Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2878 ยอมและไม่ยอม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2878 ยอมและไม่ยอม

ตอนที่ 2878 ยอมและไม่ยอม

ในขณะที่พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเดือดดาล พลังจิตของชางฝูเฟิงก็ถูกหลินสวินกำออกมา

“ยอมหรือไม่ยอม”

หลินสวินถาม

จู่เหวินเหิงแทบอยากตบหลินสวินให้ตายเสียตอนนี้ ไอสังหารพลุ่งพล่าน เอ่ยว่า “หลินสวิน เจ้าทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้เผ่าเทพตระกูลชางชิงชังเจ้าเข้ากระดูก”

เพียะ!

หลินสวินตบหน้าชางฝูเฟิงดังเพียะ อีกฝ่ายโกรธจนแทบคลั่ง ตวาดว่า “ฆ่า รีบฆ่าเจ้าสารเลวนี่!!”

เสียงดังไปทั่ว

แต่จู่เหวินเหิงกลับไม่กล้าลงมือโดยพลการ ถึงขั้นที่คนอื่นๆ ก็ไม่กล้า

หากทำให้ชางฝูเฟิงตายที่นี่ พวกเขาก็จะเดือดร้อนไปด้วย

“ขืนยังเสียเวลา ความอับอายที่เจ้าหมอนี่ได้รับมีแต่จะมากขึ้น ต่อไปคงไม่กล้าสู้หน้าใครอีก” หลินสวินเอ่ยเรียบๆ

“ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะปล่อยคน”

จู่เหวินเหิงระงับไอสังหารในใจอย่างสุดความสามารถก่อนเอ่ยถาม

“หลังจากข้ากลับลัทธิแรกกำเนิดอย่างปลอดภัยก็จะปล่อยคนเอง”

หลินสวินพูดอย่างง่ายๆ

“สหายยุทธ์ฟาง ถึงขนาดนี้แล้วลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้ายังคิดจะปกป้องเจ้าหมอนี่อีกหรือ”

จู่เหวินเหิงเอ่ยอย่างเย็นเยียบ

ฟางเต้าผิงกล่าว “ลัทธิแรกกำเนิดไม่มีทางทิ้งผู้สืบทอดสำนักตนไว้โดยไม่สนใจ เพียงเพราะกลัวการแก้แค้นจากน่านฟ้าที่เก้า”

จู่เหวินเหิงยิ้มเยาะ “ผลลัพธ์นี้เจ้ารับผิดชอบไม่ไหว ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้าก็รับไม่ไหวเช่นกัน”

เพียะ!

หลินสวินตบชางฝูเฟิงอีกครา อีกฝ่ายแทบจะคลั่งแล้ว ตะคอกว่า “ข้าบอกแล้วว่าให้พวกเจ้าลงมือ! ลงมือ!!!”

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้จู่เหวินเหิงยิ่งไม่กล้าลงมือโดยพลการ เขาดูออกแล้วว่าไม่ใช่แค่หลินสวิน กระทั่งฟางเต้าผิงเองก็ไม่สนผลลัพธ์ของการล่วงเกินตระกูลชางเช่นกัน

สุดท้ายจู่เหวินเหิงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กัดฟันตัดสินใจ “ยอม!”

เงาร่างของเขาหลบไปข้างๆ

“ทำเช่นนี้แต่แรกเจ้าหมอนี่ก็ไม่ต้องโดนตบสองทีแล้ว จำไว้ เขาได้รับความอับอายเพราะเจ้า” หลินสวินยิ้มออกมา ก่อนยัดพลังจิตของชางฝูเฟิงเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

จู่เหวินเหิงหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง เห็นชัดว่าโกรธยิ่ง

“เจ้าล่ะ ยอมหรือไม่”

สายตาของหลินสวินมองไปยังชื่อเย่

“ยอม”

ชื่อเย่นิ่งสงบมาก เอ่ยว่า “หลินสวิน ตัวเจ้าตายไม่เป็นไร แต่ถ้าเจ้าพาพลังจิตของบุตรเทพทั้งสองกลับลัทธิแรกกำเนิด ก็เท่ากับชักนำเคราะห์พิบัติภัยไปให้ลัทธิแรกกำเนิด จะทำให้คนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดเดือดร้อนไปด้วย”

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด

“เคราะห์พิบัติอะไรล้วนไม่สำคัญ”

ฟางเต้าผิงเอ่ยปาก “ข้ารู้เพียงว่าวันนี้ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดของข้าจะจากไป แต่กลับโดนกลั่นแกล้ง เรื่องนี้ภายหน้าย่อมต้องขอคำอธิบาย”

คำพูดราบเรียบแต่กลับแข็งกร้าวอย่างที่สุด!

และคำพูดนี้ก็ทำให้ในใจหลินสวินอุ่นวาบเช่นกัน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในฐานะรองหัวหน้าหอ ฟางเต้าผิงยังเผยท่าทีเช่นนี้ออกมา ใครจะไม่หวั่นไหว ไม่ซาบซึ้ง

ชื่อเย่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ถอยไปอยู่ข้างๆ

“พวกเจ้าเล่า”

สายตาหลินสวินมองไปยังสัตว์ประหลาดเฒ่าจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ

ตอนนี้สีหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ล้วนแปลกประหลาดอย่างที่สุด ชีวิตของชางฝูเฟิงและเหวินเฉียวสุ่ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา

แต่ถ้าเพราะการขัดขวางของพวกเขาทำให้บุตรเทพสองคนนี้ประสบเคราะห์ นั่นก็จะเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว!

สุดท้ายพวกเขาก็ยอมแล้ว

“หลินสวิน เจ้ากับลัทธิแรกกำเนิดจะต้องชดใช้เรื่องในวันนี้!”

“พวกเจ้าคีรีดวงกมลทุกคนจะต้องประสบเคราะห์!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ทำได้เพียงใช้เรื่องนี้มาระบายความเดือดดาลและไม่จำยอมในใจ

ได้ยินเช่นนี้หลินสวินเอ่ยเรียบๆ “ในเมื่อพวกเจ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็ขอพูดตรงๆ สักวันข้าจะก้าวสู่น่านฟ้าที่แปด ไปเยี่ยมคารวะที่ตระกูลพวกเจ้าทุกคน!”

ว่าพลางเขากับหลีเจินมุ่งหน้าไปหาฟางเต้าผิงด้วยกัน

ไม่มีคนขวาง

ต่อให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นอยากฆ่าหลินสวินให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ แต่กลับเพราะเหวินเฉียวสุ่ยและชางฝูเฟิง จึงจำต้องอดทนอดกลั้น

กระทั่งหลินสวินและหลีเจินเข้ามาใกล้แล้ว ฟางเต้าผิงจึงโล่งอกอย่างสิ้นเชิง สายตาของเขามองไปยังชิงอวิ๋นที่อยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “ต่อไปหากมีเวลาว่าง อย่าลืมมาดื่มชาที่ลัทธิแรกกำเนิดกับข้า”

ชิงอวิ๋นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

‘ศิษย์พี่ แม่นางซานไห่ รักษาตัวด้วย!’

หลินสวินเองก็สื่อจิตบอกลาพวกจิ่งจงเยวี่ย จี้ซานไห่

‘ระหว่างทางระวังหน่อย พวกเขาไม่หยุดแค่นี้แน่’ จิ่งจงเยวี่ยเตือน

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

‘เจ้าอย่าลืมเรื่องของพี่สาวข้าเชียว’

จี้ซานไห่พูดอย่างจริงจัง

หลินสวินเองก็ตอบรับอย่างจริงจังเช่นกัน

“ทุกท่าน พวกข้าขอตัวไปก่อน”

สายตาฟางเต้าผิงกวาดมองทุกคน พูดจบก็พาหลินสวินกับหลีเจินจากไปด้วยกัน

ส่วนหยวนฉางเทียนกับหยวนซีหลิวจะไปด้วยหรือไม่ เขาก็คร้านจะไปสนใจ

“ขอลา”

ชิงอวิ๋นเองก็พาพวกจี้ซานไห่จากไป

มองดูเงาร่างของพวกเขาจากไป จู่เหวินเหิงสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ชื่อเย่ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”

ชื่อเย่พูดอย่างนิ่งสงบ “ข้าคิดว่าในสายตาของตระกูลชางและตระกูลเหวิน ระเบียบระดับเทพอาจจะสำคัญกว่าบุตรเทพของตระกูลพวกเขา”

ประโยคเดียวทำให้ในดวงตาคนอื่นๆ ในที่นั้นวาบประกายเย็นเยียบ

“ทุกท่าน พวกเราขอตัวก่อน”

สัตว์ประหลาดเฒ่าจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะจากไปอย่างเร่งรีบทันที

“ดูท่าพวกเขาจะตัดสินใจได้แล้ว”

จู่เหวินเหิงแววตาลุ่มลึก “สหายยุทธ์ชื่อเย่ ลัทธิฌานของพวกเจ้าตัดสินใจจะทำอย่างไร”

ชื่อเย่กล่าว “จากที่นี่ไปหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด อย่างเร็วที่สุดต้องใช้เวล่ครึ่งเดือน ถ้าพวกฟางเต้าผิงพบเจอเรื่องไม่คาดฝันอะไร ก็คล้ายจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา”

จู่เหวินเหิงเอ่ย “ไม่ผิด เรื่องไม่ดีบางอย่าง ขอเพียงแค่ไม่เกิดขึ้นหน้าประตูลัทธิพ่อมดของข้า ต่อให้ถูกถามถึงก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”

“ขอตัวลา”

ชื่อเย่หมุนตัวจากไป

จู่เหวินเหิงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สายตามองไปยังหยวนฉางเทียนและหยวนซีหลิวที่ยังไม่ได้จากไปไกลๆ เอ่ยว่า “ทั้งสองท่านคิดจะดูความครื้นเครงหรือเข้าร่วมด้วย”

“ไม่เข้าร่วม”

หยวนฉางเทียนส่ายหน้า จากนั้นพาหยวนซีหลิวจากไปด้วยกัน

จู่เหวินเหิงมองส่งพวกเขาจากไป อดยิ้มเยาะไม่ได้ พลังระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์สายหนึ่ง ตระกูลหยวนของพวกเจ้าจะยอมยืนดูหน้าตาเฉยได้หรือ

……

“นายน้อย พวกเราไม่เข้าร่วมจริงหรือ”

ระหว่างทางหยวนซีหลิวอดถามไม่ได้

หยวนฉางเทียนพูดง่ายๆ “ท่านอาซีหลิว ยังจำเรื่องที่ข้ากำชับให้ท่านทำก่อนมาเข้าร่วมศึกมรรคอมตะได้หรือไม่”

“จำได้ขอรับ”

หยวนซีหลิวตอบโดยไม่ต้องคิด ตอนนั้นหยวนฉางเทียนเคยออกคำสั่งให้เขาไปติดต่อบุคคลระดับนิรันดร์ เพื่อที่ว่าหากปรากฏเรื่องที่หลินสวินรอดชีวิตกลับลัทธิแรกกำเนิด จะสามารถฆ่าหลินสวินได้

ตอนนั้นหยวนซีหลิวยังคิดว่าหยวนฉางเทียนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

แต่ตอนนี้ดูท่าการคาดเดาในตอนนั้นของหยวนฉางเทียนจะไม่ผิด หลินสวินรอดชีวิตออกจากแดนมารสิบทิศจริงๆ!

“ตอนนี้สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง พลังระเบียบระดับเทพที่หลินสวินครอบครองกลายเป็นเหยื่อในสายตาแต่ละขุมอำนาจแล้ว และพวกเราจะพลาดไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

ในดวงตาหยวนฉางเทียนมีไอสังหารพวยพุ่ง “ท่านอาซีหลิว ข้าจำได้ว่าตอนท่านออกจากตระกูล เคยพกสมบัติลับชิ้นหนึ่งที่สามารถติดต่อท่านพ่อข้าได้ในทันที”

หยวนซีหลิวหัวใจสะท้าน “นายน้อย นี่ท่านจะทำอะไร”

หยวนฉางเทียนพูดออกมาอย่างชัดแจ้ง “เชิญเฒ่าดึกดำบรรพ์ในตระกูลลงมือ กำจัดพวกฟางเต้าผิงระหว่างทาง!”

ในดวงตาหยวนซีหลิววาบไหว เอ่ยว่า “นายน้อย หากเรื่องรั่วไหลออกไปคงกระทบกับการชิงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ของท่าน”

“ดังนั้นถึงต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมด”

หยวนฉางเทียนกล่าว “เช่นนี้การตายของชางฝูเฟิงและเหวินเฉียวสุ่ย ก็สามารถโทษหลินสวินได้ ถึงขั้นสามารถโทษลัทธิแรกกำเนิดได้ สรุปแล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราแม้แต่น้อย”

ได้ยินเช่นนี้หยวนซีหลิวหยิบสมบัติลับชิ้นหนึ่งออกมาทันทีแล้วเริ่มเคลื่อนไหว

……

เวลาเดียวกันในฟ้าดารา

ฟางเต้าผิง หลีเจิน หลินสวินเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูงสุด

‘หลายวันก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้วิชาลับติดต่อสำนักแล้ว หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝัน อย่างมากภายในสามวันกำลังคนของลัทธิแรกกำเนิดก็จะมาพบกับเรา ถึงตอนนั้นก็ปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงแล้ว’

ฟางเต้าผิงรีบสื่อจิตพูด

‘สามวัน… ศัตรูเหล่านั้นคงไม่มีความอดทนถึงขนาดรออีกสามวันถึงไล่ตามมา ข้าถึงขั้นสงสัยว่าตอนที่พวกเราเพิ่งมา พวกเขาก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว’

หลีเจินขมวดคิ้ว

ฟางเต้าผิงเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ ‘ไม่เป็นไร แม้เกิดอุปสรรคขึ้นก็ยังมีข้าอยู่’

เขารู้ชัดยิ่ง แม้หลินสวินกุมชีวิตของเหวินเฉียวสุ่ยกับชางฝูเฟิงไว้ ศัตรูเหล่านั้นก็ไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่

เหตุผลง่ายมาก ความยั่วยวนของระเบียบระดับเทพยิ่งใหญ่เกินไป!

ยิ่งใหญ่จนสามารถทำให้ขุมอำนาจใดๆ ล้วนไปช่วงชิงโดยไม่เสียดายอะไรทั้งนั้น!

ก่อนหน้านี้นอกแดนมารสิบทิศ ที่ขุมอำนาจอย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานเลือกจะถอย เพราะสถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมาะให้ลงมือโดยตรง ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกตระกูลชางและตระกูลเหวินกล่าวโทษ

แต่ตอนนี้ต่างออกไป ระหว่างทางหากพวกเขาเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แม้เหวินเฉียวสุ่ยกับชางฝูเฟิงตายไป เผ่าเทพนิรันดร์เบื้องหลังทั้งสองก็ไม่สามารถไปโทษขุมอำนาจอย่างลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานได้

“น่าเสียดาย หัวหน้าหอสามคนของลัทธิแรกกำเนิดล้วนไม่สามารถออกสู่โลกภายนอกได้ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์อันตรายตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย”

ฟางเต้าผิงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง

เหยียนจี้ หัวหน้าหอแรกนภาสภาวะจิตเกิดปัญหา ไท่เสวียนหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์กำลังประชันกับตนเองในเขตผนึกแจ้งเร้น ไม่สนใจเรื่องราวบนโลก ส่วนโหยวเป่ยไห่หัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ กำลังเตรียมพร้อมแจ้งมรรคนิรันดร์

ส่วนเจ้าลัทธิไม่มีข่าวคราวตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้ว

ก็เพราะเช่นนี้ หลายปีมานี้ในลัทธิแรกกำเนิดจึงปรากฏปัญหาภายในมากมายขนาดนั้น อย่างขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้น ถึงขั้นจะแทรกซึมไปทุกด้านของลัทธิแรกกำเนิดแล้ว!

จู่ๆ หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอดก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโส สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นจนตรอก ขอเพียงพวกเขากล้าตามมา นอกจากเป็นระดับนิรันดร์ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ขวางพวกเราไม่อยู่”

“หากระดับนิรันดร์เคลื่อนไหว จะถูกการสะท้อนกลับของกฎระเบียบฟ้าดิน นี่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่งยวดต่อมรรควิถีของพวกเขา”

ฟางเต้าผิงกล่าว “ต่อให้คนระดับนี้มา อย่างมากก็เคลื่อนไหวได้เพียงรูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่ง ภัยคุกคามต่อพวกเราแม้ไม่มากแต่ก็สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”

ได้ยินเช่นนี้หลินสวินอดมองฟางเต้าผิงไม่ได้

เห็นชัดว่าในมือของฟางเต้าผิงจะต้องมีไพ่ใบสุดท้ายที่สามารถสู้กับพลังรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้

ฟางเต้าผิงกล่าว “อันที่จริงการปะทะระหว่างสี่หอบรรพจารย์ หากไม่ถึงสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ไม่มีใครใช้ไพ่อย่างระดับนิรันดร์แน่ เพราะเช่นนี้ก็เท่ากับแตกหักอย่างสิ้นเชิง จะนำไปสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างสี่หอบรรพจารย์ ภัยพิบัติระดับนี้ใครก็ไม่สามารถปลีกตัวไปได้”

เพิ่งพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ฟ้าดาราใกล้ๆ ก็สั่นไหวรุนแรง ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่ายไปมาเหมือนจะร่วงหล่น ไอสังหารเย็นเยียบน่ากลัวม้วนตัวออกมาประหนึ่งเขาถล่มสมุทรคำรามอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวิน ฟางเต้าผิง หลีเจินตกตะลึงโดยพร้อมเพรียง เจ้าพวกนั้นมาเร็วจริงๆ!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท