เวิ้งฟ้าปั่นป่วน
การจู่โจมครั้งนี้มาเยือนอย่างกะทันหันเกินไป หลินสวินจึงถูกซุ่มโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
หลินสวินไม่ถึงกับโกรธเคืองเรื่องนี้
ในแดนมารสิบทิศ เรื่องซุ่มโจมตีและถูกซุ่มโจมตีเกิดขึ้นเป็นประจำ
เพียงแต่พอเห็นหลีเจินตกอยู่ในวงล้อมแน่นหนา หลินสวินกลับไม่โกรธไม่ได้
ตูม!
ในการต่อสู้ หลินสวินใช้กายมรรคทั้งห้าโดยไม่ลังเล คิดจะไปช่วยหลีเจิน
แต่ก็ในตอนนี้เอง เหวินเฉียวสุ่ยยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “สหายยุทธ์หลิน คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า”
เสียงเพิ่งดังขึ้น
ในบริเวณนั้นพลันมีเสาหินสีทองมหึมาต้นแล้วต้นเล่าพุ่งออกมาผนึกฟ้าดินไว้ เสาหินแต่ละต้นต่างมีลายมรรคลึกลับปกคลุม บ้างเป็นลายบุปผาปักษามัจฉาแมลง สุริยันจันทราดารา ทั้งยังมีหมื่นลักษณ์วัฏจักร กฎเกณฑ์ฟ้าดิน
เสาหินมีทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองต้น ก่อเป็นกระบวนผนึกอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงเข้าผนึกฟ้าดินแห่งนี้
ผนึกเทพกักฟ้า!
กระบวนผนึกระเบียบกระบวนหนึ่งของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวิน วิวัฒน์จากพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสมบูรณ์สายหนึ่ง ภายในมีกฎเกณฑ์กระบวนผนึกตามธรรมชาติ
ทันทีที่สำแดงกระบวนผนึกเช่นนี้ออกมา ต่อให้เป็นขั้นหลุดพ้นก็ยังถูกกักขัง หลุดออกไปได้ยากยิ่ง!
ตูม!
กระบวนผนึกเปล่งแสง เสาหินแต่ละต้นมีแสงสีทองพวยพุ่งผนึกฟ้ากักดิน กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินพลันถูกขัดขวาง ต่อให้โจมตีเต็มกำลังก็ทำได้เพียงเกิดคลื่นสะเทือนบนกระบวนผนึกนี้ ไม่สามารถทำลายได้ในช่วงสั้นๆ สักนิด
เห็นดังนี้หลินสวินสีหน้าเคร่งเครียด “ดูท่าพวกเจ้าจะวางแผนไว้นานแล้ว เตรียมตัวมาล่วงหน้า”
เหวินเฉียวสุ่ยยิ้มเอ่ย “จะรับมือสหายยุทธ์หลินก็ต้องเตรียมการล่วงหน้าอย่างรอบคอบ หาไม่แล้วจะล่มได้ง่ายๆ”
เขาดูสุขุมและมั่นใจในตัวเองมาก
แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในถ้อยคำกลับแสดงให้เห็นว่าเพื่อจัดการกับหลินสวินคราวนี้ บุตรเทพอย่างพวกเขาได้วางแผนเตรียมการมานานแล้ว เมื่อทุกอย่างพร้อมพรักจึงจะลงมือจู่โจมเช่นนี้
ตูม!
กายมรรคทั้งห้าพุ่งเข้ามา ลงมือพร้อมกับร่างต้นของหลินสวิน คิดจะรีบสู้รีบจบ กำราบเหวินเฉียวสุ่ยโดยสิ้นเชิง
แต่ใครจะคิดว่าเงาร่างของเหวินเฉียวสุ่ยระเบิดออกดังปังเหมือนฟองสบู่ หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินสวินพลันดวงตานิ่งขึง
“ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะของเหวินเฉียวสุ่ยดังขึ้นนอกผนึกเทพกักฟ้า “พี่หลิน นี่เป็นมรดกสูงสุดของตระกูลเหวินของข้า ‘ลักฟ้าแลกตะวัน’ เป็นนัยเร้นลับที่หยั่งรู้จากระเบียบระดับเทพที่แท้จริง อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เป็นระดับนิรันดร์ก็เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะถูกหลอก”
สายตาหลินสวินมองออกไปนอกผนึกเทพกักฟ้า ก็พบว่าเหวินเฉียวสุ่ยแต่งกายสีฟ้าทั้งชุด พูดจายิ้มแย้มเยือกเย็น ท่าทางมั่นใจว่ากำชัย
ส่วนอีกด้านหนึ่งหลีเจินบาดแผลเต็มตัว เลือดโชกไปทั้งร่าง
พุทธองค์สี่คนสีหน้าเคร่งขรึม แสงธรรมรอบกายพวยพุ่ง ขณะที่ลงมือไม่มีความปรานีสักนิด แต่ละคนล้วนอหังการดุดัน
ด้านหลีเจินแม้จะต่อสู้เต็มที่แต่ก็ทำได้แค่ต้านรับอย่างยากลำบาก
เห็นดังนี้ไอสังหารน่าตระหนกก็ผุดออกมาจากดวงตาดำของหลินนสวิน “ในเมื่อเป้าหมายของเจ้าคือข้า ทำไมยังต้องสร้างความลำบากให้ผู้อาวุโสลัทธิแรกกำเนิดของข้าด้วย”
“พี่หลินวางใจได้ ข้าคนแซ่เหวินไม่ฆ่าเขาหรอก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีแค้นต่อกัน เพียงแต่เกรงว่าตั้งแต่วันนี้ผู้อาวุโสหลีเจินผู้นี้จะต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าคนแซ่เหวินไปสักพักแล้ว”
เหวินเฉียวสุ่ยยิ้มเอ่ย
“เจ้าจะทำอะไร”
หลินสวินถาม ดวงตายิ่งเย็นชา
“ง่ายมาก อีกไม่นานแดนมารสวรรค์ก็จะเปิด ข้าหวังว่าสหายยุทธ์หลินจะช่วยข้าขัดขวางคู่แข่งบางคนยามไปชิงศุภโชคชิ้นใหญ่ที่สุดนั้น”
ขณะที่เหวินเฉียวสุ่ยพูดก็โบกมือเอ่ยว่า “ทุกท่าน เบามือเสียหน่อย อย่าให้ผู้อาวุโสหลีเจินบาดเจ็บสาหัสเกินไปนัก เช่นนี้แล้วเกรงว่าสหายยุทธ์หลินจะแค้นข้าเข้ากระดูกดำ”
ดังคาด พุทธองค์สี่คนนั้นเปลี่ยนวิธีต่อสู้ ขังแต่ไม่ฆ่า เริ่มเปลี่ยนเป็นยั้งมือไว้
นี่เป็นการให้โอกาสหลีเจินได้หายใจหายคอ
แต่เขาบาดเจ็บสาหัสไปหมดแล้ว เลือดสดโชกร่าง ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีทางมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้
“หลินสวิน เจ้าไม่ต้องสนใจข้า”
หลีเจินตะโกนลั่น
เขาเตรียมตัวตายแล้ว!
“ผู้อาวุโสหลีเจิน ข้าจะไม่ให้ท่านตาย” เหวินเฉียวสุ่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อให้ฆ่าตัวตายก็ไม่ได้”
เขาสะบัดแขนเสื้อ เจดีย์สมบัติหยกขาวที่ทอประกายสีสันสดใสหลังหนึ่งทะยานฟ้าขึ้นมา แผ่วงคลื่นแสงมรรคออกมานับไม่ถ้วน ชั่วพริบตาหลีเจินที่เดิมถูกปิดล้อม เงาร่างถูกกักไว้มั่น เจดีย์หยกขาวนั้นลอยอยู่เหนือศีรษะเขา พลังที่ปลดปล่อยออกมาทำให้เขาจะกระดิกนิ้วก็ยังทำไม่ได้!
“เป็นอย่างไร สหายยุทธ์หลินคิดดีหรือยัง”
สายตาเหวินเฉียวสุ่ยมองไปที่หลินสวินอีกครั้ง
หลินสวินเอ่ย “เอาชีวิตคนอื่นมาขู่ นี่ก็คือการกระทำของบุตรเทพอย่างเจ้าหรือ”
เหวินเฉียวสุ่ยส่ายหัวเอ่ยว่า “ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นข้าคนแซ่เหวินฆ่าไปเลยก็พอ ไม่จำเป็นต้องวางแผนมานานขนาดนี้สักนิด มีแต่เจ้าสหายยุทธ์หลินที่ต่างออกไป พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเตรียมพร้อมแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกเจ้าฆ่าตายยกกองทัพ ชางฝูเฟิงนิสัยใจคอดุร้ายรุนแรง ในบรรดาบุตรเทพน่านฟ้าที่เก้าก็เป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่เขากลับพ่ายแพ้เสียเปรียบครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือเจ้า”
เขาหยุดไปแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าไม่กล้าดูเบาเจ้าแต่อย่างใด คิดไปคิดมา สิ่งเดียวที่ควบคุมเจ้าได้ก็มีแต่ผู้อาวุโสหลีเจินคนนี้ จึงวางแผนนี้ออกมา”
“ทำไมเจ้าไม่ไปหาศิษย์พี่ข้าจิ่งจงเยวี่ยเล่า” หลินสวินเอ่ย
เหวินเฉียวสุ่ยแววตาเปลี่ยนเป็นชอบกล “เดิมทีข้าก็คิดจะทำแบบนี้ แต่ถ้าทำแบบนี้แม่นางซานไห่ไม่มีทางนิ่งดูดาย และข้าก็ชื่นชอบแม่นางซานไห่มาก ก็ทำได้เพียงล้มเลิกแผนนี้ไป”
หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เหวินเฉียวสุ่ยเตรียมตัวมาดีมากจริงๆ ทั้งยังรู้ด้วยว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ที่หลีเจิน ขอเพียงจับหลีเจินได้ก็จะบีบตนได้
นี่เป็นวิธีที่ฉลาดยิ่งวิธีหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนี้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวิชาลักฟ้าแลกตะวันหรือผนึกเทพกักฟ้า ตั้งแต่เริ่มจนจบเหวินเฉียวสุ่ยไม่คิดจะสู้กับตนซึ่งหน้าสักนิด
เป้าหมายเขาง่ายดายนัก บีบให้ตนรับใช้เขา!
“สหายยุทธ์หลิน แดนมารปฐพีแห่งนี้กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ต่อให้เจ้าถ่วงเวลาไปก็เปลืองแรงเปล่า เพราะขอเพียงผู้อาวุโสหลีเจินอยู่ในกำมือข้าก็ย่อมไม่มีตัวแปรอื่นเกิดขึ้นอีก”
เสียงเหวินเฉียวสุ่ยเรียบเรื่อย หว่างคิ้วเจือแววมั่นใจในตัวเองและโอหัง
หลินสวินพลันยิ้มออกมา “เช่นนั้นหรือ”
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงดังลั่น กระแทกเข้ากับเสาหินที่อบอวลด้วยแสงมรรคต้นหนึ่งอย่างจัง
“ไม่มีประโยชน์…”
เห็นดังนี้เหวินเฉียวสุ่ยกำลังจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา แต่คำพูดกลับจุกอยู่ที่ปาก เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที
เปรี๊ยะ!
เสาหินสีทองมหึมาสูงค้ำฟ้าต้นนั้นถึงกับถูกกระแทกจนแตกออก พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่ปกคลุมอยู่บนนั้นยังแตกกระเจิงไปด้วย
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เหวินเฉียวสุ่ยหน้าเปลี่ยนสี
ผนึกเทพกักฟ้าแปลงมาจากระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า อานุภาพไม่อาจหยั่งถึง เต็มไปด้วยลายมรรคผนึกตามธรรมชาติ สามารถกักขั้นหลุดพ้นได้!
แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินกระแทกเป็นโพรงหนึ่งอย่างง่ายดาย!
ภายใต้ความตื่นตระหนก เหวินเฉียวสุ่ยทำการตอบโต้ที่น่ากลัวยิ่งออกมา
การเคลื่อนไหวแรกของเขาไม่ใช่ขัดขวางหลินสวินที่กระโจนออกมา แต่หันหลังพุ่งตัวไปหาหลีเจิน หมายจะเอาชีวิตหลีเจินมาข่มขู่
ระยะห่างเพียงสิบจั้ง เหวินเฉียวสุ่ยมั่นใจว่าจะสามารถรวบตัวหลีเจินที่ถูกเจดีย์สมบัติผนึกอยู่ก่อน แล้วพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ทว่าก็เป็นตอนนี้เอง…
ทวนยาวสีเขียวเล่มหนึ่งพลันอุบัติขึ้นกลางอากาศ คมทวนแทงมาอย่างรุนแรงไร้สิ่งใดเทียบเทียมได้
เปรี๊ยะ!
เจดีย์สมบัติหยกขาวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะหลีเจินถูกทะลวงระเบิดกระจุย ปลิวว่อนคล้ายเศษกระดาษ
และพลังที่หลงเหลือจากคมทวนสีเขียวนั้นไม่ได้ลดลง ชักนำแสงแสบตาทะยานไปหาเหวินเฉียวสุ่ย
เหตุไม่คาดฝันเหนือคาดหมายนี้ทำให้เหวินเฉียวสุ่ยหน้าเปลี่ยนสีไปหมด ร้องเสียงหลงว่า “แม่นางซานไห่!?”
ตูม!
เขาโบกทวนศึกเก้าแดนในมือมาตั้งรับ แม้จะรับการทะลวงแทงนี้ไว้ได้ แต่ตัวเขากลับถูกซัดจนถอยหลังไปหลายก้าว กลิ่นอายทั้งร่างปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง
ขณะเดียวกันเงาร่างของจี้ซานไห่ก็ปรากฏขึ้นข้างกายหลีเจิน จับเขาไว้แล้วพาเขาพุ่งออกไปไกลๆ
ส่วนพุทธองค์สี่คนนั้น เดิมทีปิดล้อมหลีเจินมาตลอด แต่เมื่อพบเจอเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้กลับทันแค่หลบออกมา ได้แต่มองดูจี้ซานไห่บุกมาช่วยหลีเจินแล้วทะยานออกไปไกลอย่างรวดเร็วตาปริบๆ
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปแล้ว
ตั้งแต่หลินสวินทำลายผนึกจนจี้ซานไห่พุ่งออกมาช่วยคน แทบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
และเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ทำลายแผนของเหวินเฉียวสุ่ยลงโดยสิ้นเชิง ทำให้ความทุ่มเททั้งหมดของเขาสูญสิ้นไปทั้งหมด
“แม่นางซานไห่ เป็นเจ้าได้อย่างไร”
เหวินเฉียวสุ่ยไม่อาจเยือกเย็นได้อย่างก่อนหน้านี้ เต็มไปด้วยความฉงนใจ
“แล้วทำไมจะเป็นข้าไม่ได้”
จี้ซานไห่สีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยว่า “เอาคนมาข่มขู่คนอื่น เจ้าเหวินเฉียวสุ่ยช่างทำขายหน้าเผ่าเทพตระกูลเหวินของพวกเจ้าจริงๆ”
ตูม!
ห่างออกไปหลินสวินบุกมาแล้ว ไม่ปิดบังไอสังหารที่อยู่ในใจสักนิด
เหวินเฉียวสุ่ยเอาชีวิตของหลีเจินมาข่มขู่ แตะโดนขีดความอดทนของหลินสวินไปแล้ว
เงาร่างเขาเปล่งแสง อานุภาพดุจเทพไท้ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอวลไปด้วยแสงมรรคไพศาลเข้ากำราบสังหาร
ภายใต้การโจมตีนี้ เงาร่างเหวินเฉียวสุ่ยสลายไปเหมือนฟองสบู่อีกครั้ง ก่อนจะปรากฏขึ้นในที่ไกลลิบ เขาสีหน้าอึมครึม มองหลินสวินแล้วมองจี้ซานไห่ ก่อนถอนใจยาวเอ่ยว่า
“ที่แท้พวกเจ้าเป็นพันธมิตรกันอยู่ก่อนแล้ว ข้าล่ะคิดไม่ถึงว่าคนอย่างแม่นางซานไห่จะดันไปเกลือกกลั้วกับผู้สืบทอดคีรีดวงกมล นี่ถ้ารู้ไปถึงน่านฟ้าที่เก้าก็ไม่รู้ว่าผู้คนบนโลกจะคิดอย่างไร”
“ช่างเถอะ ในเมื่อแผนการล้มเหลวไปแล้ว ข้าคนแซ่เหวินก็ยอมแพ้ จะจากไปเอง”
เสียงยังดังก้องอยู่ แต่ตัวเขาเคลื่อนออกไปไกลแล้ว
พอบอกว่าจะไปก็ไป กระทั่งพุทธองค์ลัทธิฌานสี่คนนั้นยังไม่สน
หลินสวินกำลังจะไล่ตามไป จี้ซานไห่ก็เอ่ยห้ามว่า “ตามไม่ทันหรอก คนผู้นี้ครอบครองวิชาลับลักฟ้าแลกตะวันของเผ่าเทพตระกูลเหวิน ถ้าอยากหนีไปใครก็รั้งเขาไว้ไม่ได้”
หลินสวินนิ่วหน้า “ไม่มีทางจับตัวได้เลยหรือ”
จี้ซานไห่เอ่ย “วิชาลับเช่นนี้ประทับพลัง ‘โลกเทพสุญญา’ ระเบียบระดับเทพของเผ่าเทพตระกูลเหวินของพวกเขา ผู้ที่บรรลุระดับนิรันดร์จึงมองทะลุร่างจริงของเขา ทำลายวิชาลับได้ แต่ด้วยมรรควิถีของเหวินเฉียวสุ่ย ทุกครั้งที่ใช้ลักฟ้าแลกตะวัน มรรควิถีของเขาจะถูกพลังสะท้อนกลับ ใช้หลายครั้งเข้าจะธาตุไฟเข้าแทรก เหมือนเล่นกับไฟจนแผดเผาตัวเอง ดังนั้นถ้าไม่ใช่ช่วงสำคัญจริงๆ เขาก็ไม่กล้าใช้ง่ายๆ”
หลินสวินถึงกระจ่างแจ้ง
จากนั้นสายตาเขาก็มองไปยังพุทธองค์ลัทธิฌานสี่คนนั้น
เหวินเฉียวสุ่ยหนีไปคนเดียว แต่พุทธองค์สี่คนนี้กลับไม่ทำแบบนี้ ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ไม่กล้า
เพราะข้างหน้ามีหลินสวิน ข้างหลังมีจี้ซานไห่ ทำให้พวกเขาไม่มีทางหนีได้อยู่แล้ว!
แต่ต่อให้มาถึงขั้นนี้ สีหน้าของพุทธองค์สี่คนนี้ก็ยังสงบนิ่งและน่าเกรงขามเช่นเดิม ไม่เผยความกระวนกระวายใจสักนิด เห็นได้ว่าจิตใจหนักแน่น
หรือพูดได้ว่าพวกเขาเตรียมสู้จนตัวตายไว้แล้ว!
“แม่นางซานไห่ ยังขอให้เจ้าช่วยดูแลผู้อาวุโสหลีเจินด้วย ข้าจะไปจัดการลาเฒ่าหัวโล้นสี่คนนี้!”
ขณะพูดหลินสวินก็ก้าวไปข้างหน้า แววตาเย็นชาดุจหุบเหวแล้ว