Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2845 อานุภาพของเตากระบี่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2845 อานุภาพของเตากระบี่

ตอนที่ 2845 อานุภาพของเตากระบี่

เทือกเขาหมื่นห้วย

ลือกันว่าเทือกเขามีความกว้างใหญ่นับล้านลี้ โกรกธารใหญ่เหวลึกมากมายในนั้นเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดสัตว์ระเบียบในแดนมารสิบทิศ

ในศึกมรรคอมตะที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมมักจะจับกลุ่มรวมตัวกัน ถึงจะกล้าเข้ามาในเทือกเขาสุดอันตรายแถบนี้

สาเหตุเป็นเพราะในเทือกเขานี้มีสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์ปรากฏตัว!

สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพสัมบูรณ์ อานุภาพของสัตว์ปีศาจระดับปฐพีไม่ร้ายแรงนัก แต่สัตว์ปีศาจระดับสวรรค์กลับไม่เหมือนกันแล้ว

สัตว์ปีศาจระดับนี้ครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์ อานุภาพกร้าวแกร่งน่าสะพรึง สามารถคุกคามขั้นดับเทพได้

ทว่าสำหรับหลินสวิน เทือกเขาหมื่นห้วยนี้กลับเป็นสถานที่เคี่ยวกรำชั้นเลิศแห่งหนึ่ง!

กฎเกณฑ์ฟ้าดินของแดนมารสิบทิศพิเศษถึงขีดสุด

ที่โลกใบนี้มีพลังระเบียบของอารยธรรมยุคสมัยมากมาย ก็เพราะในกฎเกณฑ์ฟ้าดินนี้มีพลังรองรับและหล่อหลอมใหม่ที่น่าตกใจ

ภูผาธาราทั้งแถบอาจถูกทำลายลงเพียงชั่วดีดนิ้ว แต่ก็จะฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิมภายในไม่กี่วันสั้นๆ!

หากไม่ใช่เพราะแบบนี้ สถานที่อันตรายอย่างเทือกเขาหมื่นห้วย ต่อให้ปกคลุมพื้นที่นับล้านลี้ แต่เกรงว่าก็คงไม่อาจคงอยู่สืบมาอย่างสมบูรณ์ในศึกมรรคอมตะครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมาได้

อันที่จริงสัตว์ระเบียบที่กระจายตัวอยู่ในแดนมารสิบทิศก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ทุกๆ สามพันปี ภูผาธาราสรรพสิ่งในแดนมารสิบทิศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่สุดขีด และจะให้กำเนิดสัตว์ระเบียบมากมาย

เช่นเดียวกับสี่ฤดูกาลหมุนเวียน วัฏจักรโคจรวนซ้ำ

เหมือนอย่างตอนนี้ เทือกเขาหมื่นห้วยที่หลินสวินมองเห็นในตอนนี้แตกต่างจากเทือกเขาหมื่นห้วยในอดีตโดยสิ้นเชิง

เสมือนทั่วทั้งแดนมารสิบทิศมีวิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นี่น่าเหลือเชื่อยิ่ง

ทว่าหลินสวินมาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อค้นหานัยเร้นลับกฎเกณฑ์ฟ้าดินของแดนมารสิบทิศ

จุดประสงค์ของเขาง่ายดายยิ่ง ล่าสัตว์ปีศาจ รวบรวมพลังระเบียบ เลื่อนพลังปราณของตน

หมู่เขาซ้อนเรียงราย ทอดสลับดุจไร้จุดสิ้นสุด หมอกควันขมุกขมัวปกคลุมเหนือเทือกเขาหมื่นห้วย สามารถได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจลอยมาจากส่วนลึกของเทือกเขาเป็นครั้งคราว เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจนั่นเผยพลังเกรี้ยวกราดและเยียบเย็น ทำให้คนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่หนาว

ชิ้ง!

ในมือหลีเจินมีดาบศึกสีดำที่มืดมนไร้ประกายเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย เงาร่างสูงกำยำดุจภูเขาคละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเคร่งขรึม

ใกล้จะเข้าสู่เทือกเขาหมื่นห้วยแล้ว ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นดับเทพสัมบูรณ์อย่างเขายังไม่กล้าประมาทเช่นกัน

หลินสวินยืนกลางอากาศ กำลังจับจ้องสภาพโดยรวมของเทือกเขาแห่งนี้ ในสายตานักสลักลายมรรคอย่างเขา ทิวทัศน์ของเทือกเขาหมื่นห้วยต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

จากทิศทางของเทือกเขา การเปลี่ยนแปลงของกระแสอากาศ และบรรยากาศที่สะท้อนอยู่ในหมู่เขา ล้วนสามารถคาดเดาปริศนาและนัยเร้นลับได้มากมายหลากหลาย

ครู่ใหญ่ให้หลัง

“ผู้อาวุโส ไปทางนี้”

หลินสวินขยับตัว พุ่งปราดไปยังทิศทางหนึ่ง

หลีเจินอึ้งไป คล้ายประหลาดใจยิ่ง อดกล่าวไม่ได้ “ในทิศทางนี้ไอชั่วร้ายพลุ่งพล่าน พลังระเบียบที่เต็มเปี่ยมกลางฟ้าดินปะทุสุดขีด รุนแรงกว่าทิศทางอื่นมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย ไอสังหารแฝงทั่วทิศ ภัยร้ายยากหยั่งถึง…”

เขากำลังเอ่ยเตือนหลินสวิน

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ยิ่งเป็นสถานที่อันตรายเช่นนี้ จึงจะสามารถล่าสัตว์ระเบียบระดับสวรรค์ได้มาก ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”

หลีเจินไม่ได้เอ่ยเตือนอีก

ก่อนหน้านี้ยามอยู่ลัทธิแรกกำเนิด หลินสวินก็ขึ้นชื่อเรื่องกระทำการแข็งกร้าว กล้าหาญเกินใคร กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำมาโดยตลอด

แต่บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงมีเขาในวันนี้

ตูม! ตูม! ตูม!

ทั้งคู่เข้าสู่เทือกเขาหมื่นห้วย เคลื่อนที่มุ่งหน้าได้ไม่ทันไร ส่วนลึกของเทือกเขาที่ดำทะมึนแถบ ในหมอกมืดอบอวลมีเสียงดังอึงอลสะเทือนฟ้าดินเป็นระลอกๆ ภูผาธาราในนั้นล้วนเสมือนกำลังสั่นสะเทือน

จากนั้นนัยน์ตาเย็นเยียบเป็นคู่ๆ กลางหมอกมืดที่อบอวลก็เบิกขึ้น บ้างแดงฉาน บ้างเขียวมรกต บ้างลุกโชนดุจดวงอาทิตย์ บ้างก็ขาวประกายดุจเงิน…

เบียดเสียดแน่นขนัด มีมากกว่าร้อย!

ขณะเดียวกันพลังระเบียบปะปนที่น่าสะพรึงหอบม้วนฟ้าดินแถบนี้ประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด ไอสังหารเกรี้ยวกราดที่แผ่คลุ้งออกมาสะเทือนเมฆลมแปดทิศ

“ฝูงสัตว์ปีศาจ! หนี!”

หลีเจินหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ เตรียมจะล่าถอยในทันที

แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินไม่เพียงไม่ถอย ตรงข้ามจิตต่อสู้กลับพลุ่งพล่าน กล่าวด้วยนัยน์ตาทอประกาย “ผู้อาวุโสแค่ชมดูเฉยๆ ก็พอ!”

ขณะพูดเขาก็พุ่งไปข้างหน้าแล้ว

เงาร่างสูงโปร่งปรากฏวงแหวนเทพอมตะ มีรูปจำลองเจตจำนงมโหฬารหาใดเทียบนั่งประทับอยู่ในนั้น ขับให้ทั้งตัวเขาดุจดั่งเทพมาร

หลีเจินอึ้งค้างไปก่อน จากนั้นมุมปากก็กระตุกแรงๆ “เจ้าหนูนี่…”

ตูม!

หมอกมืดที่ตลบอบอวลไกลๆ แตกระเบิดรุนแรง เงาร่างสัตว์ระเบียบหลายตัวพุ่งออกมา บ้างมหึมาดุจภูเขา ทั่วตัวปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดแดงฉานเย็นเยียบ บ้างมีปีกกระดูก ทั่วร่างรายล้อมด้วยสายฟ้า บ้างรูปร่างคล้ายเสือสิงห์ ควบคุมเพลิงลม บ้าง…

ทันทีที่สัตว์ระเบียบนับร้อยปรากฏตัวก็พุ่งเข้ามาด้วยอานุภาพปกคลุมฟ้าดิน พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากแต่ละตัวล้วนน่าสะพรึงถึงขั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพใจสะท้าน

กลับเห็นหลินสวินไม่ถอยแต่รุกเข้าหา เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา

วู้ม!

กลิ่นอายกาลเวลาทที่แวววาวเป็นสายๆ แทรกสอดอยู่ในแสงมรรคไพศาล หลั่งไหลออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

พริบตานั้นภูผาธาราแถบนี้ดุจดั่งถูกส่องสว่าง!

หลีเจินยังเผยแววตกตะลึงออกมาอย่างอดไม่ได้

ชิ้ง!

จากนั้นเสียงครวญกระบี่กังวานใสสายหนึ่งดังสะท้อนฟ้าดิน ก็เห็นกระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งปราดออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งฉับพลัน เคลื่อนขวางกลางห้วงอากาศ

ฟ้าดินดุจดั่งหยุดนิ่ง ชะงักไปชั่วอึดใจ

เงาร่างเบียดเสียดเต็มฟ้าดินของสัตว์ระเบียบนับร้อยตัวนั่นเสมือนลวดลายบนภาพนิ่งไม่มีผิด

และเมื่อกระบี่มรรคเล่มนี้กวาดผ่าน

ตูม!

ฟ้าดินที่เหมือนภาพนิ่งราวถูกกรีดขาด เงาร่างสัตว์ระเบียบที่เต็มแน่นอยู่ในนั้นราวกับหญ้าป่าถูกทำลาย แต่ละตัวถูกบดขยี้อย่างไร้ปรานี ร่างกายล้วนแตกระเบิด แขนขาลอยคว้าง เลือดสดสาดกระเซ็นดุจน้ำตก โลหิตแดงฉานราวกับน้ำหมึกชุ่มโชกย้อมฟ้าดินแถบนั้น

ปึงๆๆ!

เสียงระเบิดติดต่อกันดุจดั่งประทัดดังสะเทือนจนหูแทบดับ พาให้อกสั่นขวัญแขวน

พริบตาเดียว

ฝูงสัตว์ปีศาจถูกโจมตีสาหัส!

ภาพความตายอันนองเลือดนั่นก็เหมือนดอกไม้ไฟ้ที่เบ่งบานอยู่เบื้องหน้าแบบปุบปับ ทำเอาหลีเจินนัยน์ตาหดรัด สภาวะจิตสะเทือนไหวรุนแรงเช่นกัน ใบหน้าเย็นชากร้าวแกร่งปรากฏแววสะท้านสะเทือนที่ควบคุมไม่อยู่เสี้ยวหนึ่ง

นี่คือพลังที่ขั้นดับเทพขั้นต้นจะมีได้หรือ!?

กระบี่นี้ที่หลินสวินใช้ออกมา แทบจะทำลายความรู้ความเข้าใจทั้งหมดของหลีเจิน

เมื่อเก้าปีก่อนในการต่อสู้ของหลินสวินกับผู้ดูแลอันดับหนึ่งของหอแรกนภาจงหลีเจ๋อ หลีเจินเองก็เห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด พลังต่อสู้ที่หลินสวินในตอนนั้นสำแดงออกมาเรียกได้ว่าเย้ยฟ้าแล้ว

แต่เทียบกับตอนนี้ พลังต่อสู้ของหลินสวินต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

‘ในเก้าปีนี้ที่ถูกกักบริเวณ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหมอนี่กันแน่’ หลีเจินกังขาในใจ

เวลานี้หลินสวินรู้สึกเพียงจิตใจเบิกบาน เลือดลมพลุ่งพล่าน!

ตลอดเก้าปีเขาทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมด ใช้ประทับผนึกเวลาหลอมเหล็กเทพพลังแม่เหล็ก และหลอมพลังกาลเวลาเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงราวถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก

บอกได้เพียงคำเดียวว่าแข็งแกร่ง!

พลังกาลเวลาที่มันรองรับไว้ ยามปลดปล่อยโดยใช้อภินิหารหยุดเวลาช่วยเสริม ความน่าสะพรึงของอานุภาพที่เกิดขึ้นถึงขั้นอยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินโดยสิ้นเชิง

ผสานอภินิหารหยุดเวลาเข้าไปในกระบี่มรรค สำแดงโดยใช้อานุภาพมรรคกระบี่ ก็เท่ากับว่าในชั่วพริบตานี้มีอานุภาพผนึกคู่ต่อสู้และสังหารอีกฝ่ายได้ในเวลาเดียวกัน!

กล่าวโดยสรุปคือ ชิงสังหารศัตรูในพริบตาเดียว!

ก็เหมือนสัตว์ระเบียบนับร้อยตัวก่อนหน้านี้ หากใช้มรรควิถีในตัวหลินสวินไปต่อสู้ เกรงว่าต้องต่อสู้ดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ อย่างน้อยก็มีสัตว์ระเบียบสามสิบตัวถูกสังหารตายคาที่ สัตว์ระเบียบตัวอื่นๆ ก็บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก!

“โฮก!”

เสียงคำรามที่เจือความเดือดดาลดังขึ้น

สัตว์ระเบียบที่เหลืออยู่เหล่านั้นแต่ละตัวราวกับบ้าคลั่ง พุ่งโถมเข้าใส่หลินสวิน

จำนวนยังคงเรียกได้ว่ามหาศาลดังเดิม อานุภาพน่าสะพรึง

แต่หลินสวินไม่คิดปะทะกับพวกมันตรงๆ

เขาใช้วิธีเดิม ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ผสานอภินิหารหยุดเวลา ก่อนฟันหนึ่งกระบี่ออกไปอีกครั้ง

ด้วยมรรควิถีของเขาในเวลานี้สามารถสำแดงอภินิหารหยุดเวลาได้สิบครั้ง

ตอนนี้เพิ่งใช้เป็นครั้งที่สอง เสียพลังราวๆ สองส่วนเพียงเท่านั้น

ตูม!

ภาพคุ้นตาปรากฏขึ้นอีกครั้ง การเข่นฆ่านองเลือดสะท้อนกลางฟ้าดิน

ในครั้งนี้สัตว์ระเบียบมากกว่าห้าสิบตัวถูกสังหาร เพราะพวกมันได้รับบาดเจ็บรุนแรงในการโจมตีก่อนหน้านี้ ยามเผชิญหน้าการโจมตีครั้งที่สองย่อมต้านไม่อยู่สักนิด

ละอองเลือดสาดกระเซ็น สัตว์ปีศาจคำรามสะเทือนฟ้า ภูผาธาราระเนระนาดทั้งแถบ

สัตว์ระเบียบยี่สิบกว่าตัวที่เหลืออยู่ล้วนร่างกายแหว่งวิ่น พวกมันเสมือนสัมผัสได้ถึงความตายอันน่าสะพรึง เริ่มหนีกระเจิดกระเจิงทั่วสี่ทิศ

ในครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ใช้อภินิหารหยุดเวลาแล้ว พุ่งโถมไปข้างหน้า

สัตว์ระเบียบเหล่านั้นล้วนบาดเจ็บแล้ว ถูกฆ่าจนขวัญผวา สำหรับหลินสวินก็เหมือนแกะอ้วนพีรอถูกเชือดทั้งฝูง มีหรือจะปล่อยให้พวกมันหนีไปทั้งอย่างนี้

เขาใช้ร่างแยกมหามรรคทั้งหมดไปไล่ล่าสัตว์ระเบียบเหล่านี้

หลีเจินที่จิตใจสะท้านสะเทือนตอบสนองในทันทีเช่นกัน เคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศเริ่มเข้าต่อสู้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

นอกจากสัตว์ระเบียบห้าตัวที่หนีไปแล้ว สัตว์ระเบียบอีกเก้าสิบเก้าตัวที่เหลือล้วนถูกสังหารตายคาที่

ภูผาธาราถูกสีเลือดย้อมแดงฉาน พังถล่มทรุดทลาย

หลีเจินมองดูภาพเช่นนี้แล้วอดเหม่อลอยไปครู่หนึ่งไม่ได้

เขาเป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์ มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลา ลองถามใจตัวเองดูว่าหากเปลี่ยนเป็นเขาเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ปีศาจเช่นนี้ จะต้องหลบหลีกพวกมัน ล่าถอยในทันทีแน่นอน

แต่หลินสวินไม่ได้ทำเช่นนี้

เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อ ฝูงสัตว์ปีศาจมากกว่าร้อยตัวก็ถูกเขาโจมตีแตกพ่าย ซากศพเกลื่อนภูเขา!

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หลีเจินคงไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง

ในสนามรบเวลานี้ หลินสวินกำลังเก็บรวบรวมพลังระเบียบที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด สีหน้าเจือแววยินดี เสมือนนายพรานที่ได้ผลเก็บเกี่ยวเป็นกอบเป็นกำ

หลีเจินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ข่มความตกใจภายในใจเอาไว้ เริ่มรวบรวมกระดูกปีศาจที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบ นี่เป็นเครื่องยืนยันการล่าสัตว์ระเบียบ

‘หากสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ ถึงตอนสุดท้ายผลงานที่เจ้าหมอนี่ล่ามาได้คนเดียว ล้วนสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่เข้าร่วมศึกมรรคครั้งนี้ได้เลยกระมัง’

ในหัวหลีเจินผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ทำเอาตัวเองยังตกใจ

“น่าเสียดาย พลังระเบียบระดับปฐพีทั้งหมดนี้ ระดับสูงสุดก็แค่ระดับปฐพีขั้นหกเท่านั้น ที่เหลือส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกระดับปฐพีขั้นสาม”

ไม่ไกลนักหลินสวินรวบรวมพลังระเบียบทั้งหมดเสร็จแล้วและเดินมาทางนี้ สีหน้ามีทั้งแววยินดี แต่ก็มีแววเศร้าใจเสี้ยวหนึ่ง

เพราะแม้ผลเก็บเกี่ยวจะมาก แต่ล้วนเป็นพลังระเบียบระดับต่ำ ทำให้หลินสวินอดเสียดายอยู่บ้างไม่ได้

มุมปากหลีเจินกระตุกคราหนึ่ง ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้รับทรัพย์หลังศึกล้นหลามเช่นนี้ เกรงว่าคงดีใจแทบคลั่งนานแล้วกระมัง

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท