Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2856 ทวนมรกตชำระโลก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2856 ทวนมรกตชำระโลก

ตอนที่ 2856 ทวนมรกตชำระโลก

ในช่วงหกปีนี้ตั้งแต่เข้าสู่แดนมารสิบทิศ หลีเจินเพิ่งเคยเจอทัพสัตว์ปีศาจที่มีจำนวนมหาศาลเช่นนี้เป็นครั้งแรก

แผ่ครอบฟ้าดิน

หอบม้วนภูผาธารา!

นี่ไม่เหมือนทัพสัตว์ปีศาจทั่วไป แต่เหมือนพลังระเบียบแน่นขนัดนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้วยกัน สร้างความวิบัติแก่โลกมนุษย์ด้วยอานุภาพบดบังท้องฟ้าและแผ่นดิน

ตูมโครม!

ผืนดินสั่นโคลง ภูผาธาราพังถล่มเป็นลูกๆ กลิ่นอายระเบียบอันน่าสะพรึงกำลังลุกลามเข้ามาทางนี้ด้วยความรวดเร็วสุดขีด

หลีเจินเพิ่งเตรียมจะเอ่ยเตือน หลินสวินที่กำลังนั่งสมาธิก็หยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้ว นัยน์ตาเจือแววนิ่งขรึมเสี้ยวหนึ่งเช่นกัน “ผู้อาวุโส ถอยเร็ว”

ขณะเอ่ยพูดก็เคลื่อนไหวกลางห้วงอากาศไป พุ่งโฉบไปยังบริเวณไกลโพ้นกับหลีเจินแล้ว

เมื่อมองจากมุมสูงหลินสวินและหลีเจินยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ กลางฟ้าดินไกลโพ้นนั่น เงาร่างสัตว์ระเบียบกำลังวิ่งอาละวาดประหนึ่งลมกระโชกสีดำ มีจำนวนนับหมื่น ทุกที่ที่กวาดผ่าน สรรพสิ่งกลางฟ้าดินก็เหมือนถูกบีบแหลก ภาพระเนระนาดเกลื่อนกล่น

หลินสวินและหลีเจินไม่กล้าประมาท ถอยหลบประกายคมของพวกมันไปอยู่ไกลๆ

ที่ทำให้ทั้งคู่ล้วนแปลกใจคือทัพสัตว์ปีศาจมหึมานั่นไม่ได้พุ่งตรงมาทางพวกเขา หากแต่วิ่งตะบึงจากฝั่งตะวันออกไปยังทิศตะวันตกตลอดทาง

ตูมโครม!

ใต้เวิ้งฟ้าเป็นนกปีศาจเบียดเสียดแน่นขนัด บนแผ่นดินเป็นสัตว์ปีศาจนับไม่หวาดไม่ไหว เหยียบย่ำภูผาธาราพังทลาย ฉีกแหวกท้องนภา วิ่งทะยานผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้สายตาของหลินสวินและหลีเจิน

“นี่พวกมันจะไปไหน”

หลินสวินขมวดคิ้ว ตกใจอยู่บ้าง

ในจิตรับรู้ของเขา ทัพสัตว์ปีศาจมหึมานี้น่าจะมีจำนวนหลายหมื่นตัว มากกว่าเก้าส่วนในนั้นเป็นสัตว์ระเบียบระดับปฐพี มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นสัตว์ระเบียบระดับสวรรค์

หลีเจินกล่าว “ลือกันว่าก่อนที่ปราการที่เชื่อมสู่แดนมารปฐพีจะเปิดออก สัตว์ระเบียบที่กระจายตัวอยู่ตามแปดแดนมารแห่งนี้ล้วนจะรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ และรวมตัวกันเป็นฝูงมุ่งหน้าสู่ ‘หุบเหวมารปฐพี’”

หลินสวินอึ้งไป และฉุกคิดขึ้นมาในทันทีว่าแดนมารปฐพีนั่นตั้งอยู่ในส่วนลึกสุดของหุบเหวมารปฐพี!

“สัตว์ระเบียบเหล่านี้ใช้การกลืนกินและดูดซับพลังระเบียบมาวิวัฒน์ความแข็งแกร่งของตน ยิ่งพลังระเบียบที่กลืนกินมากเท่าไร ก็สามารถพัฒนาได้แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และใต้หุบเหวมารปฐพีนั่นก็มีพลังระเบียบที่ยากจะจินตนาการเอาไว้”

หลีเจินกล่าว “สัตว์ระเบียบที่กลายเป็นทัพสัตว์ปีศาจนั่นจะต้องสัมผัสได้แล้วว่าปราการของแดนมารปฐพีเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงเร่งมุ่งหน้าไปยังหุบเหวมารปฐพีในทันที”

“ในศึกมรรคอมตะที่ผ่านมาก็เคยเกิดเรื่องทำนองนี้เช่นกัน หากข้าเดาไม่ผิด ในสามปีต่อจากนี้ทัพสัตว์ปีศาจแบบเดียวกันจะปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ”

นัยน์ตาหลินสวินวาววับ “แต่ก็มีข่าวลือบอกว่าใต้หุบเหวมารปฐพีมีราชันสัตว์ระเบียบอาศัยอยู่ และเป็นเพราะได้ยินเสียงร้องเรียกของราชันสัตว์ระเบียบ จึงดึงดูดสัตว์ระเบียบนับไม่ถ้วนให้มุ่งหน้ามา”

“และสุดท้ายสัตว์ปีศาจที่มาถึงหุบเหวมารปฐพีเหล่านี้ล้วนจะถูกราชันสัตว์ระเบียบกินเป็นอาหาร ราชันสัตว์ระเบียบทำเช่นนี้ก็เพื่อสะสมพลังให้มากพอจะเข้าสู่แดนมารปฐพี”

“มีเพียงเข้าสู่แดนมารปฐพีเท่านั้น ราชันสัตว์ระเบียบจึงจะสามารถพัฒนาพลังของตนเองได้”

เมื่อได้ยินหลีเจินก็พยักหน้าน้อยๆ “มีข่าวลือเช่นนี้จริงๆ ที่สามารถยืนยันได้คือในแดนมารปฐพีมีราชันสัตว์ระเบียบอาศัยอยู่จริง พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่มีอยู่ในตัวมันสมบูรณ์ไม่บกพร่อง แตกต่างจากสัตว์ระเบียบตัวอื่นๆ โดยสิ้นเชิง”

หลินสวินทอดสายตามองไปไกลๆ ทันใดนั้นก็ยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโส สัตว์ระเบียบมากมายขนาดนี้ คงไม่อาจปล่อยให้พวกมันวิ่งตัวปลิวใต้จมูกพวกเราเช่นนี้แล้ว”

ทัพสัตว์ปีศาจล้นหลามนั่นจวนจะหายลับไปในฟ้าดินไกลๆ ทางทิศตะวันตกแล้ว

“ขอเพียงไม่ได้ปะทะกับทัพสัตว์ปีศาจซึ่งหน้า ก็สามารถฉวยโอกาสจับปลาช่วงน้ำขุ่นได้”

หลีเจินก็กระเหี้ยนกระหือรือเช่นกัน

“ไป ไล่ตามไป”

หลินสวินพุ่งไปไกลๆ ทันที

ก็เป็นตอนนี้เองที่หลีเจินตระหนักขึ้นมาได้ ว่าในช่วงปิดด่านห้าวันมรรควิถีของหลินสวินทะลวงขั้นอย่างเงียบๆ แล้ว!

ขั้นดับเทพขั้นปลาย!

แม้จะมั่นใจนานแล้วว่าหลินสวินทะลวงขั้นได้ไม่เกิดอุปสรรคอะไร แต่ยามได้เห็นทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง ในใจหลีเจินยังคงอดรู้สึกสะเทือนไหวไม่ได้

เลื่อนจากขั้นดับเทพขั้นต้นสู่ขั้นดับเทพขั้นปลายอย่างต่อเนื่องในหกปีเศษ!

ความเร็วในการทะลวงขั้นเช่นนี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันใครจะเทียบได้

ตูมโครม! ตูมโครม!

ไกลออกไปทัพสัตว์ปีศาจหอบม้วนภูผาธารา ฟ้าดินสั่นโคลง

หลินสวินและหลีเจินค่อยๆ ไล่ตามไปจากด้านหลัง

เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาลงมือ จู่ๆ ทางฝั่งทัพสัตว์ปีศาจอีกด้านหนึ่งก็มีแสงวิจิตรสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมา ดุจดั่งละอองควันคลุมเครือ แผ่กว้างกลางห้วงอากาศกะทันหัน

พรูดๆๆ!

เสียงทึบหนักระลอกหนึ่งดังขึ้น สัตว์ระเบียบสามสิบกว่าตัวที่ถูกแสงวิจิตรสีเขียวปกคลุม ร่างกายล้วนประหนึ่งถูกแผดเผา กลายเป็นเถ้าธุลีลอยคลุ้งในพริบตา

สวบ!

จู่ๆ แสงวิจิตรสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งปราดออกมาอีก เสมือนตาข่ายใหญ่ที่หว่านลงมา แผดเผาสัตว์ระเบียบยี่สิบกว่าตัวอีกครั้ง”ฮณ๊ฯดฯฌซ,

ที่น่าสะพรึงที่สุดคือสัตว์ระเบียบเหล่านี้ตระหนักได้ถึงอันตรายและโจมตีกลับแล้วแท้ๆ แต่ยามปะทะกับแสงวิจิตรสีเขียวนั่นก็เหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ถูกแผดเผาราบคาบในพริบตา

ภาพอหังการไร้ทัดเทียมนี้ทำเอาหลินสวินและหลีเจินนัยน์ตาหดรัด หนาวสะท้านในใจ

และเวลานี้หลินสวินมองเห็นชัดเจนในที่สุด ผู้ที่ปลดปล่อยแสงวิจิตรสีเขียวคือสตรีนางหนึ่ง

นางรูปร่างสูงระหง อาภรณ์เรียบง่ายตัวโคร่ง ผมดำลู่ระเอว ดวงหน้าขาวเนียนเกลี้ยงเกลา งดงามดุจกล้วยไม้กลางหุบเขาลึก โดดเด่นเหนือโลกีย์

เป็นจี้ซานไห่นั่นเอง!

นางในเวลานี้มือถือทวนยาวสีเขียวแปดจั้งเล่มหนึ่ง ตัวทวนแวววาวโปร่งแสงเจือสีเขียวอ่อน เมื่อนางโบกขยับ คมทวนก็จะปลดปล่อยแสงวิจิตรสีเขียวออกมา เบาหวิวดั่งละอองควัน แต่กลับเต็มไปด้วยอานุภาพแผดเผาที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขต ความตายของสัตว์ระเบียบเหล่านั้นก่อนหน้านี้ก็เกิดจากฝีมือของนาง

“ทวนมรกตชำระโลกของตระกูลจี้!”

หลีเจินกล่าวด้วยความตกใจ

ทวนมรกตชำระโลก!

ศาสตราเทพในตำนานชิ้นหนึ่งของเผ่าเทพตระกูลจี้ มีอานุภาพเผาสังหารจักรวาล ชำระล้างโลกหล้า ผู้ที่สร้างศาสตราเทพเช่นนี้คือบุคคลชั้นสูงผู้หนึ่งที่ไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ นามว่า ‘จักรพรรดิศาสตรา’

ยามจักรพรรดิศาสตราหลอมอาวุธชิ้นนี้ ได้เสาะค้นทั่วหล้า รวบรวมแก่นแท้เพลิงศักดิ์สิทธิ์แสนดวง และหลอมด้วยเหล็กเทพทองเซียนนับไม่ถ้วนในเตาหลอม ระหว่างหลอมอาวุธนี้ผ่านมหาเคราะห์ต้องห้ามแปลกประหลาดถึงเก้าครั้ง วันที่ศาสตราเสร็จสิ้นยิ่งยึดแย่งศุภโชคไปทั้งหมด

เล่าลือว่าอาวุธชิ้นนี้มีวิญญาณ ไม่อาจกำราบ มีเพียงผู้ที่ถูกมันยอมรับเท่านั้นจึงจะกลายเป็นเจ้านายของมันได้

และลือกันว่ายามจี้ซานไห่เพิ่งคลอด ทวนมรกตชำระโลกที่ถูกผนึกในเผ่าเทพตระกูลจี้ก็ส่งเสียงคำรามก้องโลก ทำลายผนึกในคราวเดียวและพุ่งมาหยุดอยู่ข้างกายจี้ซานไห่ ก่อนแปลงเป็นเส้นสีเขียวสายหนึ่งพันเกี่ยวรอบนิ้วก้อยของนางที่ยังแบเบาะ

นี่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนกล่าวขวัญอย่างสนุกปากมากที่สุด

ตอนที่หลินสวินศึกษาข้อมูลผู้เข้าร่วมศึกก่อนจะมาเข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ ก็เคยอ่านบันทึกเกี่ยวกับจี้ซานไห่และทวนมรกตชำระโลก

ตอนนั้นก็แปลกใจอยู่บ้างเช่นกัน

และตอนนี้ยามเห็นอานุภาพของทวนเล่มนี้ หลินสวินก็สะเทือนไหวไม่หยุด เพราะเขาสามารถสัมผัสถึงพลังแห่งกาลเวลาจากทวนมรกตชำระโลกเล่มนั้น!

‘สามารถทำให้หยวนฉางเทียน ชางฝูเฟิงยังต้องให้เกียรติสามส่วน ซ้ำในตัวยังมียอดสมบัติเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาดังคาด…’

หลินสวินคล้ายขบคิด

เขายังจำได้แววประหลาด ร้อนเร่า และกริ่งเกรงในสายตาหยวนฉางเทียน ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงจี้ซานไห่ได้

และเขาก็จำได้ว่ายามจี้ซานไห่ปรากฏตัวในลัทธิพ่อมด ก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในที่นั้นทันใด

ทั้งหมดนี้ล้วนสามารถยืนยันความไม่ธรรมดาของจี้ซานไห่ได้

“อยากแข่งกันสักหน่อยหรือไม่”

ขณะที่หลินสวินใคร่ครวญ จู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงราบเรียบกังวานสายหนึ่งดังขึ้น

พร้อมกันนั้นหลินสวินตระหนักได้ว่าสายตาของจี้ซานไห่ก็มองมายังตนจากไกลๆ เช่นกัน ดวงตาที่โตชี้ขึ้นแวววาวโปร่งแสงดุจดวงดารา

“แข่งอย่างไร”

หลินสวินเลิกคิ้ว

จี้ซานไห่โบกทวนมรกตชำระโลกชี้ไปที่ทัพสัตว์ปีศาจที่อยู่ไกลๆ แล้วกล่าว “เริ่มจากตอนนี้ไปจนถึงหุบเหวมารปฐพี ดูว่าสัตว์ระเบียบที่ใครล่ามากกว่ากัน ดูแค่จำนวน ไม่นับระดับขั้น ขอเพียงเจ้าชนะ ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งแก่เจ้า”

หลินสวินกล่าวอย่างสนใจอยู่บ้าง “ความลับหรือ”

“ถ้าอยากรู้ก็ชนะข้าให้ได้”

กล่าวพลางจี้ซานไห่ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ทวนยาวสีเขียวกวาดเคลื่อน เงาแสงสีเขียวท่วมฟ้าไหลเวียนดังฝันดุจมายา ทั้งยังคล้ายแสงระยิบระยับ สลัวรางราวบทกวี

ตูม!

ในฝูงสัตว์ปีศาจไกลๆ มีสัตว์ปีศาจร่างถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีไปสิบกว่าตัว

เงาร่างสูงระหงของจี้ซานไห่สาวเท้าก้าวออกไป ดูเหมือนช้าแต่ความจริงเร็วมาก พริบตาก็ไล่ตามทัพสัตว์ปีศาจทันแล้ว นางในยามต่อสู้บุคลิกโดดเด่น มีอานุภาพปกครองทั่วหล้า!

“เช่นนั้นข้าก็อยากดูนักว่าเจ้าจะบอกความลับแบบไหนให้ข้าฟัง”

แม้ว่าในใจจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดจี้ซานไห่จึงทำเช่นนี้ แต่ไม่อาจไม่พูด นี่ดึงดูดความสนใจของหลินสวินได้สำเร็จ เขาพลันยิ้มเจิดจ้า เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาแล้วสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า

ตูม!

มรรควิถีที่ทะลวงสู่ขั้นดับเทพขั้นปลายแล้วโคจรกึกก้อง อานุภาพทั้งตัวหลินสวินเปลี่ยนไปทันที เงาร่างสูงสง่ามีแสงมรรคไพศาลอบอวล แปลงเป็นหุบเหว คลุมเครือสุดหยั่ง

และเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ถูกเขาเรียกออกมาในทันที

มองจากไกลๆ เสมือนภูเขาเทพบรรพกาลลูกหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า กระแทกกลางทัพสัตว์ปีศาจนั่นอย่างจัง ทันใดนั้นร่างสัตว์ระเบียบตัวแล้วตัวเล่าแตกระเบิด แผ่นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดมหึมาหลุมหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

สังหารสัตว์ระเบียบยี่สิบเก้าตัวในการโจมตีเดียว!

ภาพอหังการนองเลือดนี้ทำเอาหลีเจินมองจนหนังตากระตุก หลินสวินในขั้นดับเทพขั้นปลาย พลังต่อสู้เปลี่ยนเป็นเย้ยฟ้ายิ่งกว่าเมื่อก่อนขึ้นทุกทีแล้ว

“ขั้นดับเทพขั้นปลายหรือ”

ในห้วงอากาศอีกด้านหนึ่ง จี้ซานไห่ก็เผยแววแปลกใจออกมาเสี้ยวหนึ่งเช่นกัน จากนั้นนางก็เก็บสายตา กวัดแกว่งทวนมรกตชำระโลกในมือคราหนึ่งแล้วพุ่งทะยานออกไป

หญิงงามราวหยก อานุภาพดุจสายรุ้ง!

ฝูงสัตว์ปีศาจล้นหลามนั่นวิ่งตะบึงกลางฟ้าดิน ไม่ว่าใครถูกพัดตกลงไปในนั้นเกรงว่าล้วนต้องประสบอันตรายถึงชีวิต

และเมื่อพบเจอการโจมตี สัตว์ระเบียบเหล่านี้ย่อมไม่ยอมให้ตัวเองถูกสังหาร พวกมันโทสะพวยพุ่ง พุ่งโจมตีกลับราวกับบ้าคลั่ง อานุภาพระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะกล้าเข้าไปปะทะตรงๆ ง่ายๆ แน่นอน

แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือจี้ซานไห่ กลับไม่มีใครกลัวเรื่องพวกนี้

ทัพสัตว์ปีศาจวิ่งตะบึงจากตะวันออกไปทางตะวันตก พวกเขาสองคนต่างอยู่ทิศเหนือใต้สองฝั่งของทัพสัตว์ปีศาจ ไล่ตามทัพสัตว์ปีศาจนี้และโจมตีไม่ขาดสาย

ชั่วขณะเดียวก็เห็นว่าในทัพสัตว์ปีศาจนั่นมีสัตว์ระเบียบถูกฆ่าเป็นพักๆ บ้างก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าธุลี บ้างก็ถูกกระแทกกลายเป็นเศษซาก เหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดตลอดทาง

หลีเจินที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังมาโดยตลอดไม่อาจมัวแต่สะท้านไหว ไล่ตามอยู่ข้างหลังคอยเก็บทรัพย์หลังศึกตลอดทางราวกับคนเก็บของ

“ฮ่าๆๆ หลีเจินเจ้าก็กลายเป็นคนทำงานต่ำต้อยไปตั้งแต่เมื่อไร”

ไม่นานนักเสียงหัวเราะลั่นสายหนึ่งก็ดังลอยมา เจือแววสัพยอก

เงาร่างของผู้เข้าร่วมศึกสามคนจากลัทธิวิญญาณอย่างผูซงจื่อ ถานหลิวอวิ๋น และเยวี่ยโหยวเฟิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียง ผู้ที่เอ่ยปากเย้าแหย่หลีเจินก็คือถานหลิวอวิ๋น

เขาและหลีเจินรู้จักกันตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ถือเป็นมิตรภาพที่ไม่ทะเลาะก็ไม่รู้จักกัน

“พูดพล่ามให้น้อยหน่อย คะแนนต่อสู้ที่จี้ซานไห่ล่าได้ หากลัทธิวิญญาณของพวกเจ้าไม่เอา ก็ยกให้ลัทธิแรกกำเนิดของข้าทั้งหมด”

หลีเจินแค่นเสียงเย็น การเก็บทรัพย์หลังศึกก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ แย่งทรัพย์หลังศึกที่จี้ซานไห่ล่ามาตลอดทางไปไม่น้อย

ถานหลิวอวิ๋นร้อนรนในทันที โกรธกรุ่นขุ่นเคือง “เจ้าเฒ่า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท