Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2863 สัมบูรณ์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2863 สัมบูรณ์

ตอนที่ 2863 สัมบูรณ์

หลีเจินเก็บระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้านั้นไปอย่างระมัดระวัง

ระเบียบระดับสวรรค์ที่สมบูรณ์เช่นนี้ สามารถค้ำจุนเผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นยอดตระกูลหนึ่งในน่านฟ้าที่เจ็ดได้แล้ว!

มูลค่ามหาศาลของมันทำให้หลีเจินยังเสียดายที่จะเอามาหลอม

ด้านหลินสวินกำลังหาทรัพย์หลังศึก

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดสามคนนั้นแล้ว กลับพบพลังระเบียบระดับสวรรค์ที่ยังไม่หลอมสามสิบกว่าสาย

คิดๆ ดูก็ใช่ ใครจะอยากหลอมพลังระเบียบพวกนี้ให้เร็วที่สุดเหมือนอย่างหลินสวิน

หลินสวินตัดสินใจจดจ่อกับการฝึกปราณ

สำหรับผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นแล้ว ในแดนมารปฐพีแห่งนี้มีวาสนาอันเป็นที่หมายปองมากมายกระจายอยู่

แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ ไม่ว่าวาสนาชิ้นไหนก็เทียบกับการยกระดับพลังปราณของตัวเองไม่ได้

อย่างการต่อสู้กับชางฝูเฟิงก่อนหน้านี้ ยามอีกฝ่ายใช้ไพ่ตายทั้งหมด ทำให้หลินสวินยังรู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่งดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ชางฝูเฟิงยังขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ว่าบุตรเทพอย่างเหวินเฉียวสุ่ยกับหยวนฉางเทียนย่อมไม่ด้อยกว่ากันเช่นกัน

“หลินสวิน ผู้เข้าร่วมศึกคราวนี้ล้วนมีแผนจะแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นในแดนมารสวรรค์ ข้าเองก็ไม่เว้น เจ้าล่ะ วางแผนจะทำเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่”

จู่ๆ หลีเจินก็เอ่ยถาม

หลินสวินครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ถ้าจังหวะเวลาเหมาะสมก็จะลองดู”

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเทียบกับแดนมารปฐพี แดนมารสวรรค์เป็นสถานที่ที่ลึกลับยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย อีกหนึ่งปีถึงจะเปิด มิหนำซ้ำสามเดือนหลังจากเปิดแดนนี้ก็จะปิดลงอีกครั้ง

แดนมารสวรรค์มีวาสนาและศุภโชคที่ใหญ่ที่สุดในแดนมารสิบทิศ

ลือกันว่าแดนนี้มี ‘พลังระเบียบระดับเทพ’ ของยุคสมัยมากมาย ในกลิ่นอายที่มีอยู่เต็มฟ้าดินนั้นยังมีนัยเร้นลับของระเบียบระดับเทพ

ที่นั่นจึงเหมาะให้ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพไปแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นที่สุด

ที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ ลือกันว่าผู้ที่แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นในแดนมารสวรรค์ทุกคน จะสัมผัสถึงจุดเปลี่ยนหนึ่งยามฝ่าด่านเคราะห์

จุดเปลี่ยนนี้ก็เกี่ยวข้องกับศุภโชคใหญ่ที่สุดในแดนมารสวรรค์!

ในอดีตมีผู้เข้าร่วมศึกมากมายทะลวงระดับแจ้งมรรคในแดนมารสวรรค์เพื่อสัมผัสถึงจุดเปลี่ยนนี้ และไปเสาะหาศุภโชคชิ้นใหญ่ที่สุดนั้น

และอันที่จริงมีคนทำสำเร็จไม่น้อย

แต่ในอดีตศุภโชคที่ปรากฏในแดนมารสวรรค์ล้วนแตกต่างกันไป บ้างเป็นโอสถเทพนิรันดร์ บ้างเป็นวิญญาณระเบียบ บ้างเป็นสมบัติมรรคศาสตราจิตที่อัศจรรย์ยากหยั่งถึงจำนวนหนึ่ง

และคราวนี้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะมีพลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์อุบัติขึ้น!

นี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกบุตรเทพน่านฟ้าที่เก้าอย่างหยวนฉางเทียน จี้ซานไห่ ชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ยเข้าร่วมศึกมรรคอมตะคราวนี้

เพราะระเบียบระดับเทพสำคัญมาก!

มันเกี่ยวโยงถึงนัยเร้นลับนิรันดร์ ทั้งยังมักถูกเรียกว่าเป็นระเบียบนิรันดร์ ในน่านฟ้าที่เก้า มีเพียงเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลที่ได้ครอบครองพลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์หนึ่งชนิด

เช่นเดียวกัน ในสี่หอบรรพจารย์ต่างก็มีพลังระเบียบระดับเทพหอละชนิด

ทว่าอย่างเผ่าเทพอมตะอีกยี่สิบสี่ตระกูลในน่านฟ้าที่เก้า แม้เคยมีบรรพชนเป็นระดับนิรันดร์ แต่พลังระเบียบในตระกูลกลับมีเพียงระเบียบระดับเทพที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งถูกเรียกว่าเป็นครึ่งระเบียบระดับเทพ

แค่คิดก็รู้ว่าถ้าศุภโชคชิ้นใหญ่สุดที่จะปรากฏในแดนมารสวรรค์คราวนี้ คือพลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์สายหนึ่ง เช่นนั้นจะน่าตกตะลึงเพียงไหน!

แน่นอนว่านี่เป็นแค่การสันนิษฐานของผู้คน

คราวนี้แดนมารสวรรค์จะให้กำเนิดระเบียบระดับเทพเช่นนี้ขึ้นจริงหรือไม่ ไม่มีใครกล้ามั่นใจ

แต่นี่ก็ยังไม่อาจขวางความปรารถนาของผู้คนที่ต้องการสิ่งนี้เช่นกัน

……

นอกแดนมารสิบทิศ

กลางฟ้าดาราอันกว้างใหญ่นั้น

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มาจากสี่หอบรรพจารย์กับสิบยักษ์ใหญ่อมตะต่างรออยู่ที่นี่มาเก้าปีแล้ว

แรกสุดพวกเขายังมีแก่ใจดื่มเหล้าสนทนากัน แต่เมื่อเวลาผันผ่าน แต่ละคนก็เริ่มหลับตานั่งสมาธิ

ทว่าพวกเขาก็จะตกใจอยู่เป็นช่วงๆ

สาเหตุก็เพราะทุกครั้งที่มีผู้เข้าร่วมศึกตายในแดนมารสิบทิศ จะถูกเฒ่าชราที่อยู่ที่นี่เหล่านี้รับรู้ได้ทันที

เช่นช่วงที่ศึกมรรคอมตะเพิ่งเริ่มต้น เหล่าเฒ่าชราจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะแต่ละคนต่างสีหน้าไม่น่าดู

เพราะตอนนั้นพวกเขารับรู้ได้ว่าผู้เข้าร่วมศึกจากขุมอำนาจของพวกเขา เกือบครึ่งหนึ่งตายที่แดนมารสิบทิศ!

เรื่องนี้ทำให้เฒ่าชราเหล่านี้ฮือฮา ตกตะลึงไม่หยุด

และจากเหตุนี้ ฟางเต้าผิงยังโต้เถียงกับคนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านี้อย่างดุเดือดรอบหนึ่ง

เพราะเฒ่าชราเหล่านี้ล้วนแน่ใจว่านี่เป็นฝีมือหลินสวิน จึงไม่ปิดบังความแค้นและไอสังหารที่มีต่อหลินสวินสักนิด

และในช่วงหลายปีหลังจากนั้น สถานการณ์ทำนองนี้ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

จนเมื่อสัมผัสถึงการตายของเฉาเป่ยโต้ว อวิ๋นเทียนหมิง ฟางเต้าผิงก็นิ่วหน้าขึ้นมา พอจะเดาอะไรได้กลายๆ แล้ว

และนี่ยังทำให้เฒ่าชราคนอื่นๆ เกิดความคิดต่างๆ ขึ้นมาเช่นกัน

แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่รุนแรงเท่ากับการสิ่งที่ปะทุขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

หลังจากรับรู้ว่าผู้เข้าร่วมศึกอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนตายยกทัพ เฒ่าชราจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่อยู่ที่นั่นต่างคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ละคนเดือดดาลยิ่ง โกรธจนเต้นเร่าๆ

ชิงอวิ๋นจากลัทธิวิญญาณ จู่เหวินเหิงจากลัทธิพ่อมด ชื่อเย่จากลัทธิฌานต่างก็ตกตะลึง

ผู้เข้าร่วมศึกห้าสิบคนตายยกทัพ ถ้านี่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินทั้งหมด เช่นนั้นพลังต่อสู้ของหลินสวินจะแข็งแกร่งปานไหน

ไม่เพียงแต่พวกเขา กระทั่งฟางเต้าผิงยังงุนงง ไม่อาจจินตนาการว่าหลินสวินทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกันแน่

แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้

และในวันนี้ การตายของผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดสามคนก็ทำให้สีหน้าของจู่เหวินเหิงก็อึมครึมลงไปเช่นกัน

“ศึกมรรคอมตะ สิ่งที่ประชันกันคืออันดับของสี่หอบรรพจารย์ แต่ไม่ได้ประชันว่าใครฆ่าคู่ต่อสู้ได้มากที่สุด ศึกมรรคอมตะในอดีตก็ไม่เคยเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มาก่อน!”

จู่เหวินเหิงเสียงต่ำลึก เผยความโกรธเคือง

เขาไม่ได้เอ่ยว่าจะแก้แค้น

แต่นี่กลับทำให้ในใจฟางเต้าผิงหนักอึ้ง

สิบยักษ์ใหญ่อมตะถูกยั่วโมโหมาเก้าปีกว่าแล้ว ตอนนี้ลัทธิพ่อมดยังถูกทำให้เดือดดาลอีก เมื่อหลินสวินรอดกลับมาจากแดนมารสิบทิศ เกรงว่าคงจะเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันบางอย่างไม่ได้!

“สุดท้ายบาดเจ็บล้มตายก็เลี่ยงได้ยากอยู่ดี ศึกมรรคอมตะในอดีตก็ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ตามกฎแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในแดนมารสิบทิศ สี่หอบรรพจารย์ล้วนไม่อาจเคลื่อนไหวเพื่อแก้แค้นได้”

จอมวิญญาณชิงอวิ๋นจากลัทธิวิญญาณเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าใครกล้าฝ่าฝืน เช่นนั้นก็ต้องเป็นศัตรูร่วมกันของหอบรรพจารย์อื่น”

“หึ!”

จู่เหวินเหิงส่งเสียงหยัน ไม่ได้พูดอะไรอีก

และตั้งแต่เริ่มจนจบ จอมมุนีชื่อเย่ก็ไม่พูดสักคำเช่นกัน

ชิงอวิ๋นกับฟางเต้าผิงสบตากัน หว่างคิ้วล้วนปรากฏแววกังวลอยู่รางๆ

……

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

วันที่สิบห้าที่ฝึกปราณในหุบเขา

หลินสวินตื่นจากการทำสมาธิ

พลังขับเคลื่อนทั้งร่างส่งเสียงโครมคราม เผยท่วงทำนองแห่งขั้นสัมบูรณ์

หลีเจินตาเป็นประกาย เอ่ยว่า “ไปถึงขั้นสัมบูรณ์แล้วหรือ”

เขาดันเหมือนจะตื่นเต้นกว่าตัวหลินสวินเองเสียอีก

หลินสวินยิ้มพยักหน้า

“เก้าปีกว่า ทะลวงมรรคจากขั้นดับเทพขั้นต้นมาถึงขั้นดับเทพสัมบูรณ์ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาข้าคงไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าบนโลกนี้มีใครสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้ด้วย”

หลีเจินทอดถอนใจ

ในใจหลินสวินเองก็เปี่ยมไปด้วยความปรีดาเช่นกัน

แต่เมื่อคำนวณพลังระเบียบที่เขาหลอมไป ก็รู้ว่าที่พลังปราณของเขาเลื่อนขั้นทะยานมาได้รวดเร็วเช่นนี้ เดิมทีก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

หลายปีมานี้พลังระเบียบระดับปฐพีที่เขาหลอมมีเกือบห้าร้อยสาย ส่วนพลังระเบียบระดับสวรรค์ที่หลอมก็มีแปดสิบสายเต็มๆ!

สำหรับขั้นดับเทพคนใดก็ตาม ขอแค่ครอบครองพลังระเบียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของหลินสวิน ล้วนสามารถทะลวงขั้นดับเทพสัมบูรณ์ได้นานแล้ว

นอกจากนี้จุดสำคัญก็อยู่ที่ระเบียบนิพพานอย่างที่ขาดไปไม่ได้

เมื่อมีการหลอมจากระเบียบนิพพาน ทำให้หลินสวินไม่ต้องหลอมเองสักนิด ก็สามารถดูดซับพลังต้นกำเนิดระเบียบที่บริสุทธิ์ที่สุดได้ เช่นนี้จึงส่งผลให้เขาสามารถพัฒนามรรควิถีของตนได้หลายครั้งในเวลาสั้นๆ เพียงเก้าปี

พูดได้ว่าปาฏิหาริย์เลื่อนขั้นเช่นนี้สามารถทำให้เป็นจริงได้แค่ในแดนมารสิบทิศแห่งนี้เท่านั้น

ในวันนั้นหลินสวินกับหลีเจินออกจากหุบเขาแห่งนี้ สำรวจในแดนมารปฐพีต่อ

อาจเป็นเพราะแดนนี้กว้างใหญ่เกินไป ในช่วงเวลาต่อมาพวกหลินสวินจึงไม่เจอผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นแต่อย่างใด

กระทั่งเดือนที่สามที่เข้าสู่แดนมารปฐพี หลินสวินกับหลีเจินจึงพบราชันสัตว์ระเบียบตัวหนึ่งในที่สุด

นั่นเป็นสัตว์ปีศาจเหมือนอสรพิษยักษ์ตัวหนึ่ง ร่างกายยาวเหยียดเหมือนทิวเขาสลับขึ้นลง มีเกล็ดเย็นเยียบฉายประกายยะเยือก ระหว่างหายใจเข้าออกดั่งวายุอสนี ก้องสะท้อนฟ้าดิน

พลังของสัตว์ปีศาจตัวนี้น่ากลัวหาใดเทียบ มีพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่เกี่ยวข้องกับวายุอสนี ขยับร่างเบาๆ ก็มีสายฟ้านับหมื่นพันฟาดลงมาจากฟ้า สายฟ้าแต่ละสายล้วนแปลงมาจากพลังระเบียบ พลังสังหารชวนตะลึง

หลินสวินกับหลีเจินร่วมมือกัน ใช้เวลาครึ่งเค่อถึงสังหารสัตว์ปีศาจนี้ และได้ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้ามา

คราวนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรหลีเจินล้วนไม่ยอมแล้ว

หลินสวินจึงทำได้เพียงรับพลังระเบียบนี้ไว้เอง

ทั้งสองหยุดพักครู่หนึ่งแล้วเดินทางต่อ

ช่วงนี้ในพื้นที่อื่นของแดนมารปฐพี คนอื่นๆ อย่างพวกเหวินเฉียวสุ่ยลัทธิฌาน ลัทธิวิญญาณอย่างพวกจี้ซานไห่ ลัทธิพ่อมดอย่างพวกชางฝูเฟิง หั่วเซียว รวมถึงหยวนฉางเทียนที่เคลื่อนไหวตามลำพังต่างก็ได้รับของเก็บเกี่ยว

บ้างล่าได้พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า

บ้างหาเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพที่บกพร่องเจอ

และบ้างก็เก็บได้โอสถเทพนิรันดร์艾琳小說

สำหรับใครก็ตาม แดนมารปฐพีก็คือคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ต่างทุ่มเทความคิดจิตใจทั้งหมดกับการเสาะหาวาสนา

ยังดีที่อาณาเขตแดนมารปฐพีกว้างใหญ่ พวกเขากระจายกันเคลื่อนไหวไปคนละที่ จึงน้อยนักที่จะบังเอิญเจอกัน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เหลืออีกไม่ถึงหนึ่งเดือนแดนมารสวรรค์ก็จะเปิดแล้ว

ในช่วงนี้หลินสวินล่าราชันสัตว์ระเบียบระดับสวรรค์ได้อีกหนึ่งตัว ได้รับเศษเสี้ยวพลังระเบียบระดับเทพมาอีกสามชิ้น

ส่วนโอสถเทพนิรันดร์ไม่พบสักชิ้น

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ก็เรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงแล้ว

ถ้ารวมกับระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่ชิงมาจากพวกชางฝูเฟิงในตอนแรก ตอนนี้หลินสวินกับหลีเจินได้ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสมบูรณ์มาแล้วสามสาย เศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพสามชิ้น!

หากอยู่ในโลกภายนอก นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด!

จากการแบ่งส่วน หลินสวินเอาระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าไปสองสาย กับเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพอีกหนึ่งชิ้น ส่วนหลีเจินได้ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหนึ่งสายและเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพสองชิ้น

“หืม?”

ในวันนี้ กลางทะเลเมฆเวิ้งว้างแห่งหนึ่ง

หลินสวินที่ทะยานอยู่ในนั้นคล้ายสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้าขึ้นทันควัน ก็พบว่าในส่วนลึกของทะเลเมฆคล้ายมีแสงม่วงสายหนึ่งฉายวาบแล้วหายไป

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท