ตอนที่ 2851 เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก
ช่วงที่หลินสวินถูกล้อมวันที่สอง
ผู้เข้าร่วมศึกยี่สิบห้าคนจากยักษ์ใหญ่อมตะห้าตระกูลอย่างตระกูลฝู ตระกูลฉี ตระกูลมู่ ตระกูลจู่ ตระกูลชือเร่งเดินทางมารวมพลกับพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน
ชั่วขณะเดียวกำลังคนของพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไกลออกไปทั้งสี่คนจากลัทธิฌานเดิมตั้งใจจะรออยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือน แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เลือกล่าถอยอย่างชาญฉลาดยิ่งยวด
พวกเขารู้ดียิ่ง ต่อให้มีโอกาสโจมตีสังหารหลินสวิน ด้วยพลังของพวกเขาสี่คนก็ไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้สักนิด
หยวนฉางเทียนที่ซ่อนตัวลอบสังเกตในเงามือมาตลอดอดขมวดคิ้วไม่ได้
นี่คือตัวแปรอย่างแรก ทำให้เขาคิดไม่ถึงสักนิดว่าหวังเจวี๋ยฮ่วนถึงกับร้ายกาจเช่นนี้ รวมผู้เข้าร่วมศึกทั้งหมดจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะมารวมตัวกันที่นี่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดเร่งเดินทางมา เกรงว่าก็ต้องตัดสินใจเลือกทางเดียวกับคนจากลัทธิฌาน
ดังคาด วันที่ห้าที่หลินสวินถูกล้อม หลังจากผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดห้าคนโดยมีบุตรเทพชางฝูเฟิงเป็นผู้นำเดินทางมาถึง พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่นานนักก็หมุนตัวจากไปอีกครั้ง
หยวนฉางเทียนพอจะเดาความคิดของชางฝูเฟิงได้เลาๆ ไม่ใช่สู้ไม่ไหว แต่ไม่อยากไปแย่งชิงกับพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเพราะหลินสวินเพียงคนเดียว
เพราะเมื่อแย่งชิง ก็หมายความว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งได้สูง
หยวนฉางเทียนรู้ดียิ่ง เหตุที่คนอย่างพวกชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ย และจี้ซานไห่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็น่าจะเหมือนกับเขา…
เพื่อช่วงชิงศุภโชคยิ่งใหญ่ที่สุดที่ถือกำเนิดในแดนมารสิบทิศ ศุภโชคที่ว่านี้เป็นไปได้สูงยิ่งว่าอาจเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบระดับเทพ!
และศุภโชคนี้ก็อยู่ที่แดนมารสวรรค์!
แต่ใครต่างก็รู้ดี หากอยากไปยังแดนมารสวรรค์มีแต่ต้องรอสิบปีให้หลังเท่านั้น
นี่ก็หมายความว่าก่อนจะไปแดนมารสวรรค์ บุตรเทพและธิดาเทพอย่างพวกชางฝูเฟิงไม่มีทางทำเรื่องตัดกำลังตนเองโดยเด็ดขาด
และไม่มีทางเสี่ยงอันตรายเพราะเรื่องนี้เช่นกัน
ตรงข้ามกับผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน เป้าหมายล้วนชัดเจนยิ่ง นั่นคือมาเพื่อจัดการหลินสวิน ฉะนั้นจึงยกโขยงรวมขบวนกันทันทีที่ศึกมรรคอมตะครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเช่นนี้
“พวกเราก็ไปเหมือนกัน”
หยวนฉางเทียนแววตาทอประกาย ทำการตัดสินใจ
“ไปหรือ”
เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงไม่เต็มใจอยู่บ้าง “ไม่รอดูหน่อยหรือว่าหลินสวินนั่นถูกฆ่าตายอย่างไร”
หยวนฉางเทียนขมวดคิ้วกล่าว “พวกเราเป็นตัวแทนของลัทธิแรกกำเนิด เจ้าทั้งสองอย่าลืมสิว่าการล่าสัตว์ระเบียบสะสมคะแนนการต่อสู้ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องหลักของพวกเรา ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าคิดว่าแม้หลินสวินจะรอดชีวิตไปจากแดนมารสิบทิศ ยังจะสามารถรอดชีวิตกลับลัทธิแรกกำเนิดอีกกระนั้นหรือ”
กล่าวพลางเขาหมุนตัวจากไป
เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงรีบตามไปทันที
…
“ผู้อาวุโส”
วันที่เจ็ดที่ถูกขัง หลินสวินลืมตาขึ้นมาจากการนั่งสมาธิ “ประเดี๋ยวข้าจะออกไปสังหารศัตรู ท่านแค่รออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
หลีเจินอึ้งไป “ไม่ต้องให้ข้าช่วยเหลือหรือ”
“ไม่ต้อง”
หลินสวินหยัดตัวขึ้นยิ้มกล่าวว่า “อย่างมากก็แค่หนีเข้าผนึกนี้อีกก็สิ้นเรื่อง”
ด้วยการควบคุมประทับผนึกเวลาของเขาในปัจจุบัน สามารถยืนหยัดได้สูงสุดครึ่งเดือน เทียบกับจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่สามารถวางผนึกนี้ได้เนิ่นนานไม่ได้
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เจ้าหมอนี่คล้ายจะมีการเคลื่อนไหวแล้ว”
ไกลออกไปพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกผนึกมาโดยตลอดเริ่มปั่นป่วน ล้วนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหลินสวิน
“ดูท่าเขาใกล้จะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว”
หวังเจวี๋ยฮ่วนหยัดตัวลุกขึ้น มือซ้ายถือกระบี่โบราณลายสน มือขวากำมุกอสนีกาลเวลา นัยน์ตาเย็นเยียบ “ทุกคน เตรียมพร้อมต่อสู้ให้ดี!”
สามสิบหกคนที่เหลือในที่นี้ล้วนหยัดตัวขึ้น ตั้งท่าพร้อมสู้
“ทำให้ทุกคนรอนานแล้ว”
หลินสวินเดินออกมาจากประทับผนึกกาลเวลา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยล่อง แสงมรรคมหาศาลอาบชโลมเงาร่างสูงโปร่งของเขาไว้ภายใน
“เขาถึงกับเดินออกมาเช่นนี้เลยหรือ”
คนไม่น้อยล้วนอึ้งไป รู้สึกว่าการกระทำนี้ของหลินสวินเหมือนมาตายเปล่าชัดๆ
แม้แต่หวังเจวี๋ยฮ่วนยังแปลกใจระลอกหนึ่ง กล่าวว่า “ทำไม เจ้าไม่คิดจะหดหัวในกระดองต่อแล้วหรือ”
หลินสวินเดินขึ้นไปข้างหน้าพลางยิ้มกล่าว “ปากเจ้าวอนดีจริงๆ”
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล จากนั้นเงาร่างหลินสวินพุ่งกระโจนไปข้างหน้าตามไปติดๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนจึงยอมเชื่อในที่สุดว่าหลินสวินไม่ได้วางมาดข่มขวัญ หากแต่ตั้งใจสู้ศึกเป็นตายจริงๆ
“ฆ่า!”
พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนที่หลายวันมานี้สั่งสมความเดือดดาลจุกอกนานแล้ว เวลานี้ล้วนใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ตูม!
สมบัติและวิชามรรคแต่ละชนิดเคลื่อนขวางทะยานขึ้น เบียดเสียดแน่นขนัดเต็มฟ้าดิน พุ่งกระหน่ำเข้าใส่หลินสวินราวกระแสน้ำเชี่ยว ฟ้าดินล้วนถูกส่องสว่างจนเจิดจ้าพราวตาสุดขีด
นี่น่าสะพรึงเกินไป
ขั้นดับเทพสัมบูรณ์สามสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน กำลังพลขนาดนั้นรวมตัวกัน เสมือนจะทลายจักรวาลตรงๆ ทำให้สรรพสิ่งในโลกล้วนถูกทำลายล้าง
กลับเห็นหลินสวินไม่เบี่ยงหลบ ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสำแดงอภินิหารประตูเนรเทศ
ตูม!
ชั่วพริบตาประตูที่มีอาณาเขตหมื่นจั้งปรากฏขึ้น ดุจดั่งปากใหญ่เปื้อนเลือดที่กลืนกินสัตว์ยักษ์ การโจมตีและสมบัติทั้งมวลล้วนถูกกลืนกินไปกว่าครึ่งตรงๆ
“ถอย!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนที่เคยเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักให้กับประตูเนรเทศมาก่อนส่งเสียงตะโกนลั่น ใช้สมบัติลับที่สามารถต้านทานพลังกาลเวลาพลางถอยหลีกออกไปไกลๆ
พวกเขาทั้งโกรธทั้งตกใจ
หลินสวินเพิ่งจะก้าวออกมาก็ใช้อภินิหารน่าสะพรึงระดับนี้ทันที เหมือนเป็นบ้าไปแล้วชัดๆ
แต่ยังดีที่พวกเขาเตรียมตัวมาแต่แรก จึงไม่ได้เกิดการบาดเจ็บล้มตายใดๆ
“หลินสวิน พลังเช่นนี้ไม่มีผลกับพวกข้าแล้ว!”
บริเวณไกลโพ้นหวังเจวี๋ยฮ่วนตะโกนลั่น
“มีผล”
ขณะหลินสวินเอ่ยพูด ประตูที่เดิมมีรัศมีหมื่นจั้งหดเล็กลงไม่รู้กี่เท่าตัว กลายเป็นจุดแสงเล็กๆ เวียนวนอยู่บนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
สวบ!
เขาประคองเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งไปข้างหน้า เงาร่างพริบไหว พริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง
“ตาย!”
คนผู้นี้ตอบสนองรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังรับมือยากเป็นที่สุด ใช้ไพ่ตายตรงๆ
วู้ม!
ยันต์มรรคสีดำลึกลับชิ้นหนึ่งระเบิดกระจายกลางห้วงอากาศทันที ปลดปล่อยกระแสทำลายล้างที่เกินกว่าจินตนาการออกมา
หลินสวินยกเตากระบี่กระแทกลงไปเต็มแรง ทันใดนั้นกระแสทำลายล้างนี้ก็อันตรธานหายไปอย่างประหลาด ราวกับถูกปากกลืนกิน
นี่ย่อมเป็นผลลัพธ์มหัศจรรย์ของประตูเนรเทศ
เก้าปีที่ปิดด่านในลัทธิแรกกำเนิด หลินสวินหลอมประตูเนรเทศจนถึงขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนานแล้ว ยามมีขนาดใหญ่สามารถปกคลุมท้องฟ้าและแผ่นดิน ยามขนาดเล็กก็สามารถกลายเป็นเงาแสงสายหนึ่งได้
แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อานุภาพล้วนเหมือนกัน!
ที่วิเศษอัศจรรย์ที่สุดคือ ยิ่งประตูเนรเทศเล็กเท่าไร ระยะเวลาคงอยู่ก็ยิ่งยาวนานขึ้น เหมือนอย่างเวลานี้ ประตูเนรเทศดุจดั่งเงาแสงเสี้ยวหนึ่ง สามารถคงอยู่ได้นานถึงครึ่งชั่วยาม!
“แย่แล้ว!”
คนผู้นั้นที่ถูกหลินสวินหมายหัวหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รีบเบี่ยงหลบ
แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบลงมา ภายใต้ความจนหนทาง คนผู้นี้ใช้หอกศึกในมือมาต้านทาน
ตูม!
ภาพการปะทะที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ก็เห็นว่าเมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งร่วงลงมา หอกศึกในมือคนผู้นี้พลันถูกประตูเนรเทศกลืนกินทันที จากนั้นทั้งตัวเขาก็ถูกกลืนหายเข้าไปในนั้นด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่ง ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนก็เหมือนคนผู้นี้ระเหยหายไปกลางอากาศในครู่เดียว
ภาพแปลกพิสดารนี้ทำเอาคนอื่นๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
“ทุกคนใช้สมบัติกาลเวลาฆ่าศัตรู!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนมองเบาะแสออกแล้ว ส่งเสียงตะโกนลั่น
ตูม!
เขาพุ่งไปข้างหน้า ใช้มุกอสนีกาลเวลากระแทกกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เสียงสนั่นอึงอลสะเทือนโสตจนหูแทบดับดังก้องขึ้นทันที พลังกาลเวลาบ้าคลั่งแผ่กว้างม้วนตลบ
พลังมุกอสนีกาลเวลาสามารถต้านทานอานุภาพของประตูเนรเทศได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
คนอื่นๆ ล้วนเห็นภาพนี้ชัดเจน จิตใจฮึกเหิม พุ่งกรูเข้าใส่หลินสวิน
กระนั้นยามพวกเขาล้อมกรอบเข้ามา ประตูเนรเทศบนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันขยายรัศมีออกเป็นร้อยจั้งในทันที เมื่อหลินสวินพุ่งไปข้างหน้าก็กลืนกินการโจมตีทั้งหมดราวกับกลืนกินฟ้าดิน
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือพลังดึงรั้งอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นพร้อมประตูเนรเทศ แม้ว่าคนมากมายจะใช้สมบัติลับกาลเวลาเข้าต้าน ไม่ได้ถูกหอบม้วนเข้าไปในนั้น แต่เงาร่างก็ยังซวนเซระลอกหนึ่ง
นี่จึงถูกหลินสวินคว้าโอกาสไว้ได้!
กายมรรคทั้งห้าพุ่งทะยานออกไปเต็มแรง กระจายตัวพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้
พรูด!
ผู้เข้าร่วมศึกที่หลบไม่ทันคนหนึ่งร่างกายแตกระเบิด ถูกกายมรรคไม้เขียวใช้พลังแข็งแกร่งที่สุดสังหาร ละอองเลือดสาดกระเซ็น
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งกายมรรคอีกสี่ร่างอย่างดินเหลือง วารีดำ ไม้เขียว และทองขาวก็โจมตีศัตรูตายอนาถไปสองคน บาดเจ็บสาหัสสองคน!
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ชีวิตและความตายถูกขีดเส้นแบ่งกั้นในช่วงเวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว
และในยามนี้หลินสวินย่อขนาดประตูเนรเทศหดเล็กลงเป็นเงาแสงสายหนึ่งอีกครั้ง ยังคงอยู่บนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดังเดิม เมื่อเขาพุ่งโจมตี ศัตรูเลี่ยงหลบไม่ทันล้วนอันตรธานหายไปกลางอากาศในบัดดล
ถูกประตูเนรเทศกลืนกินอีกแล้ว!
“ฆ่า!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนไอสังหารล้นทะลัก บุกนำหน้าเป็นคนแรก มุกอสนีกาลเวลากะพริบแสงน่าสะพรึง
กระนั้นยามเขาและเหล่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ กรูเข้ามา หลินสวินขยายประตูเนรเทศเป็นรัศมีร้อยจั้งอีกครั้ง อานุภาพที่เกิดขึ้นก็พุ่งกระฉูดรุนแรงเช่นกัน…
ด้วยสภาวะจิตของหวังเจวี๋ยฮ่วน ยามเห็นภาพนี้ก็โกรธจนแทบเต้น ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ
แต่ถึงเขาจะเดือดดาลแค่ไหนก็ไม่อาจไม่หลบพ้นเช่นกัน
เพราะพลังของมุกอสนีกาลเวลา แม้ว่าจะสามารถต้านทานประตูเนรเทศได้ แต่กลับเกิดพลังเชื่อมโยงมหาศาลต่อตัวเขา
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ถูกพลังประตูเนรเทศพุ่งโจมตีจนเงาร่างซวนเซอีกครั้ง และกายมรรคทั้งห้าก็สบโอกาสพุ่งทะยานขึ้นไป
ตูม โครม!
เสียงอึงอลสะเทือนฟ้าดินดังกึกก้อง ในครั้งนี้มีสามคนที่ถูกสังหารอีก
แต่ละคนล้วนเป็นคนระดับปลายยอด เป็นพวกร้ายกาจในขั้นดับเทพสัมบูรณ์ อยู่ที่โลกภายนอกเป็นคนใหญ่คนโตที่สามารถดูแลเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งได้
แต่ยามนี้กลับถูกหลินสวินใช้อภินิหารประตูเนรเทศโจมตีสังหารอย่างต่อเนื่อง
นี่กระตุ้นจนพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนจวนเจียนจะเป็นบ้า อัดอั้นจนอยากกระอักเลือด
พวกเขายังไม่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้ที่แปลกพิสดารเช่นนี้มาก่อน อภินิหารพรสวรรค์ที่เกี่วข้องกับกาลเวลาทำให้พวกเขาถึงกับไร้แรงปัดป้อง!
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป
หลีเจินที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยังมองจนปากอ้าตาค้างไประลอกหนึ่ง จิตใจพลุ่งพล่าน พลังอภินิหารระดับนี้ออกจะเย้ยฟ้าเกินไปแล้วกระมัง
แต่เขาไม่รู้ว่าในการปิดด่านเก้าปีนั้น เพื่อจะศึกษาพลังในประตูเนรเทศ หลินสวินควบคุมอภินิหารนี้จนถึงขั้นช่ำชอง ทะยานสู่ปลายยอดนานแล้ว
เปลี่ยนแปลงเล็กใหญ่ เป็นไปดั่งใจนึก!
ตูมโครม! ตูมโครม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ภูผาธาราบริเวณใกล้เคียงล้วนกลายเป็นเถ้าธุลี แผ่นดินใหญ่จ่อมจม ห้วงอากาศล้วนปั่นป่วนโดยสมบูรณ์
กระแสพลังอันน่าสะพรึงหอบม้วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ดุจดั่งมหาเคราะห์วันสิ้นโลกร่วงมาเยือน
ก็เห็นว่าในสนามรบแม้หลินสวินจะตัวคนเดียว แต่กลับปรากฏมาดอาละวาดเคลื่อนขวาง ไร้ใครทัดเทียม ทุกครั้งที่ศัตรูจะเข้ามาล้อมกรอบ เป็นต้องถูกเขาใช้ประตูเนรเทศที่ขยายใหญ่ร้อยจั้งทลายการโจมตี
และทุกครั้งในเวลานี้จะมีคนหลบไม่ทัน ถูกหลินสวินและร่างแยกทั้งห้าของเขาฉวยโอกาสสังหาร
เพียงครู่เดียวเท่านั้น
ทางฝั่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะมีคนร่วงหล่นสิบสองคนแล้ว
ในนั้นมีเจ็ดคนถูกหอบม้วนเข้าไปในประตูเนรเทศ!
…………………..