Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2844 สัตว์ระเบียบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2844 สัตว์ระเบียบ

หลินสวินส่ายหน้ากล่าว “พูดยาก”

หยวนฉางเทียนคล้ายเข้าใจยิ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ก็จริง พวกเราเพิ่งมาถึงแดนมารสิบทิศ ยังไม่ค่อยคุ้นกับสถานการณ์ที่นี่ ตอนนี้คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แต่ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ในแดนมารบูรพาแห่งนี้ต่อ ช่วงเวลาถัดจากนี้แม้จะไปล่าสัตว์ระเบียบก็จะยึดที่นี่เป็นฐานที่มั่น”

“พวกเราคิดเห็นเหมือนกับผู้อาวุโสหยวน”

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงกล่าวโดยไม่ต้องคิด

จากนั้นเฉาเป่ยโต้วก็มองมาที่หลินสวิน “ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลหลินไม่ใช่บอกว่าจะไม่เคลื่อนไหวกับพวกเรา เพราะห่วงว่าปัญหาบนตัวเขาจะทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วยหรือ ตอนนี้เจ้าสามารถไปได้แล้ว”

หลินสวินมองเฉาเป่ยโต้วอย่างลุ่มลึกปราดหนึ่งก่อนกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็ขออวยพรผู้อาวุโสเฉาล่วงหน้า ว่าขอให้รอดชีวิตออกจากแดนมารสิบทิศแห่งนี้”

กล่าวพลางเขาหมุนตัวจากไปโดยตรง

หลีเจินที่นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจามาตลอดก็ตามหลังเขาไปติดๆ

มองดูทั้งคู่ค่อยๆ จากไปไกล หยวนฉางเทียนถอนใจเบาๆ “ดูท่าระหว่างข้ากับเขา… จะไม่โอกาสเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรกันสักเท่าไรแล้ว”

ตั้งแต่ออกจากแดนแรกเริ่มจนตอนนี้ ตลอดทางนี้เขาเคยแสดงความเป็นมิตรต่อหลินสวินไม่เพียงแค่หนึ่งครั้ง

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไม่คิดจะผูกมิตรกับเขาเลย

ไม่ใช่มิตรก็เป็นศัตรู!

เฉาเป่ยโต้วกล่าว “ผู้อาวุโสหยวน ครั้งนี้เจ้าหมอนี่ต้องตายแน่แล้ว พวกเราอย่าไปสุงสิงเป็นพวกเดียวกับเขาเด็ดขาด ถึงขั้นต้องขีดเส้นแบ่งแยก”

หยวนฉางเทียนส่ายหน้า “หากเห็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ข้าก็ยังจะยื่นมือช่วยเหลือ”

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนไม่เข้าใจยิ่ง

กลับเห็นหยวนฉางเทียนกล่าวเรียบๆ “ทำให้หลินสวินติดหนี้บุญคุณ ภายหน้าเขาจะมีเหตุผลอะไรให้ไม่ตอบแทนเล่า เว้นแต่ข้าจะมองเขาผิดไป”

พวกเฉาเป่ยโต้วสองคนถึงค่อยกระจ่างขึ้นมา

สิ่งที่ยากจะตอบแทนมากที่สุดในโลก ย่อมต้องเป็นหนี้น้ำใจ!

หลินสวินกล้าไม่ตอบแทนหนี้น้ำใจหรือ

แม้ว่าพวกเฉาเป่ยโต้วสองคนจะมองหลินสวินเป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าหากหลินสวินติดหนี้บุญคุณ ด้วยลักษณะนิสัยของเขาไม่มีทางไม่ตอบแทนเด็ดขาด

นี่ก็คือเกียรติและศักดิ์ศรีของหลินสวิน

ต่อให้เป็นศัตรูล้วนต้องยอมรับ!

“ทั้งสองท่าน การแข่งขันในศึกมรรคอมตะครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้แล้ว หลังจากนี้ในเมื่อพวกเจ้ายินดีติดตามอยู่ข้างกายข้า เช่นนั้นทางที่ดีควรดำเนินการตามคำสั่งของข้าคนแซ่หยวนเข้าไว้”

หยวนฉางเทียนเอ่ยปากราบเรียบ ขณะนี้กลิ่นกายบนตัวเขาเปลี่ยนไปมาก เต็มไปด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่

พวกเฉาเป่ยโต้วสองคนสีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดคารวะกล่าวว่า “พวกข้าย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่ง”

นอกเมืองบูรพา

ฟ้าดินเวิ้งว้าง ลมพัดทรายหอบม้วน

หลินสวินสังเกตเห็นหลีเจินที่ตามมา อดกล่าวขอโทษไม่ได้ “ผู้อาวุโส ทำให้ท่านต้องอดสูเพราะข้าแล้ว”

สีหน้าเย็นชากร้าวแกร่งของหลีเจินเจือรอยยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ติดตามพวกเขาต่างหากข้าจึงจะอดสู เจ้าไม่ต้องพูดมากความอีกแล้ว การเคลื่อนไหวต่อจากนี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการก็พอ”

ในใจหลินสวินอุ่นวาบ กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ช่วงเวลาต่อจากนี้ต้องมีอันตรายมากมายเกิดขึ้นแน่ แต่ข้าสามารถรับรองกับท่านได้ ว่าพวกเราจะสามารถรอดชีวิตออกจากแดนมารสิบทิศอย่างแน่นอน”

เขาคิดๆ ดูแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่เพียงจะรอดชีวิตออกไป แต่ยังหอบของดีเต็มกอบเต็มกำกลับไปอีกด้วย!”

หลีเจินกล่าว “รอดชีวิตก่อนค่อยว่าเรื่องอื่นทีหลัง”

“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้องที่สุด”

หลินสวินระเบิดหัวเราะขึ้นมาทันใด

สวบ!

จู่ๆ เปลวเพลิงสีม่วงสายหนึ่งก็พุ่งปราดออกมาจากพื้นดิน พุ่งเข้ามาทางหลินสวินดุจสายฟ้าแลบ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

“ระวัง!”

ขณะที่หลีเจินเอ่ยเตือนก็หมายจะลงมือแล้ว

ก็เห็นหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

เปลวเพลิงสีม่วงสายนี้แตกกระจายหายไป

ที่ตามมาติดๆ คือฝ่ามือหลินสวินที่ตบใส่แผ่นดิน ในเสียงดังอึงอลผืนดินถูกแหวกออก ดินโคลนพุ่งกระเซ็น ก็เห็นเงาร่างสีม่วงสายหนึ่งปรากฏสู่ครรลองสายตา อยู่ลึกลงไปหลายสิบจั้ง

นี่คือสัตว์ปีศาจที่รูปร่างคล้ายตัวลิ่น ทั่วลำตัวมีเปลวเพลิงสีม่วงลุกโชน สันหลังมีหนามแหลมเหมือนดาบกระบี่อยู่ทั่ว เบียดเสียดแน่นขนัด

ฟึ่บๆๆ!

สัตว์ปีศาจคล้ายสัมผัสถึงอันตราย แผ่นหลังของมันยิงหนามแหลมออกมาทันควัน พุ่งออกมาเนืองแน่นดุจดั่งฝนลูกดอกสีม่วงทั้งแถบ

ห้วงอากาศบริเวณที่ยิงผ่านถูกหลอมละลาย เสียงเล็กแหลมแสบหูดังก้องฟ้าดิน พลังโจมตีนี้ถึงกับไม่ด้อยกว่าอานุภาพของขั้นดับเทพสักนิด

กลับเห็นหลินสวินยื่นมือไปคว้า

ตูม โครม!

วังวนหุบเหวใหญ่ลึกล้ำแห่งหนึ่งปรากฏออกมา กฎเกณฑ์ไหลเวียน หอบม้วนหนามแหลมสีม่วงเต็มฟ้านั่นแล้วทำลายทิ้งจนสิ้นซาก

สวบ!

สัตว์ปีศาจเตรียมจะเผ่นหนีจากส่วนลึกใต้ดินทันที

แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว มือข้างหนึ่งปรากฏแล้วจับมันไว้ตรงๆ ก่อนจะหิ้วขึ้นมา

การกระทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นเกือบจะในเวลาเพียงแวบเดียว

ยามเห็นสัตว์ปีศาจตัวนี้ถูกหลินสวินจับได้อย่างง่ายดาย นัยน์ตาหลีเจินทอแววชื่นชมขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง กล่าวว่า

“บนตัวสัตว์ปีศาจตัวนี้เต็มไปด้วยพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นห้า ในหมู่สัตว์ระเบียบไม่ถือว่าแข็งแกร่ง แต่หากไม่มีมรรควิถีขั้นดับเทพก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเด็ดขาด”

ในแดนมารสิบทิศ สัตว์ระเบียบสามารถแบ่งออกเป็นสามจำพวก

จำพวกแรกคือสัตว์ปีศาจระดับปฐพี พลังระเบียบที่มีอยู่บนตัวล้วนอยู่ภายในขอบเขตระดับปฐพีขั้นเก้า

ในแปดแดนมาร สัตว์ระเบียบประเภทนี้พบเห็นได้บ่อยที่สุด ถึงขั้นที่อาจเกิดกระแสสัตว์ปีศาจน่าสะพรึงอาละวาดทั่วฟ้าดิน หากเป็นเช่นนั้นต่อให้เป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์ก็ต้องหลีกเลี่ยงพวกมัน

อีกจำพวกหนึ่งคือสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์ บนตัวมีพลังระเบียบในขอบเขตระดับสวรรค์ขั้นเก้า ระดับนี้ถือว่าพบเห็นยากในแปดแดนมาร

ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็หมายความว่าพลังต่อสู้ของสัตว์ปีศาจยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น แน่นอนว่าจำนวนในแปดแดนมารก็ยิ่งน้อยนิดและหายาก

ปึง!

หลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างของสัตว์ระเบียบที่ถูกจับแตกระเบิด เหลือเพียงพลังระเบียบดุจเปลวเพลิงสีม่วงไหลเวียนอยู่กลางฝ่ามือหลินสวิน

หลินสวินมองสำรวจคร่าวๆ แล้วกล่าวว่า “ระเบียบระดับปฐพีขั้นหกนี่บกพร่องอยู่บ้าง ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ผู้ฝึกปราณไม่มีทางหยั่งถึงกฎเกณฑ์อมตะที่สมบูรณ์แบบจากในนี้ได้”

นี่ก็หมายความว่าพลังระเบียบสายนี้ไม่มีทางค้ำจุนเผ่าจักรพรรดิอมตะได้

“แต่สำหรับพวกเราแล้วมันกลับเป็นทรัพยากรฝึกปราณที่ล้ำค่าที่สุด”

หลีเจินกล่าวทอดถอนใจ

แม้ว่าเขาจะมีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ แต่มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุดว่าตั้งแต่เหยียบย่างขั้นดับเทพจนตอนนี้ เพื่อตามหาพลังระเบียบที่สามารถหลอมได้ ต้องเสียเวลาและหยาดเหงื่อแรงกายมากมายเท่าไร

แม้จะอยู่ในลัทธิแรกกำเนิดก็ไม่ใช่ว่าใครๆ จะสามารถเอาพลังระเบียบมาหลอมเหมือนเป็นลูกกลอนโอสถได้ เพราะสิ่งนี้ล้ำค่าหายากและพบเจอน้อยเกินไป

หลินสวินกล่าวว่า “ผู้อาวุโส นับแต่นี้ต่อไปไม่ว่าพลังระเบียบที่ได้มาเท่าไร พวกเรามาแบ่งเท่าๆ กัน”

หลีเจินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าบรรลุขั้นสูงสุดในระดับนี้นานแล้ว พลังระเบียบทั่วไปไม่มีประโยชน์ต่อข้านานแล้ว แต่กับเจ้า สิ่งที่ขาดมากที่สุดในตอนนี้ก็คือสมบัติเช่นนี้”

ขณะเอ่ยเขาหยิบกระดูกสัตว์ชิ้นหนึ่งที่สัตว์ระเบียบตัวนั้นทิ้งไว้ขึ้นมาจากบนพื้น แล้วเก็บเอาไว้ “นี่คือหลักฐานการสังหารสัตว์ระเบียบ อันดับของสี่หอบรรพจารย์ ในช่วงเวลาสุดท้ายก็จะแบ่งตามจำนวนของหลักฐานพวกนี้”

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธอีก เก็บระเบียบระดับปฐพีขั้นหกชิ้นนั้นเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ตูม!

ทันใดนั้นระเบียบนิพพานก็หลอมระเบียบระดับปฐพีขั้นหกนี้จนเกลี้ยง กลายเป็นพลังต้นกำเนิดระเบียบที่บริสุทธิ์ที่สุด

‘อู๋ซวง เก็บไว้ดีๆ ห้ามแอบกินเด็ดขาด’

หลินสวินสื่อจิตกำชับ

อู๋ซวงในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแลบลิ้นจิ้มลิ้มออกมา กล่าวอย่างว่าง่าย ‘นายท่านวางใจได้ ซวงเอ๋อร์ไม่มีทางทำเสียการใหญ่เพื่อฝึกปราณของนายท่านเด็ดขาด’

“ผู้อาวุโส ข้าตั้งใจว่าจะหาสถานที่ที่ปักหลักได้สักแห่งก่อน และใช้ที่นั่นเป็นฐานที่มั่น จากนั้นค่อยวางแผนล่าสัตว์ระเบียบให้มากขึ้น”

หลินสวินกล่าวใคร่ครวญ

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นผู้ตัดสินใจได้เลย” หลีเจินกล่าว

หลินสวินเงียบไปพลางพยักหน้าน้อยๆ ก่อนมุ่งไปข้างหน้า

เขาเคยตรวจสอบข้อมูลแดนมารสิบทิศอย่างละเอียดแล้ว

นอกจากแดนมารปฐพีและแดนมารสวรรค์ แปดแดนมารอื่นๆ ล้วนไพศาลยิ่งยวด เปรียบเสมือนโลกขนาดใหญ่แปดแห่ง ทว่าแต่ละแห่งกลับสามารถเชื่อมถึงกันได้

มีเพียงแดนมารปฐพีและแดนมารสวรรค์เท่านั้นที่พิเศษที่สุด

เก้าปีให้หลัง ปราการที่กั้นระหว่างแปดแดนมารสู่แดนมารปฐพีจึงจะหายไป ถึงตอนนั้นผู้เข้าร่วมศึกทั้งหมดจึงจะเข้าไปในนั้นได้

ส่วนปราการระหว่างแดนมารปฐพีสู่แดนมารสวรรค์จะเปิดในอีกหนึ่งปีให้หลัง และเวลาที่เปิดมีเพียงสามเดือน

เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาของศึกมรรคอมตะทั้งหมดก็เป็นสิบปีเศษ

ในตอนนี้พวกหลินสวินเพิ่งเข้าแดนมารสิบทิศ ก็หมายความว่าในช่วงเก้าปีต่อจากนี้ ขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะทำได้เพียงแข่งขันกันในแปดแดนมารเท่านั้น

แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางอยู่แต่ในแดนมารแห่งเดียวได้

จากจุดนี้ก็สามารถคาดเดาได้ว่าอันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่สัตว์ระเบียบ แต่กลับมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นศัตรูจากขุมอำนาจใหญ่ที่เหลือเหล่านั้น

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินไม่ได้หวั่นเกรงอะไรนัก

เรื่องสำคัญเร่งด่วนในตอนนี้คือเขาตั้งใจจะหาฐานที่มั่นสักแห่ง ล่าสัตว์ระเบียบให้มากขึ้น แน่นอนว่าพลังระเบียบที่รวบรวมได้ยิ่งมากก็ยิ่งดี

เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ เพียงแค่ต้องรวบรวมพลังระเบียบก็สามารถใช้ระเบียบนิพพานหลอมให้เป็นพลังต้นกำเนิดระเบียบที่บริสุทธิ์ที่สุดได้แล้ว

นี่ก็หมายความว่าเขาไม่ต้องเสียเวลาก็สามารถหลอมพลังระเบียบที่รวมรวมได้ สามารถมองพวกมันเป็น ‘ยาวิเศษโอสถวิญญาณ’ ที่จำเป็นต่อการเลื่อนขั้นพลังปราณได้แล้ว!

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น ไม่เพียงต้องกำราบพลังระเบียบ ยังต้องเปลืองสมองและเสียเวลาหลอมพลังระเบียบอีกด้วย ย่อมแตกต่างไม่อาจเทียบกับหลินสวินได้

สวบ! สวบ!

กลางฟ้าดินเวิ้งว้าง หลินสวินและหลีเจินเคลื่อนไหวด้วยกัน ความเร็วไม่เร็วนัก ภูผาธาราด้านล่างปรากฏละลานตาดุจเงาแสงระยิบระยับ

ตลอดทางทั้งคู่สังเกตเห็นเงาร่างของสัตว์ระเบียบอย่างต่อเนื่อง น้อยหน่อยก็หนึ่งตัว มากหน่อยก็มีสามถึงห้าตัว พลังที่มีอยู่ต่างไม่ถือว่าแข็งแกร่ง ล้วนถูกทั้งคู่ร่วมมือกันสังหารทั้งสิ้น

สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้เป็นเพียงระเบียบระดับปฐพี ที่สูงสุดก็มีเพียงแค่ระดับปฐพีขั้นเจ็ดเท่านั้น

อีกทั้งพลังระเบียบเหล่านี้แทบจะมีข้อบกพร่องและชำรุดเกือบทั้งหมด ไม่ได้สมบูรณ์แบบ

หากผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเอาพลังระเบียบเช่นนี้มาหยั่งรู้ ใช้ควบรวมกฎเกณฑ์อมตะ ย่อมเท่ากับเดินบนทางตันสายหนึ่ง ไม่เพียงพลังที่ครอบครองจะมีจำกัด ชั่วชีวิตนี้ล้วนไม่มีหวังจะทะลวงขั้นดับเทพได้

กล่าวโดยสรุปแล้วมีเพียงพลังระเบียบสมบูรณ์เท่านั้นจึงจะสามารถค้ำจุนเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งได้ และเหมาะให้ขั้นอายุขัยเทียมฟ้านำไปฝึกปราณ

ทว่าพลังระเบียบที่บกพร่องเหล่านี้ สำหรับขั้นดับเทพกลับเป็นของเสริมแข็งแกร่งที่ยากจะพานพบสักครั้ง มีประโยชน์ต่อการเลื่อนพลังปราณอย่างน่าตกใจ

พลังระเบียบที่รวบรวมมาได้ตลอดทางนี้ ล้วนถูกหลินสวินเก็บเข้าในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ใช้ระเบียบนิพพานควบหลอม จากนั้นจึงมอบให้อู๋ซวงดูแลรักษา

สองชั่วยามให้หลัง

ภูเขาใหญ่สีดำที่ทอดเรียงรายสลับสูงต่ำ มองสุดสายตาไม่เห็นจุดสิ้นสุดแถบหนึ่งปรากฏสู่ครรลองสายตาของหลินสวิน

“ผู้อาวุโส นี่คงจะเป็น ‘เทือกเขาหมื่นห้วย’ ของแดนมารบูรพา และเป็นหนึ่งสามสถานที่สุดอันตรายในแดนมารใบนี้”

แววตาหลินสวินทอประกาย “ตามข่าวลือ ที่นี่มีสัตว์ป่าระดับสวรรค์กระจายตัวอยู่ไม่น้อย!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท