อหยา ท่านลุง ท่านตาจะมีวิธีป้องกันตนเองเพิ่มขึ้นมาบ้าง

การจากลาล้วนเศร้าอาดูร

คำเตือนเปี่ยมความเอาใจใส่ของบิดามารดา ความห่วงใยอย่างไม่ขาดตกบกพร่องของผู้อาวุโส ล้วนทำให้หลินสวินประทับใจไม่หยุด

แต่สุดท้ายเขาก็ต้องจากไป

บนมหามรรค เขายังมีเรื่องมากมายต้องทำ

แต่หลินสวินไม่ได้ไปแก้แค้นเผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หกทันที

ใช่ว่าไม่อยาก แต่ไม่อาจเผยฐานะ มิฉะนั้นขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดต้องออกเคลื่อนพลชวนประหวั่น มาโจมตีเขาจนถึงชีวิตทันทีแน่

เหมือนตอนนั้นที่แค่มุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชค แม้แต่เสวียนเฟยหลิงยังวางใจไม่ลง คอยคุ้มกันและส่งเขาเดินทางด้วยตัวเอง

แค่คิดก็รู้แล้วว่าหากรู้เรื่องที่เขาหลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก ย่อมดึงดูดเคราะห์สังหารร้ายกาจระดับใดมา

แต่การไม่แก้แค้นตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าลืมเรื่องนี้

ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วหลินสวินจะสะสางบัญชีความแค้นในอดีตให้สิ้นซาก!

ผ่านไปครึ่งเดือน

แดนแรกเริ่ม

ในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเกิดคลื่นละอองแสง เงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งก้าวออกมา

ผู้สืบทอดที่เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเงยหน้าขึ้นมองแล้วกล่าวตื่นเต้นทันที “เป็นรองผู้ดูแลหลิน! รองผู้ดูแลหลินกลับมาแล้ว!”

หลินสวินเงยหน้ามอง เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้สืบทอดของขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นก็อมยิ้มพยักหน้าแล้วถึงได้จากไป

จากไปหกปีกว่า ตอนนี้กลับมาอีกครั้ง ทำให้หลินสวินรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งอย่างอดไม่ได้

วันนี้สามหอเก้ายอดเขาแห่งลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างล้วนถูกทำให้ตกใจ

เพียงเพราะหลินสวินกลับมาแล้ว!

……………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท