Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2891 กับดัก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2891 กับดัก

ตอนที่ 2891 กับดัก

หยวนฉางเทียนเอ่ยถาม “ท่านว่าทั้งลัทธิแรกกำเนิด ใครมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหลินสวินที่สุด”

หยวนซีหลิวกล่าวอย่างใคร่ครวญ “หลีเจินน่าจะนับว่าเป็นคนหนึ่ง เถาเหลิ่งก็ถือเป็นอีกคน”

หยวนฉางเทียนพยักหน้า “คิดจะจัดการหลินสวิน บางทีอาจต้องลงมือกับสองคนนี้ ผู้อาวุโส รบกวนท่านไปบอกพวกฝูเหวินหลีด้วยตัวเอง หาโอกาสให้เถาเหลิ่งออกไปจัดการธุระสักเรื่อง”

“ทำไมถึงเป็นเถาเหลิ่ง”

หยวนซีหลิวแปลกใจอยู่บ้าง

“หลีเจินเป็นผู้อาวุโสของหอแรกพิสุทธิ์ แม้ว่าทังชิวเป็นรองหัวหน้าหอ แต่ถูกรองหัวหน้าหอทั้งสองอย่างฟางเต้าผิงกับอวี๋สิ่งขัดขาตลอด หากให้ทังชิวส่งหลีเจินไปทำงาน ต้องทำให้ฟางเต้าผิงระแวงแน่”

หยวนฉางเทียนพูดง่ายๆ “แต่เถาเหลิ่งไม่เหมือนกัน ในหอแรกนภาเขาเป็นแค่ผู้ดูแลคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝูเหวินหลีหรือฉีเซียวอวิ๋นล้วนส่งเขาออกไปได้ตามใจ ทั้งไม่ต้องกังวลว่าจะดึงดูดความสนใจคนอื่น”

หยวนซีหลิวกล่าวชม “นายน้อยคิดการรอบคอบจริงๆ”

“แค่เถาเหลิ่งคนเดียวเกรงว่าคงยากจะข่มขู่หลินสวิน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทั้งลัทธิแรกกำเนิดตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดก็มีแค่เถาเหลิ่งแล้ว”

หยวนฉางเทียนถอนใจเบาๆ

ไม่นานหยวนซีหลิวก็รับคำสั่งจากไป

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม

“นายน้อย เตรียมการเรียบร้อยแล้ว รอแค่หาโอกาสล่อเถาเหลิ่งออกไปจากลัทธิแรกกำเนิด”

หยวนซีหลิวมารายงาน

หยวนฉางเทียนพยักหน้า “ผู้อาวุโส ท่านก็ระวังตัวหน่อย อย่าได้เหลือร่องรอยอะไรไว้ ถ้าเรื่องครั้งนี้ถูกเปิดเผยย่อมไม่มีประโยชน์ต่อท่านและข้า”

หยวนซีหลิวกล่าว “นายน้อยวางใจ ข้าน้อยรับรองว่าจะไม่ทำให้เรื่องนี้เดือดร้อนไปถึงนายน้อย”

เจ็ดวันต่อมา

“นายน้อย เถาเหลิ่งจะออกจากลัทธิแรกกำเนิดวันนี้แล้ว!”

หยวนซีหลิวมารายงาน หว่างคิ้วเจือความยินดีเสี้ยวหนึ่ง “พูดแล้วก็บังเอิญ หลายวันก่อนเถาเหลิ่งไปรับภารกิจสำนัก ต้องออกเดินทางไกลช่วงหนึ่ง ได้ยินว่าคิดไปหากล้าพันธุ์ดีสักคนในโลกภายนอกเพื่อรับมาเป็นศิษย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้เถาเหลิ่งเกิดเรื่องก็ไม่มีใครสงสัยพวกเรา!”

หยวนฉางเทียนอึ้งไป “มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ”

หยวนซีหลิวยิ้มกล่าว “นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานำพา เดิมพวกฝูเหวินหลีคิดจะใช้วิธีอื่นส่งตัวเถาเหลิ่งออกไป แม้แต่พวกเขาก็คาดไม่ถึง ว่ายามตั้งท่าจะเคลื่อนไหวกลับสืบข่าวได้ว่าเถาเหลิ่งรับภารกิจเพื่อออกไปแล้ว สวรรค์ช่วยพวกเราจริงๆ!”

หยวนฉางเทียนกล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาดีใจ การจับตัวเถาเหลิ่งเป็นเพียงก้าวแรก ก้าวสองยังไม่อาจคาดเดาอยู่บ้าง”

หยวนซีหลิวกล่าว “นายน้อยห่วงว่าหลินสวินนั่นจะก่อเหตุไม่คาดฝันหรือ”

“ท่านคิดว่าหากหลินสวินรู้เรื่องที่เถาเหลิ่งถูกจับแล้วจะคิดอย่างไร”

หยวนฉางเทียนถามเองตอบเอง “ถ้าข้าเป็นเขาย่อมต้องสงสัยว่านี่คือกลอุบายที่เพ่งเล็งตนทันที! เรื่องนี้คาดเดาได้ง่าย ถึงตอนนั้นท่านคิดว่าหลินสวินจะกล้าไปช่วยเถาเหลิ่งหรือไม่”

หยวนซีหลิวเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “เช่นนั้นก็ได้แต่ดูว่าเถาเหลิ่งมีค่าเพียงใดในใจเขาแล้ว”

หยวนฉางเทียนพยักหน้า “ไม่ผิด สิ่งสำคัญของก้าวที่สองนี้อยู่ที่การตัดสินใจของหลินสวิน! หากเขาคิดว่าเถาเหลิ่งไม่มีค่าพอให้ช่วย หดหัวอยู่ในสำนักไม่ออกไป เช่นนั้นภารกิจของพวกเราก็เท่ากับล้มเหลว”

“หากเขาเลือกไปช่วยเล่า” หยวนซีหลิวอดถามไม่ได้

หยวนฉางเทียนกล่าว “เช่นนั้นเขาต้องเตรียมตัวพร้อมสรรพจึงกล้ามุ่งหน้าไป เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับโจทย์ยากอีกอย่าง ทำอย่างไรถึงรับรองได้ว่าหลินสวินจะไปช่วยคนเดียว ทั้งไม่มีทางไปขอความช่วยเหลือจากเฒ่าชราในลัทธิแรกกำเนิดพวกนั้น”

หยวนซีหลิวขมวดคิ้วแล้วกล่าว “เช่นนั้นก็บอกเขาว่าขอเพียงมีใครก็ตามปรากฏตัวนอกจากเขา เถาเหลิ่งจะไม่มีทางรอดชีวิต!”

หยวนฉางเทียนส่ายหัวกล่าว “เรื่องนี้พูดลำบาก พวกเราต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”

“นายน้อยโปรดกล่าวให้ชัดเจน”

“บอกพวกฝูเหวินหลีว่าให้พวกเขาออกเคลื่อนพลทั้งหมด!”

หยวนฉางเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ขอเพียงหลินสวินกล้าไป ไม่ว่าเขาพาผู้ช่วยไปด้วยหรือไม่ ล้วนต้องกำจัดพวกเขาจนเกลี้ยง ตัดไฟแต่ต้นลม!”

หยวนซีหลิวใจกระตุกวูบ “หลินสวินนี่มีพลังปราณแค่ขั้นหลุดพ้นขั้นต้น ต้องทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้หรือ”

หยวนฉางเทียนเอ่ยเย็นชา “ตอนนั้นยามไปร่วมศึกมรรคอมตะ ท่านก็ถามข้าเช่นนี้ แต่ผลลัพธ์เล่า ต่อให้ส่งรูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสซวีคุนไป ก็ยังปล่อยให้หลินสวินรอดชีวิตกลับมาไม่ใช่หรือ”

หยวนซีหลิวประสานมือ “นายน้อยสั่งสอนถูกต้อง”

หยวนฉางเทียนมุ่นคิ้วกล่าว “ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้ากังวลก็คืออาจารย์อาคงเจวี๋ยคนนั้นของหลินสวิน แม้ร่างต้นของระดับนิรันดร์ออกโรงแล้วจะถูกกฎระเบียบฟ้าดินตอบโต้ แต่กลับใช้รูปจำลองเจตจำนงเข้าสอดมือได้ หากในการเคลื่อนไหวครั้งนี้รูปจำลองเจตจำนงของคงเจวี๋ยนั่นเข้าร่วมด้วย พวกเราคงไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย”

หยวนซีหลิวยิ้มกล่าว “นายน้อยโปรดวางใจ ทุกครั้งที่ผู้แข็งแกร่งระดับนิรันดร์ใช้รูปจำลองเจตจำนงร่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนจึงควบรวมใหม่ได้ ตอนนี้ห่างจากช่วงที่หลินสวินกลับมาสำนักเพียงแปดวันเท่านั้น ไม่มีทางได้รับรูปจำลองเจตจำนงของคงเจวี๋ยอีกแน่”

หยวนฉางเทียนอึ้งไปแล้วกล่าว “หากเป็นเช่นนี้ก็จัดการง่ายแล้ว”

หน้าถ้ำสถิตของหลินสวิน

ศิษย์ที่เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณคนหนึ่งมาขอพบ ทั้งส่งมอบม้วนหยกม้วนหนึ่งแก่หลินสวิน “ผู้อาวุโสหลิน ผู้มาเยือนบอกว่าท่านอ่านม้วนหยกนี้แล้วก็จะเข้าใจเอง จากนั้นก็จากไปอย่างรีบเร่ง ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นอีก”

หลินสวินอึ้งงัน เก็บม้วนหยกลงไป จากนั้นจึงมอบโอสถอมตะสุริยันจันทราสิบเม็ดให้ศิษย์คนนั้น “รบกวนแล้ว ลูกกลอนโอสถพวกนี้เจ้ารับไว้เถอะ ภายหน้าต้องฝึกปราณดีๆ”

ศิษย์คนนั้นอึ้งไป ไหนเลยจะคาดคิดว่าแค่มาแจ้งข่าวก็ได้ของกำนัลเช่นนี้ ครู่ใหญ่ถึงกล่าวตื่นเต้น “ขอบคุณผู้อาวุโสหลิน ข้าจะไม่ทำให้ความหวังของผู้อาวุโสหลินสูญเปล่า!”

เขาหันหลังเดินจากไปอย่างยินดี

คราวนี้หลินสวินจึงเปิดม้วนหยกออกดู พิจารณาเล็กน้อยแล้วนัยน์ตาพลันหดรัด

ครู่ใหญ่เขาจึงเก็บม้วนหยกลงไป

หลินสวินไม่ได้กลับเข้าถ้ำสถิต เคลื่อนแหวกอากาศตรงไปยังที่ห่างไกล

“ผู้อาวุโสหลินจะไปไหนหรือ”

ระหว่างทางมีเสียงประหลาดใจหนึ่งดังขึ้นทันใด

หลินสวินเหลือบมองไปก็เห็นหยวนซีหลิวที่เคลื่อนผ่านอากาศมาเช่นกัน เขากล่าวราบเรียบ “ออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง”

ขณะกล่าวเงาร่างเขาหายไปกลางอากาศแล้ว

‘หึๆ คิดไม่ถึงว่าหลินสวินนี่จะกล้าหาญยิ่งนัก ถึงกับมุ่งหน้าไปคนเดียวเพื่อเถาเหลิ่งจริงๆ…’

หยวนซีหลิวยิ้มขึ้นมา

เขาก็ไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังถ้ำสถิตของหยวนฉางเทียนอย่างรีบเร่ง ต้องการไปรายงานเรื่องนี้

วู้ม!

ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่เชื่อมต่อไปนอกแดนแรกเริ่มแผ่ละอองแสงประหลาดระลอกหนึ่งออกมา เงาร่างของหลินสวินหายลับไปทันที

ผ่านไปสามชั่วยาม

ในฟ้าดาราแถบหนึ่งที่อยู่ห่างแดนแรกเริ่มไปไกลลิบ

ทันทีที่เงาร่างของหลินสวินปรากฏ ม้วนหยกในมือสั่นไหวเล็กน้อย เกิดเสียงเรียกซึ่งไม่อาจอธิบายได้เสี้ยวหนึ่ง

ฟุ่บ!

แววตาเขาดุจอสนี จับจ้องดาวดวงหนึ่งที่อยู่ห่างไปในพริบตา

แต่บนดวงดาวนั้นไม่มีกลิ่นอายใดๆ เวิ้งว้างแห้งแล้ง เปี่ยมไอมรณะ

เงาร่างหลินสวินพุ่งวาบ ไม่นานก็มาถึงหน้าเนินเขาหัวโล้นลูกเล็กบนดาวดวงนี้

ตูม!

เขาสะบัดแขนเสื้อ เนินเขาลูกเล็กตรงหน้าระเบิดกระจุยดังสนั่น แสงเขียวสายหนึ่งพลันพุ่งออกมา

หลินสวินตาไวมือไว คว้าแสงเขียวสายนี้กลางอากาศ ถึงกับเป็นม้วนหยกอีกม้วน บนนั้นวาดแผนที่ใหม่ทั้งหมดไว้ บนแผนที่ทำเครื่องหมายแดงนองเลือดสะดุดตาไว้จุดหนึ่ง

‘ช่างระวังตัวจริงๆ’

มุมปากหลินสวินเผยรอยยิ้มหยัน

เขาไม่ได้รอช้า คว้าม้วนหยกม้วนใหม่เคลื่อนไหวต่อไป

หลินสวินเดินทางอย่างยากลำบากต่อไปเช่นนี้ เมื่อไปถึงสถานที่หนึ่งก็จะเจอม้วนหยกอีกม้วน แน่นอนว่าในม้วนหยกย่อมมีแผนที่ใหม่ทั้งหมด

ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่าคงเกิดข้อสงสัยมากมายนานแล้ว เพราะห้อตะบึงมาถึงตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งวัน สิ่งที่เห็นระหว่างทางล้วนแปลกใหม่นัก

แต่หลินสวินกลับดูนิ่งสงบยิ่ง เขารู้ว่าทำไมศัตรูถึงระวังตัวเช่นนี้

กระทั่งผ่านไปสองวัน

ส่วนลึกของฟ้าดารากว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

วังวนเรืองแสงมหึมาหนึ่งลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

หน้าวังวนมีเงาร่างราวหมอกควันเหมือนมายาพร่ามัวยืนอยู่ตรงนั้น

“หลินสวิน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

เงาร่างนี้สวมชุดดำ เสียงทุ้มต่ำแหบพร่า ทั่วร่างถูกกลิ่นอายลึกลับบดบัง มองเห็นหน้าตาไม่ชัด

หลินสวินยืนกลางอากาศพลางกล่าว “คนล่ะ”

เงาร่างชุดดำกล่าว “มอบระเบียบระดับเทพในมือเจ้าออกมา เถาเหลิ่งย่อมรอดชีวิตมาเจอเจ้า”

“ข้าอยากเจอคนก่อน”

หลินสวินกล่าว “ไม่อย่างนั้นข้าจะจากไปทันที”

เงาร่างชุดดำเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ด้านหลังประตูน้ำวนบานนี้คือโลกลับเฉพาะตัวแห่งหนึ่ง เมื่อพลังระดับนิรันดร์เข้าใกล้ ประตูน้ำวนบานนี้จะระเบิดกระจุยหายไป เถาเหลิ่งก็อยู่ในนั้น เจ้ากล้าตามข้าเข้าไปด้วยกันไหม”

หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “เตรียมการพร้อมสรรพจริงๆ”

“กล้าหรือไม่” เงาร่างชุดดำถาม

หลินสวินกล่าว “นำทาง”

เงาร่างชุดดำกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น หากแต่จ้องมองหลินสวินครู่หนึ่งแล้วยิ้มขึ้นมากล่าวว่า “ตอนนี้ในที่สุดข้าก็กล้าแน่ใจ เจ้าไม่ได้พาผู้ช่วยระดับนิรันดร์มาด้วย”

“หลอกข้าหรือ” หลินสวินขมวดคิ้ว

เงาร่างชุดดำกล่าว “ระวังหน่อยก็ไม่เสียหาย”

“ความอดทนของข้ามีจำกัด ตอนนี้เจ้าให้เถาเหลิ่งออกมาเจอข้าดีกว่า” แววตาหลินสวินเยียบเย็น

เงาร่างชุดดำกล่าว “ตอนนี้เกรงว่าคงไม่ได้ ต้องรออีกช่วงหนึ่ง”

หลินสวินกล่าว “นานแค่ไหน”

“อย่างมากสามวัน” เงาร่างชุดดำกล่าว

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “นี่เป็นเพราะเหตุใด”

เงาร่างชุดดำกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”

หลินสวินมองเขาอย่างลุ่มลึกวูบหนึ่งแล้วกล่าว “ได้ ข้ารอ”

เงาร่างชุดดำเอ่ยว่า “เลือกได้ฉลาด”

หลินสวินนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ตาเพ่งจมูกจมูกเพ่งจิตราวกับภิกษุชราเข้าฌาน

เงาร่างชุดดำยิ้มขึ้นมา “ถึงตอนนี้เจ้ายังสงบใจเช่นนี้ได้ ถือว่าเกินความคาดหมายจริงๆ”

หลินสวินไม่สนใจเขา

เงาร่างชุดดำเหมือนถูกดูหมิ่น ไม่เอ่ยปากอีกเช่นกัน

กาลเวลาล่วงเลย

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฟุ่บ!

วันนี้ลำแสงสายหนึ่งพุ่งทลายอากาศ ถูกเงาร่างชุดดำคว้าไว้ในมือ กลายเป็นม้วนหยกม้วนหนึ่ง

เมื่อพิจารณาดูเล็กน้อยเงาร่างชุดดำเหมือนโล่งอกอย่างที่สุด ทั้งตัวล้วนผ่อนคลายลง

“ตอนนี้ในที่สุดก็วางใจได้แล้วหรือ”

ห่างออกไปหลินสวินที่นั่งสมาธิมาตลอดสามวันนี้ลืมตาขึ้น เอ่ยถามอย่างเย็นชา

“หึๆ ดูออกเลยว่าในใจเจ้าคงโกรธมาก เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้ ม้วนหยกที่เฝ้ารอมาสามวันม้วนนี้ แค่ต้องการยืนยันข่าวหนึ่งเท่านั้น”

“ข่าวอะไร”

“ยืนยันว่าเจ้ามาคนเดียว ไม่ได้พาผู้ช่วยคนอื่นมาด้วย”

เงาร่างชุดดำเอ่ยราบเรียบ

หลินสวินหรี่ตา “ข่าวส่งมาจากลัทธิแรกกำเนิดหรือ”

“เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ต้องรู้”

เงาร่างชุดดำพูดพลางหยิบยันต์หยกหนึ่งออกมา โยนเข้าไปในวังวนเรืองแสงมหึมาด้านหลัง

ไม่นานเงาร่างกลุ่มหนึ่งก็ก้าวออกมาจากวังวนเรืองแสง

……………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท