ตอนที่ 2884 ส่งเจ้ากลับสวรรค์ดีไหม
กลางฟ้าดารา
ภิกษุชรารูปหนึ่งยืนนิ่ง สูงวัยแก่หง่อม หนวดเคราสีขาวทอดยาวถึงอก หน้าตาอ่อนโยนเป็นกันเอง
มือเขาถือคทาหยกสมปรารถนาที่ขาวดุจหิมะ นิ้วผอมแห้งลูบเครา ราวกับเฒ่าชนบท
แต่แวบแรกที่เห็นภิกษุชรารูปนี้ ไท่เสวียนก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้
“เจียหนาน เจ้าจะเป็นตัวแทนลัทธิฌานมาเปิดศึกกับลัทธิแรกกำเนิดของข้าหรือ”
เสียงไท่เสวียนเย็นเยียบ
ลัทธิฌานมีตำแหน่ง ‘ตรีโลกพุทธ’
แบ่งเป็นพุทธอดีต พุทธปัจจุบัน พุทธอนาคต ฐานะเท่ากับหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิด ราชครูฟ้าของลัทธิพ่อมด และหัวหน้าเรือนของลัทธิวิญญาณ
เจียหนานก็คือ ‘พุทธอดีต’ คนปัจจุบันของลัทธิฌาน
กล่าวถึงด้านมรรควิถีอย่างเดียว หยวนซวีคุนยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเวลาในการแจ้งมรรคนิรันดร์ของเจียหนานนานมากจริงๆ ได้ยินว่านานถึงสามแสนปีแล้ว เรียกว่าเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต
สีหน้าฟางเต้าผิงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอึมครึม สื่อจิตบอกฐานะของเจียหนานกับหลินสวิน
ไม่ต้องสงสัยว่าสาเหตุที่เจียหนานปรากฏตัวที่นี่ได้ เพราะทราบข่าวจากชื่อเย่แน่นอน!
“หึๆ”
เจียหนานหัวเราะแต่ไกล รอยยิ้มอบอุ่น “ไท่เสวียน สิ่งที่เจ้ากับข้าใช้ล้วนเป็นรูปจำลองเจตจำนง ก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสองหอบรรพจารย์ไม่ได้ แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้ามาคราวนี้ไม่ได้มาฆ่าคน”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการทำเช่นไร”
ไท่เสวียนกล่าวเย็นชา
หากรูปจำลองเจตจำนงไม่ได้รับความเสียหาย เขาคงไม่กลัวเจียหนานโดยสิ้นเชิง แต่ความจริงคือเขาบาดเจ็บสะสมแล้ว
“เชิญหลินสวินตามข้าไปเยือนลัทธิฌาน”
เจียหนานพูดจาเกรงใจนัก สีหน้าดูเมตตายิ่ง แต่กลับทำให้ไท่เสวียนและฟางเต้าผิงสีหน้าขรึมลง
ไม่ว่ามาเพราะระเบียบระดับเทพหรือมาเพราะหลินสวิน ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจยอมรับทั้งสิ้น
“หากข้าไม่ตกลงเล่า” ไท่เสวียนถาม
“สหายยุทธ์รู้จักสมบัตินี้หรือไม่” เจียหนานชูคทาสมประสงค์ขาวผ่องในมือขึ้น สมบัตินี้กลมเกลี้ยงแวววาว โปร่งแสงเจิดจ้า อบอวลด้วยแสงธรรมลึกลับ กลิ่นอายเร้นลับอัศจรรย์
เมื่อมองจากไกลๆ ราวกับไม่ใช่คทาสมประสงค์ แต่เป็นแดนสุขาวดีแห่งหนึ่ง!
มีลักษณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ภายใน อย่างมังกรฟ้าขดล้อม หงส์ไฟขับขาน เหล่าพุทธองค์ถกมรรค เสียงสวดท่องธรรม แสงมงคลนับหมื่นแสน บุปผาสวรรค์โปรยปราย…
แค่มองก็ทำให้ใจคนดื่มด่ำอยู่ในนั้นได้!
“คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติ!”
หว่างคิ้วไท่เสวียนเผยแววอึมครึม
นี่คือยอดสมบัติลัทธิฌาน หลอมมาจากเจตวัตถุฟ้าประทานเจ็ดอย่างที่ก่อเกิดในระเบียบระดับเทพ อานุภาพน่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด
เปรียบเทียบกันแล้วกระบี่วิญญาณยอดสยบของหยวนซวีคุนยังด้อยกว่าเล็กน้อย!
นี่ก็คือสาเหตุที่ไท่เสวียนบันดาลโทสะ
ไม่จำเป็นต้องสงสัย เจียหนานเตรียมตัวมาเหมือนหยวนซวีคุน!
เพียงแค่ฝ่ายแรกมาเพื่อพาตัวหลินสวินไป ส่วนฝ่ายหลังมาเพื่อชิงระเบียบระดับเทพเท่านั้น
ฟางเต้าผิงก็ใจหล่นวูบ คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติ ลือว่าเป็นศาสตราจิตที่บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งลัทธิฌานหลอมขึ้นหลังจากแจ้งมรรคนิรันดร์ ความแข็งแกร่งของอานุภาพทำให้ระดับนิรันดร์ยังหวาดกลัว
แต่ปัจจุบันสมบัตินี้กลับถูกเจียหนานนำมาด้วย ใช้สิ่งนี้มาข่มขู่ ต้องการพาตัวหลินสวินไป!
“สหายยุทธ์โปรดถอยไปด้วย”
เมื่อเห็นว่าไท่เสวียนรู้จักสมบัตินี้ เจียหนานเก็บรอยยิ้มแล้วพนมมือ เคร่งขรึมมีสง่า ก้มหัวคำนับ คทาสมประสงค์ขาวกระจ่างดุจหิมะนั้นลอยอยู่ตรงหน้า เสริมอานุภาพยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งให้กับเขา
“ข้าไท่เสวียนฝึกปราณจนถึงตอนนี้ไม่เคยถอยมาก่อน เจียหนาน ด้วยการกระทำของเจ้าในวันนี้ ภายหน้าอย่าหาว่าข้าเอาคืน!”艾琳小說
เสียงของไท่เสวียนทรงพลัง หนักแน่นเหมือนมรรคกระบี่ของเขา
เจียหนานถอนหายใจเบาๆ เผยสีหน้ามีเมตตา “หากต้องการให้คนอย่างเจ้าวางดาบสังหาร สุดท้ายก็ยากเกินไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่ล่วงเกินแล้ว”
วู้ม!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติส่งเสียงดังก้อง เพียงพริบตาฟ้าดาราแถบนี้เหมือนกลายเป็นแดนสุขาวดีที่แท้จริง ทุกหนแห่งคือแสงธรรมไร้ขอบเขต เสียงธรรมไร้สิ้นสุด แก่นอัศจรรย์ไร้จำกัด!
ปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่นั้นเดิมน่าจะทำให้ผู้คนตกตะลึงและมุ่งหวัง แต่ตอนนี้หลินสวินกลับขนพองสยองเกล้าราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ตูม!
ร่างกายไท่เสวียนประหนึ่งแผดเผาลุกโหม สีหน้าเขานิ่งสงบ เจตกระบี่ทั้งตัวดุจภูเขาไฟปะทุพลุ่งพล่าน อาภรณ์เกิดเสียงสะบัดโบก
“หลังจากนี้ข้าจะเปิดทางรอดให้พวกเจ้า หนีไปได้ไกลเท่าไรก็หนีไปไกลเท่านั้น”
นัยน์ตาไท่เสวียนดั่งดวงตะวันลุกโชน เห็นชัดว่ายอมสละรูปจำลองเจตจำนง หวังให้หลินสวินกับฟางเต้าผิงรอดปลอดภัย
นี่ทำให้ทั้งสองเสียใจไม่หยุด
ต่อให้รู้ว่านี่เป็นแค่รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียน แต่ความเด็ดเดี่ยวชวนหดหู่ ไม่กลัวความตายเช่นนี้ ยังทำให้พวกเขารู้สึกแค้นใจจนเสียดกระดูก
เจียหนานถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง “หาเรื่องใส่ตัวทำไม”
ตูม!
แดนสุขาวดีที่ปรากฏในฟ้าดาราแถบนี้ เพียงพริบตาก็กลายเป็นภาพราวกับนรก มุนินทร์นับไม่ถ้วนถลึงตาด้วยโทสะ แผ่อานุภาพไร้ขอบเขต คล้ายจะกำราบไท่เสวียนไว้ในนรกแห่งนี้ ไม่อาจหลุดพ้นชั่วกาล
หนึ่งห้วงคิดสุขาวดี หนึ่งห้วงคิดนรกภูมิ!
ภาพเช่นนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ชิ้ง!
ขณะเดียวกันแขนเสื้อไท่เสวียนพลิกตลบ มรรควิถีที่เดือดพล่านกลายเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง เต็มไปด้วยอานุภาพดุดันอาจหาญไม่กลัวสิ่งใด เคลื่อนกวาดฟ้าดารา
ตูม!
แดนนรกแห่งนี้สั่นสะเทือนรุนแรง ร่างมุนินทร์มากมายถูกทำลายดั่งฟองสบู่ ฟ้าดินราวกับจะถูกกระบี่นี้แหวกออกจากกัน
“มรรคกระบี่เช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันชั่วนิรันดร์ น่าเสียดาย สุดท้ายพลังรูปจำลองเจตจำนงของสหายยุทธ์ก็มีจำกัด…”
ท่ามกลางเสียงทอดถอนใจเหมือนมีเมตตา ดินแดนที่เหมือนนรกนี้ควบรวมกันใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม มีภูเขาศพทะเลเลือดปรากฏ ภาพแดนนรกชวนประหวั่นแผ่ออกมา มุนินทร์มากมายเหยียบภูเขาศพทะเลเลือด ประกายสว่างไสวล้อมรอบตัว มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ สำแดงวิชาอัศจรรย์ สุดท้ายปราณกระบี่ที่วาดกวาดก็เปลี่ยนเป็นอับแสง ฟุ้งกระจายหายไปท่ามกลางเสียงระเบิดดังปัง
เมื่อมองรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนอีกครั้ง ก็กลายเป็นภาพมายาเหมือนเงาแสงเลือนราง มืดมนหาใดเปรียบ
นี่ทำให้หลินสวินกับฟางเต้าผิงใจตกไปที่ตาตุ่ม
อานุภาพของคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติทำให้ผู้คนสิ้นหวังจริงๆ!
“ผู้อาวุโส ข้าจัดการเอง!”
หลินสวินพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววตาเด็ดเดี่ยว
มาถึงตอนนี้เขาไม่อาจสนใจเรื่องอื่นแล้ว
น้ำเต้าม่วงกลายเป็นกระบี่คู่ม่วงเขียวในพริบตา สองมือเขากุมมั่น เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานสู่ฟากฟ้าท่ามกลางเสียงดังลั่น ลอยอยู่เหนือศีรษะ
เมื่อเห็นภาพนี้นัยน์ตาเจียหนานฉายแววอัศจรรย์ กล่าวเสียงแผ่วเบา “สมบัติเป็นสมบัติหายากยิ่งในใต้หล้า แต่สุดท้ายมรรควิถีของสหายน้อยยังห่างชั้นเกินไป”
“ให้ข้าเอง”
ฟางเต้าผิงก้าวมาข้างหน้า สีหน้าราบเรียบ “ข้าแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์มาสามหมื่นเก้าพันปีแล้ว นับว่าอยู่มาไม่นาน แต่ก็ไม่กลัวความเป็นตายนานแล้ว”
ร่างกายเขาเริ่มเปล่งแสง การขับเคลื่อนพลังทั้งตัวดังกู่ก้อง
เจียหนานส่ายศีรษะ “มดเขย่าไม้ใหญ่ แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ข้ามาคราวนี้ใช่ว่าต้องการปลิดชีพ ทุกท่านอย่าสร้างความลำบากให้ข้าอีกเลย”
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
ในโลกที่เหมือนนรกภูมินี้มีแสงธรรมสายหนึ่งปรากฏ ซัดฟางเต้าผิงจนเซถอยหลังอย่างง่ายดาย ปากกระอักเลือด
พลังแตกต่างกันมากเกินไป!
ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลกก็ยังทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง
“เจียหนาน ข้ารับรองว่าวันนี้หากหลินสวินกับฟางเต้าผิงประสบเคราะห์ที่นี่ วันหน้าข้าไท่เสวียนจะเหยียบลัทธิฌานให้สิ้นซาก ไม่ฆ่าศิษย์ลัทธิฌานของพวกเจ้าจนหมดจะไม่ขอเป็นคน!”
ไท่เสวียนที่เงาร่างเลือนรางเหมือนภาพมายากล่าวชัดทุกคำ
นัยน์ตาของเจียหนานหรี่ลงเล็กน้อย กล่าวว่า “สหายยุทธ์ ข้าบอกแล้วว่าพวกเขาจะไม่ตาย แน่นอนว่าภายหน้าหากเจ้าอยากล้างแค้นเรื่องในวันนี้ ข้าจะรอสหายยุทธ์มาเยือนที่ลัทธิฌาน”
คำพูดนี้มั่นใจเต็มเปี่ยม!
ขณะกล่าวคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติตรงหน้าเขาส่องประกายดังวู้ม ในโลกที่เหมือนแดนนรกนี้แผ่พลังคุมขังชวนประหวั่นทันที
หลินสวิน ฟางเต้าผิง ไท่เสวียนที่เงาร่างเลือนรางเหมือนภาพมายาอยู่ก่อนแล้วตัวแข็งทื่อทันใด
เมื่อเห็นว่ากำลังจะถูกกักขังและกำราบโดยสิ้นเชิง นัยน์ตาหลินสวินฉายแววเด็ดเดี่ยว
เพียงแต่ขณะที่เขาเตรียมตัวเคลื่อนไหว ก็เป็นเวลานี้เอง…
ตูม!
โลกที่เหมือนแดนนรกนี้ราวกับถูกถล่มใส่อย่างน่าหวาดกลัว ทรุดตัวจนเกิดเป็นรูโหว่มหึมาทันที พลังกฎเกณฑ์ดุดันส่งเสียงกัมปนาท ทำให้ทั่วแดนนรกม้วนซัดรุนแรงขึ้นมา
หืม?
คิ้วขาวดุจหิมะของเจียหนานขมวดขึ้น คล้ายรับรู้ถึงอันตราย กุมคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติไว้ในมือทันที เงาร่างสูงวัยแก่หง่อมเปล่งแสงมรรคนิรันดร์ชวนประหวั่น
“ภิกษุ เล่นสนุกพอหรือยัง”
เสียงหัวเราะหยิ่งผยองกำแหงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นเงาร่างหนึ่งก้าวออกมาจากรูโหว่มหึมาที่ถูกทลาย ผอมสูง หยัดตรง กำยำ…
เปรี้ยง! โครม!
เมื่อเงาร่างนี้ปรากฏ แดนนรกแห่งนี้สั่นสะเทือนเหมือนใกล้แตกเป็นเสี่ยงๆ พลังมหามรรคพังทลาย ตกอยู่ในความปั่นป่วนอลหม่าน
เวลานี้ราวกับเทพจากต่างมิติองค์หนึ่งมาเยือนที่นี่ แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวก็ทำให้แดนนรกแห่งนี้ไม่อาจแบกรับได้อีก ระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว
ละอองแสงซ่านเซ็นไร้สิ้นสุด ภาพแดนนรกสลายไป
ก็เห็นเงาร่างนั้นเดินเข้ามา แต่ละก้าวห้วงอากาศใกล้เคียงทรุดตัวไปแถบหนึ่ง กฎเกณฑ์มหามรรคก็พังทลายไปทั้งแถบ
เงาร่างเขาผอมสูงและหยัดตรง ปกคลุมด้วยรัศมีเทพมหามรรคที่เปล่งประกายตระการตาถึงขีดสุด กลายเป็นวงแสงมากมายส่องสะท้อนทั่วหล้า
แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียด เขากลับมีใบหน้าเหมือนเด็กหนุ่ม หน้าตาหล่อเหลา สวมชุดสีดำทั้งตัว ผมยาวปลิวสยาย น้ำเต้าสุราใบหนึ่งถูกเชือกแดงร้อยไว้ที่เอว
มีเพียงยามนัยน์ตาไหวเคลื่อนถึงแผ่กลิ่นอายแห่งประสบการณ์อันโชกโชน
“อาจารย์อา!!”
เมื่อเห็นผู้มาเยือนหลินสวินก็อึ้งงัน แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“เอวห้อยน้ำเต้ากลืนกิน ก้าวเดินบนมหามรรค ชีวิตก่อนหน้าข้ามด่านเคราะห์มาสิบแปดครั้ง ชีวิตในภายหลังแจ้งอมตะ… ที่แท้ก็เป็นเขา…” แววตาฟางเต้าผิงไหววูบ
“เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว”
ยามนี้เงาร่างเลือนรางของไท่เสวียนเผยยิ้มออกมา “ยินดีกับสหายยุทธ์ที่เติมเต็มช่องโหว่สภาวะจิต แจ้งมรรคนิรันดร์แล้ว!”
ผู้มาเยือนคือคงเจวี๋ย!
ยอดบุคคลระดับผู้นำคนแรกที่ก้าวผ่านฟ้าดาราในช่วงต้นดึกดำบรรพ์ เป็นพี่น้องร่วมสาบานของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล เป็นอาจารย์อาของผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!
“แจ้งมรรคนิรันดร์เป็นเรื่องจริง แต่สภาวะจิตยังต้องซ่อมเสริม”
บนหน้าหล่อเหลาสุภาพเหมือนเด็กหนุ่มของคงเจวี๋ยเผยรอยยิ้มสดใส “แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณศิษย์หลานของข้าหลินสวิน”
เขาพูดพลางทอดสายตามองหลินสวินแล้วยิ้มกล่าว “ศิษย์หลานเอ๋ย รอสักประเดี๋ยว อีกเดี๋ยวอาจารย์อาจะพาพวกเจ้าจากไป”
หลินสวินตื่นเต้นยินดี ประสานมือกล่าว “รบกวนอาจารย์อาแล้ว”
คงเจวี๋ยแหงนมองฟ้าหัวเราะร่า “สับสนงงงวยมาหลายปี เมื่อตื่นขึ้นมาเรื่องในอดีตฝันในวันวานล้วนผุดขึ้นในใจ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าดีกับอาจารย์อา ภายหน้ายามพูดคุยกับอาจารย์อาก็อย่าได้เกรงใจเช่นนี้อีก!”
เขาพูดพลางหันหลังขวับ มองเจียหนานที่อยู่ห่างไป รอยยิ้มบนหน้าสดใสยิ่งกว่าเดิมแล้ว “ภิกษุ ให้ข้าส่งเจ้ากลับสวรรค์ดีไหม”
เสียงสะเทือนฟ้าดารา หยิ่งผยองกำแหง!
………………..