Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2834 ลงโทษ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2834 ลงโทษ

ตอนที่ 2834 ลงโทษ

ขั้นดับเทพสัมบูรณ์คนหนึ่ง กลับถูกทำลายมรรควิถีทั้งร่าง

แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นจงหลีเจ๋อไม่ใช่คนทั่วไป เขาเป็นอันดับหนึ่งในสิบสองผู้ดูแลหอแรกนภา ตำแหน่งถึงขั้นเหนือกว่าผู้นำเก้ายอดเขา

เรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่มีความสำคัญของลัทธิแรกกำเนิด

อีกทั้งเขายังแซ่จงหลี เบื้องหลังมีตระกูลจงหลียักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดหนุนหลังอยู่

คนใหญ่คนโตที่มีพร้อมทั้งด้านฐานะ มรรควิถี และอำนาจเบื้องหลังคนหนึ่ง กลับถูกทำลายมรรควิถีในวันนี้

นี่โหดร้ายยิ่งกว่าฆ่าเขา!

ดังนั้นคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวจึงเดือดดาลเช่นนี้

“ถกมรรคประลองฝีมือ จะไม่เกิดการบาดเจ็บได้อย่างไร”

ในบรรยากาศที่ตึงเครียดกดดัน ตู๋กูยงพูดอย่างนิ่งสงบ “สำหรับการทดสอบครั้งนี้ ภายใต้สายตาของทุกคนที่นี่ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้มีท่าทีจะฆ่าคน และตามกฎของสำนัก ขอเพียงแค่ไม่อันตรายถึงชีวิตก็ไม่นับว่าผิดกฎ”

“น่าขัน!”

ฝูเหวินหลีพูดอย่างเดือดดาล “มรรควิถีถูกตัดทำลาย นี่ต่างอะไรกับการฆ่าคน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดแต่จะปกป้องหลินสวิน แต่เรื่องวันนี้หากไม่ลงโทษเขา ข้าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่!”

“ไม่ผิด เรื่องนี้รุนแรงเกินไป หากต่อไปทุกคนล้วนเอาหลินสวินเป็นเยี่ยงอย่าง ทำลายพลังปราณของคู่ต่อสู้ในการถกมรรคประลองฝีมือ นี่จะไม่เกิดความวุ่นวายหรือ”

ฉีเซียวอวิ๋นพูดอย่างเย็นเยียบ

“ใช่ จะต้องลงโทษเจ้าหมอนี่!”

คนใหญ่คนโตอย่างพวกชือเวิน ทังชิวที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ตอนนี้ล้วนส่งเสียง จะลงโทษหลินสวิน ไม่เช่นนั้นจะไม่หยุดง่ายๆ

นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างหวาดหวั่น

สถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนโดยสมบูรณ์ แม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะลงมือรุนแรงเช่นนี้

หลินสวินที่กลายเป็นเป้าหมายวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนสีหน้ากลับยังคงนิ่งสงบ พูดเรียบๆ ว่า “ขอถามรองหัวหน้าหอ อิงตามกฎของสำนัก ข้าทำผิดหรือไม่”

“ไม่”

เสวียนเฟยหลิงพูดเรียบๆ “หากเจ้าฝ่าฝืนกฎ ไม่ต้องรอคนอื่นๆ กล่าวโทษข้าก็จะจัดการเจ้าในทันที ทุกคนในนี้ก็ล้วนรู้กฎของสำนักเป็นอย่างดี ย่อมรู้ว่าในการทดสอบเช่นนี้ ขอเพียงแค่ไม่มีคนตายก็ไม่ถึงกับเป็นความผิด”

เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา แทบทุกคนในที่นั้นต่างพยักหน้าไม่หยุด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในการทดสอบเลื่อนตำแหน่งมักเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างที่สุด ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กัน ไม่ว่าใครต่างไม่ยินยอมให้ตำแหน่งของตนถูกคนอื่นแทนที่ ทำให้ตอนที่ตัดสินแพ้ชนะมักจะปรากฏสถานการณ์ที่บาดเจ็บหนักเจียดตายอยู่บ่อยๆ

ตัวอย่างที่ถูกทำลายกายมรรคและพลังจิตบาดเจ็บเสียหายก็ไม่น้อย

ที่รุนแรงกว่าคือ ยังมีเรื่องที่ถูกโจมตีจนเหลือเพียงแค่เลือดต้นกำเนิดหนึ่งหยดเกิดขึ้น

“บาดเจ็บกับสูญเสียมรรควิถีเหมือนกันหรือ!”

ฝูเหวินหลีหน้าอึมครึมเย็นเยียบ “ข้าเคยพูดไปแล้ว วันนี้ไม่ลงโทษเจ้าหมอนี่ข้าไม่หยุดแน่!”

พวกฉีเซียวอวิ๋น ชือเวินต่างแสดงจุดยืนของตนเอง สนับสนุนการกระทำของฝูเหวินหลี

บรรยากาศในที่นั้นยิ่งกดดัน อึดอัดจนหายใจไม่ออก

ความกดดันและตึงเครียดนั่นทำให้คนอดหวั่นใจไม่ได้ กังวลว่าเพราะเรื่องนี้จะทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นแตกหักกันอย่างสิ้นเชิง

หากเป็นเช่นนี้ทั้งลัทธิแรกกำเนิดไม่สงบแน่!

‘ท่านอาซีหลิว ท่านว่าการกระทำของหลินสวินในวันนี้เกินไปและน่าเสียดายหรือไม่’

หยวนฉางเทียนถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง สื่อจิตถาม

‘นายน้อย ข้าน้อยรู้เพียงว่าพวกฝูเหวินหลีทำเช่นนี้ ก็เป็นการช่วยนายน้อยกำจัดคู่ต่อสู้ที่มีภัยคุกคามแฝงคนหนึ่ง’

หยวนซีหลิวที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเรียบเฉย สื่อจิตตอบ

‘กำจัดหรือ เป็นไปไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่โดนทำโทษนิดหน่อย ไม่เห็นหรือ ลัทธิแรกกำเนิดนี่มีคนสนับสนุนและปกป้องหลินสวินไม่น้อย หากกลายเป็นเรื่องใหญ่จริงมีแต่จะยิ่งทำให้ในลัทธิแรกกำเนิดเกิดการแบ่งแยก จะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน ขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง’

หยวนฉางเทียนพูดอย่างสบายๆ ‘ดังนั้นความเป็นไปได้ที่สุดก็คือ จบเรื่องนี้โดยการให้หลินสวินรับโทษ’

เพิ่งพูดถึงตรงนี้รุ้งเทพสายหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้ากะทันหัน จากนั้นกลายเป็นม้วนกระดาษสีทอง ดึงดูดสายตาทั้งที่นั้นในทันที

“เป็นคำสั่งของใต้เท้าเหยียนจี้!”

ในที่นั้นสั่นไหวระลอกหนึ่ง ตระหนักได้ว่าเรื่องวันนี้ทำให้หัวหน้าหอแรกนภาที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานเคลื่อนไหวแล้ว!

ม้วนกระดาษสีทองกางออกกลางฟ้า จากนั้นเสียงต่ำลึกนิ่งสงบดังมาจากภายใน

“เรื่องในวันนี้ลงโทษกักบริเวณหลินสวินอยู่ในถ้ำสถิตของตนเก้าปี หักเบี้ยประจำเดือนสิบปี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าเป็นใครก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ อีก”

คำพูดแต่ละคำราวกับเสียงฟ้าร้อง ดังก้องกลางฟ้าดิน เผยความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ไร้ใดเปรียบ

ทุกคนต่างตกใจ จากนั้นสีหน้าพลันแปลกพิกลขึ้นมา สำหรับหลินสวิน… การลงโทษเช่นนี้ไม่ถึงกับหนักหนา นับว่าเป็นโทษ ‘สถานเบา’ แล้ว

ครั้นหันมองพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ต่างอดเผยรอยยิ้มไม่ได้ หลินสวินไม่ได้ทำผิดกฎ เพียงแค่ทำลายมรรควิถีของคู่ต่อสู้เท่านั้น ถูกทำโทษแค่นี้ก็พอแล้ว

ส่วนคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน แต่ละคนโกรธจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว รู้สึกย่ำแย่ไปหมด

นี่เรียกว่าลงโทษได้หรือ!?

‘เหอะ ดูท่าหัวหน้าหอเหยียนจี้คนนี้เองก็ปกป้องหลินสวินมาก’

หยวนฉางเทียนยิ้มขึ้นมา

ผลลัพธ์นี้อยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าการลงโทษจะเบาเช่นนี้

‘หากลำเอียงก็จะไม่ได้รับการยอมรับ มีแต่จะทำให้พวกฝูเหวินหลียิ่งเคียดแค้นในใจ เท่าที่ข้าน้อยรู้ ตอนนั้นเพราะเรื่องแจ้งมรรคนิรันดร์ สภาวะจิตของเหยียนจี้เกิดปัญหา ทำให้เหลือเพียงแค่พลังจิตเสี้ยวหนึ่งคงอยู่มาถึงตอนนี้ คนเช่นนี้… ยังจะมีคุณสมบัติเป็นผู้นำหอแรกนภาเสียที่ไหน’

หยวนซีหลิวสื่อจิตอย่างเย็นชา

‘เหลือเพียงแค่พลังจิตเสี้ยวหนึ่งหรือ…’

หยวนฉางเทียนสายตาวาบประกาย ‘หวังว่าจะเป็นเช่นนี้’

‘นี่ไม่ยุติธรรม!’

ชือเวินตะโกนอย่างเดือดดาล

สีหน้าของพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นก็ไม่น่าดูเป็นพิเศษ

ทำลายปราณของคนผู้หนึ่ง กลับโดนลงโทษเบาๆ เช่นนี้ ทำให้พวกเขาโกรธจนอยากก่นด่าแล้ว

“รองหัวหน้าหอชือเวินกำลังสงสัยในการตัดสินใจของหัวหน้าหอแรกนภาของข้าหรือ”

เสวียนเฟยหลิงมองมาอย่างเย็นเยียบ

“ข้า…”

ชือเวินหน้าเปลี่ยนสีไประลอกหนึ่ง “ข้าเพียงแค่คิดว่าการลงโทษเช่นนี้ไม่เพียงพอให้ผู้คนยอมรับ แต่ไม่ได้สงสัยในความน่าเชื่อถือของหัวหน้าหอแรกนภา”

เสวียนเฟยหลิงไม่สนใจเขาอีก แต่สายตามองไปยังคนอื่นๆ ในที่นั้น เอ่ยว่า “ทุกท่าน คิดว่าการลงโทษเช่นนี้สมเหตุสมผลหรือไม่”

“นี่เป็นเรื่องธรรมดา”

“ควรจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ผู้ดูแลหลินไม่ได้ทำผิดกฎ ถูกลงโทษเช่นนี้ก็ทำให้พวกเรารู้สึกไม่เป็นธรรมแทนเขาแล้ว”

“พวกเราสนับสนุนการตัดสินใจของหัวหน้าหอเหยียนจี้!”

คนส่วนใหญ่ในที่นั้นต่างพูดขึ้น เผยท่าทีสนับสนุนการตัดสินใจของเหยียนจี้อย่างชัดเจน

ชือเวินโกรธจนเอาแต่กัดฟัน เพิ่งจะพูดอะไรก็ถูกฝูเหวินหลีขวางเอาไว้

ฝูเหวินหลีใจเย็นลงแล้ว สายตามองหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อหัวหน้าหอตัดสินใจแล้วพวกเราย่อมไม่คัดค้าน หวังเพียงว่าต่อไปผู้ดูแลหลินอย่าทำร้ายคนสำนักเดียวกันด้วยวิธีเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าก็จะลงโทษเขาให้หนัก!”

ว่าแล้วก็หมุนตัวจากไป

หลินสวินยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือพูด “ขอบคุณรองหัวหน้าหอฝูที่สั่งสอน”

ไม่นานพวกฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวก็ทยอยจากไป

“ยินดีกับผู้ดูแลหลิน!”

“ยินดีกับผู้ดูแลหลิน!”

และตอนนี้หลายคนในที่นั้นต่างแสดงความยินดีออกมา

การแสดงความยินดีครั้งนี้ เห็นชัดว่าเป็นการแสดงความยินดีที่หลินสวินไม่ได้รับโทษสถานหนัก จากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกว่าตอนนี้หลินสวินได้สร้างบารมีของตนในลัทธิแรกกำเนิดแล้ว ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี

ไม่เช่นนั้นไม่มีทางได้รับเสียงสนับสนุนมากเช่นนี้

“ขอบคุณทุกคนที่พูดเพื่อความเป็นธรรม!”

หลินสวินเองก็ประสานมือพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้าน่ะ ต่อไปอย่าทำเรื่องเช่นนี้อีก”

เห็นหลินสวินเดินออกลานมรรคสำแดงสวรรค์ ฟางเต้าผิงอดถลึงตาใส่เขาไม่ได้ “ไม่เช่นนั้นคจมราวหน้าเจ้าคงไม่โชคดีขนาดนี้แล้ว”

“ต่อไปเจ้าจงเชื่อฟังคำพูดของหัวหน้าหอเหยียนจี้ สำนึกผิดในถ้ำสถิตของตน อย่าก่อเรื่องอะไรอีก”

เสวียนเฟยหลิงเองก็อดส่งเสียงไม่ได้ กล่าวโทษหลินสวิน “สถานการณ์ครั้งนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าหอเหยียนจี้ออกปาก วันนี้เจ้าจะต้องสะบักสะบอมอย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้มพยักหน้าตอบรับ

ไม่นานพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงเองก็ทยอยจากไป

แม้เรื่องวันนี้จะสงบลงแล้ว แต่ในใจเฒ่าชราอย่างพวกเขาต่างรู้ดีว่าพวกฝูเหวินหลีที่เคียดแค้นฝังใจย่อมไม่มีทางหยุดเพียงเท่านี้

หรือพูดอีกอย่างว่าเพราะเรื่องนี้ ระหว่างพวกเขากับพวกฝูเหวินหลีเท่ากับแตกหักกันแล้ว และนี่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้ภายในลัทธิแรกกำเนิดเกิดการแบ่งแยก หลีกเลี่ยงการเกิดเรื่องขัดแย้งมากมายหลังจากนี้ได้ยาก

แต่นี่ก็คือสิ่งที่พวกเสวียนเฟยหลิงอยากเห็น

ตั้งแต่หลินสวินเข้าลัทธิแรกกำเนิด พวกเขาก็ได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะยืมมือหลินสวินกำจัดปัญหาเรื้อรังและเนื้อร้ายภายในลัทธิแรกกำเนิดอย่างสิ้นเชิง

และตอนนี้การเคลื่อนไหวครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

“หลินสวิน ผู้นำยอดเขาให้ข้าบอกเจ้าว่า ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยอดเขาที่เก้าจะยืนเคียงข้างเจ้าตลอดไป”

ผู้อาวุโสยอดเขาที่เก้าโม่หลันซานก็มาแล้ว ยิ้มบอกจุดยืนของฉินอู๋อวี้

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน คำนับกล่าว “ขอบคุณมากขอรับ!”

ไม่นานคนใหญ่คนโตในสามหอเก้ายอดเขาต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับหลินสวิน

อย่างเช่นผู้อาวุโสหอแรกพิสุทธิ์เซียวเหวินหยวน หลีเจิน ผู้นำยอดเขาที่แปดชางฉงเสวี่ย ผู้นำยอดเขาที่เจ็ดเถียนอู๋ชั่ว ผู้นำยอดเขาที่หกเหวินตงเหมียน ผู้นำยอดเขาที่ห้าอวี๋เซี่ยงถิง…

หลินสวินได้เป็นผู้ดูแลแล้ว และเข้าแทนที่ตำแหน่งที่เดิมทีเป็นอันดับหนึ่งในสิบสองผู้ดูแลหอแรกนภา ฐานะนี้เรียกได้ว่าเทียบเท่าผู้นำเก้ายอดเขาแล้ว หากพูดถึงอำนาจที่ครอบครองยังถึงขั้นเหนือกว่า!

สามารถพูดได้ว่าในหลายปีมานี้ พร้อมกับมรรควิถี ตำแหน่ง และฐานะที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลินสวินได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากคนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดมากขึ้นไปอีกขั้น

นี่ย่อมมีประโยชน์ต่อการทำงานใหญ่ในลัทธิแรกกำเนิดของเขาในอนาคตอย่างไม่อาจประเมิน

อย่างน้อยภายใต้สถานการณ์ที่รู้ดีว่าเขากับขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นเหมือนน้ำกับไฟ ตอนนี้ยังได้รับการสนับสนุนของคนจากลัทธิแรกกำเนิดมากขนาดนี้ นี่เป็นการยอมรับและสนับสนุนเขาอย่างยิ่วใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว!

“ยินดีกับพี่หลินที่เลื่อนขั้นสู่ผู้ดูแลในวันนี้ และยินดีกับพี่หลินที่สลายเคราะห์ได้ครั้งหนึ่ง”

แต่ตอนที่หลินสวินตัดสินใจจะจากไป กลับมีเสียงหัวเราะกังวานดังมา ห่างไปไม่ไกลนักก็เห็นหยวนฉางเทียนเดินเข้ามาพร้อมกับหยวนซีหลิว

เขาสวมชุดคลุมสีขาวหิมะ หล่อเหลาโดดเด่น ตอนนี้พอปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจของสายตามากมายในที่นั้นทันที

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท