Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2838 อภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2838 อภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่

ตอนที่ 2838 อภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่

เวลาล่วงเลยไป

อีกเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้เงาร่างของหลินสวินเดินออกจากประตูเนรเทศพลางขมวดคิ้วแน่น

หนึ่งเดือนแล้ว เขาเข้าไปในแดนเนรเทศแทบทุกวัน แต่หนึ่งเดือนมานี้กลับไม่ได้อะไรเลย

หลินสวินยืนคิดอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งแล้วอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้

ว่ากันถึงที่สุดก็คือระยะเวลาที่ประตูเนรเทศคงอยู่สั้นเกินไป มีเพียงแค่ครึ่งเค่อ ทำให้การเคลื่อนไหวทุกครั้งของเขาถูกจำกัดอย่างมาก

ถึงตอนนี้อย่างมากเขาก็สำรวจพื้นที่ในรัศมีหนึ่งแสนลี้เท่านั้น

ไกลกว่านี้เวลาก็จะไม่พอแล้ว

‘เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว’

หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ตัดสินใจว่าตั้งแต่วันนี้ไป จะอนุมานความลึกลับของประตูเนรเทศต่อ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเพิ่มเวลาคงอยู่ของมันให้นานขึ้น!

เขานั่งขัดสมาธิ

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ปีที่หกที่หลินสวินถูกกักบริเวณ

ในถ้ำสถิต

จู่ๆ หลินสวินที่นั่งสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้น

ผ่านการอนุมานหลายปี ในที่สุดเขาก็เข้าใจความเร้นลับทั้งหมดของประตูเนรเทศอย่างลึกซึ้ง ไม่มีปริศนาอะไรให้ขุดค้นอีกแม้แต่เสี้ยวเดียว

“เริ่มเถอะ”

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง โคจรมรรควิถี

วู้ม!

ชั่วพริบตาห้วงอากาศก้องกระหึ่มบิดเบี้ยว รอยแยกกาลเวลาสายหนึ่งปรากฏ ประตูเนรเทศขนาดประมาณหนึ่งฉื่อควบรวมออกมา

และเมื่อหลินสวินยื่นนิ้วออกไปจรด

ก็เหมือนผิวทะเลสาบที่นิ่งสงบถูกโยนหินก้อนหนึ่งลงไป ประตูเนรเทศที่ขนาดประมาณหนึ่งฉื่อเริ่มหดตัวอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ หดลงขนาดเท่าพัด เท่ากำปั้น และเท่าเหรียญทองแดง…

จนกระทั่งหลังจากนั้นกลายเป็นจุดแสงที่ราวกับมายาจุดหนึ่ง!

ประหนึ่งคมกระบี่ที่แสงประกายสว่างไสว สะดุดตาหาที่เปรียบ กลิ่นอายกาลเวลาที่แผ่ออกมาล้วนเจือกลิ่นอายดุดันทิ่มแทงจิตใจ

หลินสวินมองดูเงียบๆ

เวลาผ่านไปทีละนิด แต่ประตูเนรเทศที่กลายเป็นแสงจุดหนึ่งกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

หนึ่งเค่อ

สองเค่อ

…จนกระทั่งครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น แสงจุดนั้นจึงมืดสลัวลงกะทันหัน สุดท้ายกลายเป็นละอองแสงพร่างพรม

ครึ่งชั่วยาม!

แปดเท่าของครึ่งเค่อ!

ความดีใจที่ยากปกปิดพลุ่งพล่านขึ้นในใจหลินสวิน

เขาคำนวณดูแล้ว การสำแดงประตูเนรเทศออกมาถึงขั้นนี้ สูญเสียพลังประมาณสามส่วนของมรรควิถีแห่งตน ความสูญเสียเช่นนี้ไม่ถึงกับรุนแรง แต่กลับสามารถทำให้ประตูเนรเทศคงอยู่ได้ครึ่งชั่วยาม!

หลินสวินพยายามกดความวู่วามในใจ นั่งขัดสมาธิจนกระทั่งพลังที่สูญเสียไปฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ถึงค่อยสำแดงอภินิหารประตูเนรเทศออกมาใหม่

จากนั้นเงาร่างของเขากลายเป็นแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไป

โลกกว้างใหญ่ไพศาลอันมืดมิดที่คุ้นเคยสะท้อนในสายตาของหลินสวิน เขาไม่เสียเวลาแม้แต่เสี้ยวเดียว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศด้วยความเร็วเต็มกำลังโดยตรง

ครึ่งเค่อหลังจากนั้น

นอกระยะหนึ่งแสนลี้

ก่อนหน้านี้เขาสำรวจได้ถึงเพียงระยะนี้ แต่ตอนนี้แตกต่างโดยสมบูรณ์แล้ว

เขาไม่ได้หยุดฝีเท้า ก้าวเดินต่อ

ระหว่างทางจิตรับรู้ของเขาแผ่ออกกลางฟ้าดิน สัมผัสอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งหนึ่งเค่อหลังจากเข้าสู่แดนเนรเทศ

จู่ๆ หลินสวินก็หยุดเท้า หว่างคิ้วปรากฏความตะลึงที่ยากจะปกปิด

ไกลออกไปน้ำตกที่ขาวโพลนแห่งหนึ่งไหลลงจากบนท้องฟ้าที่มืดมิด พุ่งลงไปในโกรกธารลึกล้ำที่ราวกับชือน้ำแข็งขาวบนพื้นดิน

เห็นชัดว่าเป็นน้ำตกกาลเวลา!

สีขาวโพลนที่โปรยปรายลงมาคือพลังกาลเวลาทั้งหมด พร่างพราวสะดุดตา กว้างใหญ่ไพศาลราวกับภาพมายา

ข้างๆ น้ำตกกาลเวลาที่ไหลลงจากฟ้ากลับมีภูเขาใหญ่สีดำแห่งหนึ่งลอยอยู่ แผ่พลังคลุมเครือ กำลังรับการชำระล้างของน้ำตกกาลเวลา

ภูเขาเทพสนามแม่เหล็ก!

ตอนที่เห็นภูเขานี้ในใจหลินสวินตื่นเต้นอีกครั้ง

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง พุ่งเข้าไปใกล้

ยิ่งเข้าใกล้เขาก็สังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าน้ำตกกาลเวลาที่ดิ่งลงจากฟ้านี้ การไหลของกาลเวลากลางฟ้าดินจะยิ่งช้าลง

จนกระทั่งตอนที่มาถึงตำแหน่งของภูเขาเทพสนามแม่เหล็ก การไหลของกาลเวลาแทบจะหยุดชะงักแล้ว

ราวกับเส้นกาลเวลาถูกดึงให้ยืดยาวอย่างยิ่ง

ความรู้สึกที่มอบให้หลินสวินประหนึ่งว่าวันนี้โลกภายนอกอาจจะผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น!

กฎระเบียบกาลเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงตรงหน้าน้ำตกกาลเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินใช้จิตรับรู้สัมผัส

ตูม!

จิตรับรู้ของเขาเพิ่งจะสัมผัสกับน้ำตกกาลเวลาที่ขาวโพลน ในหัวก็เหมือนถูกโจมตีรุนแรง จากนั้นมีนัยเร้นลับมหามรรคปานกระแสน้ำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในห้วงนิมิต

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว สิ่งเดียวที่หลินสวินสามารถทำได้คือควบคุมจิตใจเต็มที่ พยายามทำให้ตนสงบลง

ไม่นานความรู้สึกที่ร้อนระอุระลอกหนึ่งแผ่ออกจากบริเวณหน้าอกของเขา ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเหมือนภูเขาไฟที่หลับใหลมานานปีค่อยๆ ตื่นขึ้น

‘หรือจะปลุกพลังพรสวรรค์ใหม่ได้แล้ว’

ความคิดนี้เพิ่งจะแวบเข้ามาในหัว หลินสวินก็นั่งสมาธิตามสัญชาตญาณ

ตูม!

ครู่ต่อมาชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขาปะทุราวกับภูเขาไฟ พลังกาลเวลาที่คลุมเครือและน่ากลัวแผ่กระจาย กลายเป็นแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งทะยานจากแท่นบูชา

น้ำตกกาลเวลาที่ไหลลงกลางฟ้าดินไกลออกไปจู่ๆ ก็สั่นไหวรุนแรงในชั่วขณะนี้ จากนั้นกระแสน้ำแห่งกาลเวลาที่มีเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา อาบทั้งร่างของหลินสวินราวกับถูกชักนำ

ภาพที่เหลือเชื่อปรากฏ…

รูปลักษณ์ของหลินสวินเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ กาลเวลาไหลเคลื่อนกลายเป็นช่วงวัยเด็กหนุ่ม จากนั้นก็กลายเป็นเฒ่าชรา แล้วก็ย้อนกลับสู่เป็นเด็ก ก่อนจะกลายเป็นชายหนุ่มช่วงรุ่งเรือง…

การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ ท้ายที่สุดทำให้ทั้งร่างของหลินสวินเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวและพร่าเลือน

พลังกาลเวลาที่พลุ่งพล่านพุ่งเข้าชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขาอย่างต่อเนื่อง และในพริบตานี้ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขาเหมือนเหวลึกไร้สิ้นสุด กลืนกินทุกสิ่งอย่างละโมบบ้าคลั่ง

ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่

หลินสวินรู้สึกเพียงว่าตรงหน้าอกเจ็บปวดรุนแรงประหนึ่งถูกฉีกกระชากระลอกหนึ่ง ทำให้เขาอดส่งเสียงอึดอัดออกมาไม่ได้

แต่ไม่นานความเจ็บปวดรุนแรงนั่นก็หายไป ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่เดิมราวกับภูเขาไฟปะทุก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

หลินสวินลืมตาขึ้น น้ำตกกาลเวลาไกลออกไปไหลหลั่ง ขาวโพลนทั้งแถบ

ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว

เพียงแต่ในใจหลินสวินกลับมีการหยั่งรู้นับไม่ถ้วนกำลังบ่มตัว

เขายื่นมือทั้งคู่ออกไปตามจิตใต้สำนึก ทำมุทรากลางอากาศ

เมื่อนิ้วเรียวยาวทั้งสิบขยับเปลี่ยนท่ามุทราไม่หยุด พลังแห่งกาลเวลามากมายล้วนถูกชักนำมา วนเวียนอยู่ในประทับมุทราที่ควบรวมออกมาไม่หยุด

“โอม!”

พลันนั้นมือทั้งคู่ของหลินสวินพลันแยกออกแล้วกวาดไปข้างหน้า

วู้ม!

ในห้วงอากาศพลังผนึกลึกลับชั้นหนึ่งอุบัติขึ้นทันใด พาดขวางกลางฟ้าดินประหนึ่งปราการกั้น นั่นเป็นสิ่งที่ควบรวมจากพลังแห่งกาลเวลานับไม่ถ้วน

เป็นปราการผนึกที่ลึกลับไม่อาจคาดเดาชนิดหนึ่ง!

ในใจหลินสวินดีใจและตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ประทับผนึกเวลา!

อภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่

อานุภาพนี้อยู่ที่คำว่า ‘ผนึก’ ยามปลดปล่อยอภินิหารนี้ กฎระเบียบกาลเวลากลางฟ้าดินจะถูกพลังพรสวรรค์ชักนำ กลายเป็นปราการผนึก!

นี่ทำให้หลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่ง

นอกแดนผนึกเรืองแสงในแหล่งสถานศุภโชคก็มีพลังผนึกกาลเวลาปกคลุมอยู่

เมื่อนานมาแล้วจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่ประสบมหาเคราะห์และบาดเจ็บสาหัสก็ใช้พลังผนึกกาลเวลานี้ขวางการตามฆ่าของพวกศัตรู และให้ร่างต้นหลับใหลอยู่ในโลงนิรันดร์ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผันผ่านก็ไม่มีใครสามารถทะลวงผ่านพลังผนึกกาลเวลาที่นางวางไว้ได้

สิ่งที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์สำแดงออกมาในตอนนั้นก็คืออภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่อย่างไม่ต้องสงสัย บังคับชักนำกฎระเบียบกาลเวลาฟ้าดินให้กลายเป็นปราการผนึกที่ไม่มีใครทำลายได้!

คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินเองยังอดตะลึงไม่ได้

ใช้กาลเวลาเป็นปราการ ในบรรดาระดับอมตะบนโลกนี้ เกรงว่าคงมีน้อยคนนักที่สามารถทำลายพลังระดับนี้ได้

แต่หลินสวินเองก็รู้ดีว่าตนที่เพิ่งปลุกอภินิหารนี้ ไม่อาจเทียบกับจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ในตอนนั้นได้สักนิด พลังประทับผนึกเวลาที่ควบรวมออกมาก็มีจำกัด

แต่ในอนาคต เมื่อตนหยั่งถึงนัยเร้นลับของอภินิหารนี้โดยสมบูรณ์ อานุภาพจะต้องยิ่งแข็งแกร่งอย่างแน่นอน!

ฮู่ว…

หลินสวินถอนหายใจยาวแล้วลุกขึ้น

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าน้ำตกกาลเวลาที่ไหลจากฟ้าสู่พื้นดินนั่นนามว่า ‘ธารแสงกาลเวลา’! เป็นพลังที่แปลงจากกฎระเบียบกาลเวลาเช่นเดียวกัน

ตอนที่ตนสำแดงประทับผนึกเวลาในนี้ ก็สามารถชักนำพลังของธารแสงกาลเวลาได้ เกิดอานุภาพอันน่ากลัวเหนือจินตนาการ

“หืม?”

ทันใดนั้นหลินสวินตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง

ตอนนี้ตนเข้าประตูเนรเทศมานานเท่าไหร่แล้ว

เขารีบคำนวณเวลา ครู่หนึ่งหลังจากนั้นถึงได้ถอนหายใจ

กฎระเบียบกาลเวลาบริเวณธารแสงกาลเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นเชื่องช้าอย่างที่สุด อยู่ในนี้หนึ่งวัน บางทีที่โลกภายนอกอาจจะผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ

แต่หลินสวินเองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าพลังกฎระเบียบเช่นนี้ไม่ได้มั่นคง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนอย่างที่สุดเป็นระยะๆ

นี่ทำให้หลินสวินอดเป็นกังวลไม่ได้ หากกฎระเบียบกาลเวลาของที่นี่เปลี่ยนเป็นรวดเร็วขึ้นจะต้องแย่แน่

เขาไม่กล้าล่าช้า สูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อ เก็บภูเขาเทพสนามแม่เหล็กที่ใหญ่โตโออ่านั่นมา ก่อนใส่เข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแล้วย้อนกลับทางเดิม

……

ในถ้ำสถิต

เงาร่างของหลินสวินปรากฏกลางอากาศ

ชั่วขณะนี้ในที่สุดในใจหลินสวินก็รู้สึกสมจริงขึ้นมา จากนั้นความดีใจล้วนพวยพุ่งขึ้นในใจ

ถูกกักบริเวณมาหกปี แม้มรรควิถีไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่ แต่ผลเก็บเกี่ยวหลายปีมานี้กลับเหนือกว่าความก้าวหน้าของพลังปราณ!

อภินิหารประตูเนรเทศถูกเขาอนุมานถึงขีดสุดแล้ว สามารถเปลี่ยนให้มีขนาดประมาณจุดแสง และสามารถขยายขยาดได้ถึงขั้นเหลือเชื่อ

นี่หากใช้ในการต่อสู้ สามารถสำแดงผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ได้อย่างแน่นอน

ส่วนโลกในประตูเนรเทศก็มีความเร้นลับมากมาย อย่างเช่นจานเทพคร่าศพ ผาสมบัติร่วงหล่น ธารแสงกาลเวลา ซึ่งล้วนมีกฎระเบียบลบล้าง กฎระเบียบสมบัติร่วงหล่น กฎระเบียบกาลเวลา!

ภายหน้าเมื่อเขาก้าวสู่ระดับนิรันดร์ มีหรือจะไม่สามารถหยั่งรู้และครอบครองนัยเร้นลับของกฎระเบียบเหล่านี้อย่างแท้จริงได้

แต่ผลเก็บเกี่ยวที่มากกว่าคือครั้งนี้ได้ปลุกอภินิหารพรสวรรค์ขั้นสี่!

พลังของประทับผนึกเวลาหากใช้อย่างเหมาะสม ต่อให้เจอพิบัติทำลายล้าง ก็สามารถใช้พลังนี้ไปต้านทานและสลายได้

‘หกปีแล้ว เวลากักบริเวณเหลือเพียงแค่สามปี ต้องคว้าจังหวะนี้หลอมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งให้ดีสักหน่อย’

หลินสวินลอบกล่าวในใจ

เขาครอบครองประทับผนึกเวลาและภูเขาเทพสนามแม่เหล็กแล้ว และสามารถไปดูดซับพลังแห่งกาลเวลาไร้สิ้นสุดจากธารแสงกาลเวลาที่แดนเนรเทศได้

เช่นนี้ก็จะสามารถหลอมเหล็กเทพพลังแม่เหล็กและประทับพลังของกาลเวลา ทำให้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกลายเป็นศาสตราวุธต้องห้ามที่ครอบครองพลังกาลเวลาชิ้นหนึ่ง!

ว่าแล้วก็ลงมือ

หลินสวินเริ่มลงมืออย่างรวดเร็วในถ้ำสถิต

แม้ถูกกักบริเวณมาหกปีแต่เขาไม่รู้สึกห่อเหี่ยว กลับดื่มด่ำกับมัน ต่อให้ยกเลิกการกักบริเวณเขาตอนนี้ ให้เขาออกจากถ้ำสถิต เกรงว่าเขาก็คงไม่จำยอม…

ในเวลาหลังจากนั้นหลินสวินใช้ชีวิตอย่างไม่สนใจโลกภายนอก จดจ่อกับการฝึกฝนเคี่ยวกรำ

ไม่ทันรู้ตัวก็ถูกกักบริเวณมาถึงปีที่เก้าแล้ว

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท