Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2836 นัยเร้นลับนรกเซียน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2836 นัยเร้นลับนรกเซียน

ตอนที่ 2836 นัยเร้นลับนรกเซียน

วู้ม!

หลินสวินคิดพลางเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา

ในเตาหลอม ระเบียบนิพพานลอยผลุบโผล่ และในโลกที่แปลงจากระเบียบนิพพาน อู๋ซวง ระเบียบนรก ระเบียบมรรคเซียนล้วนจำศีลอยู่ภายใน รับการหล่อเลี้ยงของระเบียบนิพพานทุกคืนวัน

ตอนที่อยู่ในขั้นอายุขัยเทียมฟ้า หลินสวินก็เริ่มหยั่งรู้นัยเร้นลับของระเบียบนิพพานแล้ว ใช้มันควบรวมกฎเกณฑ์อมตะของตน

นี่ก็ทำให้เขาได้เปรียบยามต่อสู้ในหลายปีมานี้เพราะอาศัยพลังกฎเกณฑ์ที่หยั่งถึงในระเบียบนิพพาน

แต่ในการปิดด่านสองสามวันที่ผ่านมาหลินสวินได้ลองแล้ว ด้วยพลังขั้นดับเทพของเขา อยากหลอมระเบียบนิพพานเป็นกฎเกณฑ์อมตะกลับยากลำบากผิดปกติ

เวลาเจ็ดวัน หลอมได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น!

หากระเบียบนิพพานคือมหาสมุทรผืนหนึ่ง ที่เขาหลอมได้ในเจ็ดวันก็คือน้ำหนึ่งหยด…

ยากเกินไปแล้ว!

และในเวลาสั้นๆ ก็ยากมากที่จะเห็นผล

แต่นี่กลับจัดการง่ายมาก นั่นก็คือหลอมพลังระเบียบอื่นๆ

กฎเกณฑ์อมตะที่หลินสวินครอบครองตอนนี้ควบรวมจากนัยเร้นลับของระเบียบนิพพาน

นี่ก็เป็นการกำหนดว่าพลังระเบียบที่หลอมในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นระดับใด คุณลักษณะใด ก็จะกลายเป็นพลังที่บริสุทธิ์หมดจดที่สุด กลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์อมตะแห่งตนของเขา แต่จะไม่เปลี่ยนคุณลักษณะของกฎเกณฑ์อมตะ

พูดสั้นๆ ก็คือ สำหรับขั้นดับเทพ การหลอมพลังระเบียบก็เหมือนการหลอมแกนเทพอมตะ จะเป็นประโยชน์ต่อพลังปราณแห่งตนและกฎเกณฑ์อมตะของตนเท่านั้น

“นายท่าน… ท่านคงไม่ได้อยากหลอมซวงเอ๋อร์กระมัง”

ในระเบียบนิพพาน อู๋ซวงที่อยู่ในชุดขาวบริสุทธิ์ราวกับเด็กสาวท่าทางน่าสงสาร ดวงตาโตสุกใสเต็มไปด้วยความกังวล

หลินสวินเพิ่งจะตื่นจากภวังค์ความคิด ลูบคางกล่าว “ตอนนี้พลังของเจ้าฟื้นฟูถึงขั้นใดแล้ว”

“ระดับสวรรค์ขั้นหก…”

อู๋ซวงรีบพูด “แต่ไม่นานก็สามารถฟื้นฟูถึงระดับสวรรค์ขั้นเจ็ดแล้ว!”

“อืม”

หลินสวินจมสู่ภวังค์

อู๋ซวงดูประหม่ามาก ดวงหน้าเล็กซีดเซียว น้ำตานอง ท่าทางน่าสงสาร เหมือนนักโทษที่รอตัดสินโทษอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวินอดขำไม่ได้ “วิญญาณระเบียบอย่างเจ้าไม่มีความรู้สึก ไม่มีสติปัญญา ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแล้ว”

อู๋ซวงพูดอ้ำอึ้ง “นายท่าน วิญญาณระเบียบสามารถวิวัฒน์สติปัญญาและความรู้สึกออกมาได้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่มีจิตวิญญาณเหล่านั้นเทียบได้ ขอนายท่านโปรดสงสาร รอซวงเอ๋อร์ฟื้นฟูพลังย่อมสามารถช่วยนายท่านได้”

นางเองก็เหมือนจะรู้ว่าหลายปีมานี้อยู่กับหลินสวินโดยไม่มีอะไรตอบแทน ไม่ได้แสดงคุณค่าของตนเองออกมา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้หลินสวินไม่พอใจ

“วางใจเถอะ บนโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครตัดใจหลอมวิญญาณระเบียบได้”

หลินสวินพูดง่ายๆ

อู๋ซวงลอบโล่งอก แลบลิ้นอย่างทะเล้น ถ้าไม่ใช่เพราะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังนาง หลินสวินคงอดสงสัยไม่ได้ว่าอู๋ซวงตื่นรู้แล้วหรือไม่

“เจ้าว่าเสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียนควรทำอย่างไร” หลินสวินถาม

เสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียน หลินสวินได้มายามอยู่ในแดนใหญ่พันศึก เป็นระเบียบนรกและระเบียบมรรคเซียนตามลำดับ มาจากยุคเซียนยุทธ์

ในหลายปีมานี้แม้พลังระเบียบทั้งสองจะได้รับการหล่อเลี้ยงจากระเบียบนิพพาน แต่กลับแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง อย่างมากที่สุดก็เทียบเท่าพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้าเท่านั้น

อู๋ซวงพูด “นายท่าน ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าพลังต้นกำเนิดของเสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียนกำลังค่อยๆ ฟื้นคืน คนหนึ่งสามารถกลายเป็นแดนนรก อีกคนสามารถกลายเป็นโลกเซียน นี่อาจจะ… มีส่วนช่วยอย่างไม่อาจประเมินต่ออนาคตของท่าน”

“อย่างเช่น?” หลินสวินถามอย่างสนใจ

อู๋ซวงกล่าว “อย่างเช่นกำราบศัตรูในแดนนรก ทำให้ศัตรูไม่สามารถหลุดพ้นได้ทั้งชีวิต หรือจัดแจงให้ญาติมิตรอยู่ในโลกเซียน ทั้งสามารถหลีกหนีพิบัติเคราะห์และสามารถฝึกปราณอยู่ข้างในได้ ถึงขั้นที่ยังสามารถหลีกเลี่ยงเคราะห์แห่งการดับสิ้นของยุคสมัยนี้”

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน “หลีกหนีเคราะห์ยุคสมัยดับสิ้นหรือ”

“ไม่ผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นระเบียบนรกหรือระเบียบมรรคเซียนล้วนเป็นของยุคเซียนยุทธ์ ผ่านเคราะห์มรรคห้าเสื่อมมาแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมไม่มีทางได้รับผลกระทบจากการดับสิ้นของยุคสมัยนี้อีก”

อู๋ซวงรีบพูดว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาของข้า หากนายท่านอยากรู้ความเร้นลับที่แท้จริงของเสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียน บางทีอาจจะสามารถรอพวกเขาฟื้นฟูอย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นก็จะรู้เอง”

หลินสวินพยักหน้า

ข้อเสนอของอู๋ซวงทำให้เขานึกถึงคำพูดของเฉินหลินคงก่อนออกจากแหล่งสถานศุภโชค…

อย่างมากพันปี เคราะห์ยุคสมัยดับสิ้นจะปะทุขึ้น!

หากเสี่ยวหมิงและเสี่ยวเซียนมีประโยชน์มหัศจรรย์อย่างที่อู๋ซวงพูดจริง เช่นนั้นต่อไปจะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน จะยังหลอมพวกมันไม่ได้

หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างสนใจ “อู๋ซวง เจ้าคิดว่าหากข้าจะหลอมระเบียบนิพพานควรทำอย่างไร”

วิญญาณระเบียบเข้าใจพลังระเบียบที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่…”

อู๋ซวงอ้ำอึ้ง “นายท่าน ระเบียบนิพพานมหัศจรรย์เกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะคาดเดาได้”

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูดว่า “เป็นเช่นนี้ดังคาด นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่ามีสมบัติแต่ไม่อาจครอบครอง”

อู๋ซวงพูดด้วยเสียงกังวาน “แต่ข้าว่านายท่านได้หยั่งถึงนัยเร้นลับของระเบียบนิพพานแล้ว หลอมรวมกฎเกณฑ์อมตะออกมาแล้ว ต่อไปก็เหมือนซวงเอ๋อร์ หลอมพลังระเบียบอื่นๆ อีกสักหน่อย เชื่อว่าสามารถพัฒนามรรควิถีแห่งตนได้เช่นกัน”

หลินสวินยิ้มพูด “ข้าเองก็คิดเช่นนี้”

ประโยคเดียวกลับทำให้อู๋ซวงเหมือนได้รับกำลังใจยิ่งใหญ่ ดวงตาคู่ใสแฝงความดีใจ “นายท่าน สำหรับคนอื่น หลอมพลังระเบียบสายหนึ่งอาจจะต้องใช้เวลาและความทุ่มเทมหาศาล แต่สำหรับท่านกลับไม่มีปัญหานี้”

“หืม?” หลินสวินเลิกคิ้ว “เจ้าว่าต่อ”

อู๋ซวงพูด “นายท่านครอบครองระเบียบนิพพาน สามารถกำราบและหลอมพลังระเบียบต่างๆ ได้ เช่นนี้นายท่านไม่จำเป็นต้องหลอมก็สามารถได้รับพลังระเบียบที่บริสุทธิ์ที่สุดผ่านระเบียบนิพพาน”

ใช่ว่าหลินสวินจะไม่ได้นึกถึงจุดนี้ เพียงแต่หลังจากได้รับการยืนยันของอู๋ซวง ในที่สุดเขาก็กล้ามั่นใจว่าสามารถทำเช่นนี้ได้จริงๆ!

“ตอนนี้ก็ขาดเพียงแค่พลังระเบียบ”

หลินสวินใคร่ครวญ

“นายท่าน หากซวงเอ๋อร์ฟื้นฟูพลังสู่ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดอย่างก่อนหน้านี้ ก็สามารถช่วยนายท่านหาพลังระเบียบได้มากขึ้น และสามารถช่วยนายท่านกำราบพวกมันได้” อู๋ซวงพูดด้วยเสียงใส

หลินสวินยิ้มก่อนจะพูดว่า “เจ้าวางใจได้ ต่อไปหากข้ารวบรวมพลังระเบียบได้จะไม่ขาดของเจ้าแน่”

เขาจะฟังความกังวลของอู๋ซวงไม่ออกได้อย่างไร

“เช่นนั้นซวงเอ๋อร์ขอบคุณนายท่านล่วงหน้า!”

อู๋ซวงยิ้มหวาน น่ารักบริสุทธิ์มากเป็นพิเศษ

……

จากนั้นหลินสวินเริ่มนั่งสมาธิฝึกปราณ

การลงโทษของสำนัก หลินสวินจะไม่ทำตามไม่ได้ ในเก้าปีนับจากตอนนี้ เขาไม่มีโอกาสออกนอกถ้ำสถิตแล้ว

แต่สำหรับหลินสวินนี่กลับเป็นเรื่องดี

เดิมทีเขาวางแผนจะปิดด่านสักระยะ ไม่เพียงเพื่อฝึกปราณ แต่จะใช้โอกาสนี้หลอมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสักหน่อย

ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รู้วันคืน

เวลาสามปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่ง

หยวนฉางเทียนตื่นจากการทำสมาธิ พลังขับเคลื่อนที่กึกก้องทั่วร่างกายค่อยๆ สงบลง

หยวนซีหลิวที่คุ้มครองอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดยิ้มแสดงความยินดี “ยินดีกับนายน้อยที่ก้าวสู่ขั้นดับเทพขั้นปลาย!”

ในเสียงยากจะปกปิดความทอดถอนใจและชื่นชม

“นับเป็นอะไรได้ เทียบกับพวกพี่ใหญ่พี่สามของข้ายังห่างไกลกันนัก”

หยวนฉางเทียนสีหน้าราบเรียบ

หยวนซีหลิวพูดด้วยเสียงอบอุ่น “นายน้อยเป็นศิษย์คนที่เก้าของผู้นำตระกูล ฝึกปราณมาถึงตอนนี้เพียงหกร้อยปีก็มีความสำเร็จอย่างวันนี้แล้ว นี่แข็งแกร่งกว่าคุณชายใหญ่และคุณหนูสามมาก”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “พวกคุณชายใหญ่ คุณหนูสามแม้ทะลวงขั้นหลุดพ้นนานแล้ว แต่จากรากฐานพลังและพรสวรรค์ของนายน้อย ไม่ต้องห่วงว่าในอนาคตจะตามไม่ทัน”

หยวนฉางเทียนยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“นายน้อย ท่านจะเข้าร่วมศึกถกมรรคอมตะหรือไม่”

หยวนซีหลิวถาม

หยวนฉางเทียนพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “แน่นอน ก่อนข้าจะมาลัทธิแรกกำเนิดท่านพ่อก็บอกความลับหนึ่งกับข้าแล้ว ในแดนมารสิบทิศครั้งนี้จะเกิดมหาศุภโชคที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นพลังระเบียบระดับเทพที่เกือบสมบูรณ์!”

หยวนซีหลิวพูดอย่างหวั่นไหว “หากเป็นเช่นนี้จริง แม้ต้องใช้ทุกวิถีทางก็ต้องชิงมาให้ได้!”

ระเบียบระดับเทพ!

แม้แต่ในน่านฟ้าที่เก้ายังไม่ได้ปรากฏออกมาเนิ่นนานมากแล้ว

หากแดนมารสิบทิศมีสมบัติเช่นนี้จริงๆ นี่ถึงขั้นสามารถทำให้ระดับนิรันดร์ยอมแลกทุกอย่างเพื่อช่วงชิงมา

หยวนซีหลิวกล่าว “โชคดีที่การประชันนี้ไม่ใหญ่ มีแค่คนของสี่หอบรรพจารย์เข้าร่วม ด้วยความสามารถของนายน้อย การชิงวาสนาเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“พูดยาก”

หยวนฉางเทียนส่ายหน้า “ตอนที่ข้ามาลัทธิแรกกำเนิด ในน่านฟ้าที่เก้าก็มีบุตรเทพธิดาเทพเข้าไปในลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน ลัทธิวิญญาณเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมาจากเผ่าเทพตระกูลใดกันแน่”

ในดวงตาหยวนซีหลิววาบประกายคมกริบ “นายน้อยวางใจ เรื่องนี้ข้าจะสืบให้แน่ชัด”

หยวนฉางเทียนพยักหน้าน้อยๆ แล้วพลันถามว่า “สามปีมานี้ทางหลินสวินนั่นมีการเคลื่อนไหวหรือไม่”

หยวนซีหลิวส่ายหน้า “เจ้าหมอนี่สงบเสงี่ยมมาก ไม่ก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว”

หยวนฉางเทียนเอ่ยเสียงขรึม “คอยจับตาดูให้ดี เขาเป็นผู้สืบทอดที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยมาหมื่นกาล ทั้งสืบทอดพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินของลั่วทงเทียน จะดูถูกใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด”

“นายน้อยวางใจ จากแผนการที่พวกฝูเหวินหลีหารือกัน ตอนที่ศึกมรรคอมตะเริ่มต้นจะส่งหลินสวินไปที่แดนมารสิบทิศเช่นกัน”

มุมปากของหยวนซีหลิวเผยความเย็นชา “ถึงตอนนั้นเจ้าหมอนี่จะสามารถรอดจากแดนมารสิบทิศได้หรือไม่ยังพูดได้ยาก”

“ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานล้วนมองเขาเป็นหนามยอกใจ หากเขาเข้าร่วม ต้องพบเจอเคราะห์สังหารที่ไม่อาจประมาณได้”

หยวนฉางเทียนคล้ายขบคิด “แต่จะฝากความหวังที่คนอื่นไม่ได้ ถึงตอนนั้นบางทีอาจต้องรบกวนท่านอาซีหลิวไปดูด้วยตัวเอง”

“นายน้อยยอมให้ข้าน้อยลงมือแล้วหรือ”

หยวนซีหลิวตาเป็นประกาย

หยวนฉางเทียนส่ายหน้า “ไม่ ท่านเพียงแค่ทำให้ศัตรูรู้ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ ให้ดีที่สุดคือสามารถกระตุ้นให้ระดับนิรันดร์ลงมือได้ เช่นนี้บางทีลงแรงครั้งเดียวก็อาจสำเร็จได้”

“ระดับนิรันดร์หรือ!?”

หยวนซีหลิวเอ่ยอย่างยากจะเชื่อ “นี่ไม่ใช่การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือ”

“ท่านอาซีหลิวท่านไม่เข้าใจ ทำตามที่ข้าพูดก็พอ”

หยวนฉางเทียนพูดเรียบ ไม่ได้อธิบายต่อ

หยวนซีหลิวเองก็ไม่หงุดหงิด แม้หยวนฉางเทียนเรียกว่าเขาว่า ‘ท่านอาซีหลิว’ แต่ต่อหน้าหยวนฉางเทียน เขากลับเรียกตัวเองว่า ‘ข้าน้อย’ และปฏิบัติตามความตั้งใจของอีกฝ่าย

เพราะหยวนฉางเทียนคือบุตรเทพ!

นี่คือกฎที่เผ่าเทพตระกูลหยวนไม่ยอมให้ละเมิด

“ท่านอาซีหลิว ท่านออกไปก่อนเถอะ ข้าจะฝึกเพิ่มเติมต่อ หลอมพลังระเบียบ เร่งทะลวงมรรควิถีให้ถึงขั้นสัมบูรณ์ให้ได้ก่อนเข้าร่วมศึกมรรคอมตะ”

หยวนฉางเทียนพูดลวกๆ

“ขอรับ”

หยวนซีหลิวประสานหมัดแล้วหมุนตัวจากไป

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท