Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์

ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์

คนกลุ่มนั้นทยอยยืนอยู่หน้าวังวนเรืองแสงมหึมานั่น

แต่ละคนล้วนมีหมอกควันอบอวล ไม่อาจมองเห็นหน้าตาได้ชัดเจน มีเพียงเถาเหลิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาที่เผยตัวในสายตา

เห็นชัดว่าเถาเหลิ่งหมดสติ ถูกคนบีบคอไว้จนไม่รู้เรื่องรู้ราว

เมื่อเห็นภาพนี้กับตาตนเอง หลินสวินหยัดร่างขึ้นแล้วยิ้มทันใด

เงาร่างชุดดำนั่นขมวดคิ้ว “หลินสวิน รีบส่งพลังระเบียบระดับเทพมาโดยเร็ว หากเจ้ากล้าเล่นตุกติก เถาเหลิ่งต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”

กลับเห็นหลินสวินถอนใจยาวกล่าว “ทุกท่าน พวกเจ้าเป็นถึงคนใหญ่คนโตของลัทธิแรกกำเนิด แต่กลับนำคนของสำนักตัวเองมาข่มขู่ข้าคนแซ่หลิน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป… ผู้คนจะมองลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอย่างไร”

ประโยคเดียวทำให้อีกฝ่ายต่างอึ้งงัน

ไม่นานเงาร่างชุดดำก็ตวาดเสียงกรุ่นโกรธ “หลินสวิน เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร ถ้าถ่วงเวลาอีกอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”

หลินสวินยิ้มออกมา “พวกเจ้าทุ่มเทวางแผนมาถึงนี่ ด้วยไม่อยากเกรงใจข้าไม่ใช่หรือ มาถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องปิดบังแล้ว เลี่ยงไม่ให้ข้าคนแซ่หลินดูแคลนพวกเจ้า”

“เจ้า…”

เงาร่างชุดดำบันดาลโทสะ เพิ่งหมายจะพูดอะไรคนตรงกลางก็เอ่ยปากแล้ว “ทุกท่าน แม้เดรัจฉานน้อยนี้จะน่ารังเกียจ แต่ประโยคนี้กลับกล่าวไม่ผิด พวกเราเลิกปิดบังเถอะ”

ฮูม!

เงาแสงบนตัวเขาไหววูบ เผยรูปลักษณ์แท้จริง เป็นฝูเหวินหลีรองหัวหน้าหอแรกนภานั่นเอง!

พอมองข้างกายเขา เมื่อเงาแสงพลิกตลบ ทุกคนล้วนเผยโฉมหน้าแท้จริง ถึงกับเป็นรองหัวหน้าหอสามคนอย่างฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิว

เงาร่างชุดดำก่อนหน้านี้ก็คือฉีเซียวอวิ๋น!

ตอนนี้เหล่าคนใหญ่คนโตล้วนจ้องมองหลินสวินด้วยแววตาเยียบเย็น หว่างคิ้วไม่อำพรางไอสังหารแม้แต่น้อย

“รองหัวหน้าหอสี่คนมาจัดการข้าคนแซ่หลินด้วยกัน ยังต้องใช้แผนการลับล่อเช่นนี้ ช่างทำให้คนได้เปิดโลกทัศน์จริงๆ”

หลินสวินทอดถอนใจนัก

ปีนั้นยามเข้าลัทธิแรกกำเนิดเขาเพิ่งมีพลังปราณแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ในสายตาเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เป็นถึงรองหัวหน้าหอพวกนี้ล้วนเป็นบุคคลที่เขาต้องแหงนมอง

ปัจจุบันเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทัศนียภาพดังเดิมแต่ผู้คนแปรเปลี่ยน!

สีหน้าพวกฝูเหวินหลีล้วนไม่น่าดูอยู่บ้างเล็กน้อย

สำหรับพวกเขา การใช้วิธีเช่นนี้จัดการหลินสวินนั้นขายหน้ามากจริงๆ ทั้งดูเสียศักดิ์ศรีอีกด้วย แต่เพื่อพลังระเบียบระดับเทพนั้น พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย เจ้าจะส่งระเบียบระดับเทพมาหรือไม่”

ชือเวินตวาดลั่น

มือเขาบีบคอเถาเหลิ่งไว้เพื่อข่มขู่

“ส่งตัวผู้อาวุโสเถาเหลิ่งมาก่อน” หลินสวินกล่าว “ข้ามาแล้ว ทุกท่านคิดว่าข้ายังหนีพ้นอีกหรือ”

ทุกคนพลันขมวดคิ้ว

“ส่งตัวเถาเหลิ่งให้เขา”

นัยน์ตาฝูเหวินหลีไหววูบพลางออกคำสั่ง

ชือเวินสะบัดมือเหวี่ยงตัวเถาเหลิ่งไป

เกือบจะเวลาเดียวกัน พวกเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าลงมือพร้อมกัน

ตูม!

แสงมรรคชวนประหวั่นซัดสาด ศาสตรามรรคเจิดจรัสคำรามก้อง ฟ้าดาราแถบนี้สั่นสะเทือนขึ้นมา

การโจมตีทั้งหมดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

ทั้งทันทีที่ลงมือรองหัวหน้าหอสี่คนก็เผยประสบการณ์ต่อสู้ไร้ใดเปรียบออกมา ร่วมมือกันอย่างรู้ใจ จู่โจมกะทันหันเหมือนรับรู้กันเป็นอย่างดี!

หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปเกรงว่าคงรู้สึกลังเลแล้ว ควรช่วยเถาเหลิ่งหรือหลบคมดาบก่อนกันแน่

ขอแค่มีความคิดเช่นนี้ การเคลื่อนไหวย่อมชะลอลง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วต้องถูกศัตรูจำกัดแน่!

แต่ยามนี้การตอบสนองของหลินสวินกลับง่ายมาก มุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อช่วยเถาเหลิ่ง ไม่ลังเลหรือล่าช้าแม้เพียงเสี้ยว

นัยน์ตาพวกฝูเหวินหลีล้วนฉายแววเยียบเย็น

ในมุมมองพวกเขาการกระทำนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย บางทีอาจช่วยเถาเหลิ่งได้ แต่พวกเขาสองคนจะถูกฝังกลบในการโจมตีนานัปการชั่วพริบตา!

แต่ครู่ต่อมาสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป

พลันเห็น…

ร่างแยกห้าสายพุ่งออกมาจากตัวหลินสวิน ต่างคนต่างสำแดงวิชามรรค

ตูม!

ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน หมอกควันพวยพุ่งกัมปนาท

ร่างแยกทั้งห้าสลายการโจมตีทั้งหมด ส่วนร่างต้นหลินสวินแน่นอนว่าช่วยเถาเหลิ่งกลับไปได้อย่างฉิวเฉียดแต่ไร้อันตราย

พวกฝูเหวินหลีล้วนเผยสีหน้ายากจะเชื่อ

การโจมตีของพวกเขาสี่คนในครั้งนี้ สามารถกำจัดบุคคลระดับเดียวกันคนใดก็ตามอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินซึ่งอยู่ขั้นหลุดพ้นขั้นต้นต้านทานได้!

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

หลินสวินสำรวจร่างเถาเหลิ่งรอบหนึ่งก่อน เมื่อพบว่าไร้อาการบาดเจ็บจึงเก็บตัวเถาเหลิ่งไป จัดให้อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

จากนั้นเขาเหลือบสายตามองรองหัวหน้าหอสี่คนที่แปลกใจสงสัยไม่หยุดซึ่งอยู่ห่างไปแล้วยิ้มกล่าว “ข้าลืมไปว่าเรื่องที่เกิดระหว่างทางยามข้ากลับมาสำนัก ทุกท่านยังไม่รู้แน่ชัด มิน่าถึงกล้าไม่เกรงกลัวเช่นนี้”

น้ำเสียงเจือความนึกสนุก

ตอนนั้นเขาฆ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์อย่างหวังจ้งหยวนกับจู่เหวินเหิงระหว่างทางหนี ผลงานการต่อสู้โดดเด่น หากเปลี่ยนเป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สักคนที่รู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงไม่กล้าดูถูกเขาหลินสวินแน่

แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีแค่พวกฝูเหวินหลีสี่คนเท่านั้น นี่พิสูจน์ว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“หมายความว่าอย่างไร”

พวกฝูเหวินหลีแต่ละคนขมวดคิ้ว

“ก็หมายความตามนั้น”

หลินสวินหัวเราะลั่นขึ้นมา ร่างต้นกับร่างแยกทั้งห้าของเขาพุ่งออกไปพร้อมกัน

“ฆ่า!”

“ใช้พลังทั้งหมดจัดการเดรัจฉานนี่โดยเร็ว!”

“ได้!”

พวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวแต่ละคนไอสังหารพวยพุ่ง บุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ

ขุนพลเลื่องชื่อย่อมหยัดยืนบนหมื่นกระดูก

ผู้ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าหอแห่งลัทธิแรกกำเนิดนั้นได้ทีละขั้น ไม่มีใครที่ไม่ใช่บุคคลชั้นยอดในหมู่คนระดับเดียวกัน ครองรากฐานโดดเด่นเหนือผู้คน พลังต่อสู้ชวนประหวั่น

บุคคลเช่นนี้มีชีวิตรอดมานาน เปี่ยมประสบการณ์ต่อสู้หาใดเปรียบ อย่าว่าแต่อยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ด ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่แปดก็นั่งบัญชาเป็นเสาหลักของตระกูลหนึ่งได้!

ถึงอย่างไรในบรรดาสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มีมรรควิถีแค่ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์

ปัจจุบันบุคคลเช่นนี้สี่คนลงมือพร้อมกัน พลังนั้นย่อมน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตเป็นธรรมดา

ตูม!

เพียงพริบตาฟ้าดาราแถบนี้ปั่นป่วน ดวงดาวนับไม่ถ้วนระเบิดออก แบกรับอานุภาพกดดันบนตัวสัตว์ประหลาดเฒ่าสี่คนไว้ไม่อยู่

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างหน้าเปลี่ยนสีคือต่อให้อยู่ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจกำราบหลินสวินกับร่างแยกของเขาได้!

ไม่ว่าพวกเขาจะเผยวิชาอัศจรรย์หรือศาสตรามรรคระดับใด ล้วนถูกหลินสวินกับร่างแยกของเขาสลายไปอย่างง่ายดาย

นี่แทบจะล้มล้างความเข้าใจของพวกเขาจริงๆ!

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ฉีเซียวอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

ครั้งนี้พวกเขาสี่คนออกโรงพร้อมกัน เดิมทีก็รู้สึกว่าขายหน้า อวดตัวว่าการจับหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการฆ่ามดปลวกตัวหนึ่ง

หากไม่กังวลว่าข่าวจะรั่วไหล พวกเขาคงไม่ทุ่มเทวางแผนมาถึงนี่แต่แรก

แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลินสวินที่มาคนเดียวโดยไม่ได้เชิญผู้ช่วย กลับเผยพลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าออกมา!

นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับอยู่บ้าง

เจ้าหนุ่มขั้นดับเทพขั้นต้นเมื่อสิบปีก่อนที่อยู่ในสายตาพวกเขามานานปีคนหนึ่ง ถึงกับมีพลังมาสู้กับพวกเขาแล้ว!

ใครจะกล้าเชื่อ

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเงามืดใต้แสงโคม

ยิ่งคุ้นเคยและเข้าใจมากเท่าไหร่ เมื่อเกิดตัวแปรขึ้นมากะทันหันก็ยิ่งไม่อาจเชื่อและยอบรับได้!

สำหรับพวกฝูเหวินหลีก็เป็นเช่นนี้

พวกเขาเห็นหลินสวินยามเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิด เห็นเขาเด่นผงาด รู้ทุกอย่างที่เขาครอบครองเป็นอย่างดี แต่หลังจากผ่านไปสิบปี ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปทั้งหมด!

สิ่งนี้อยู่เหนือการคาดเดาของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!

ตูม!

สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือด หลินสวินสังเกตเห็นเช่นกันว่าพลังต่อสู้ของรองหัวหน้าหอสี่คนแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ผู้ที่คนระดับหวังจ้งหยวนเทียบได้ ถึงขั้นเทียบกับจู่เหวินเหิงราชครูดินลัทธิพ่อมดแล้วมีแต่จะเหนือกว่า

หากเป็นเมื่อก่อน สัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้เกรงว่าในใต้หล้าคงมีแค่ระดับนิรันดร์ลงมือจึงกำราบพวกเขาได้

แต่หลินสวินไม่เหมือนกัน

เส้นทางที่เขาก้าวเดินคือมรรคายอดอมตะ

เมื่อพลังปราณทะลวงขั้นหลุดพ้น ศักยภาพแฝงทั้งตัวเขาที่สั่งสมมาหลายปีจะปะทุโดยสมบูรณ์ เปลี่ยนไปจนต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิงนานแล้ว

ตอนนี้ร่างต้นและกายมรรคเพลิงแดงของเขากำลังร่วมกันจัดการฉีเซียวอวิ๋น ร่างแยกอีกสี่ร่างก็จัดการฝูเหวินหลี ชือเวิน ทังชิวสามคน

ไม่ว่าจะเป็นร่างต้นหรือร่างแยก ล้วนเผยพลังต่อสู้เย้ยฟ้าราวไร้คู่ต่อกรของระดับขั้นนี้ออกมา!

ไม่เพียงไม่ถูกกำราบ กลับเป็นว่าเริ่มกำราบอีกฝ่ายแล้ว!

“ตาย!”

ไม่นานหลินสวินส่งเสียงคำรามยาว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถล่มใส่ดังตึง ซัดทวนศึกสีดำที่ฉีเซียวอวิ๋นถือไว้จนลอยออกไปอย่างแรง เตากระบี่เปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย กระแทกตัวฉีเซียวอวิ๋นเต็มกำลัง

พรูด!

ฉีเซียวอวิ๋นจมูกปากกบเลือด หน้าอกยุบลงไป พลังป้องกันทั่วร่างระเบิดกระจุย กายมรรคเพลิงแดงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าไปซัดฝ่ามือใส่

ปัง!

ฉีเซียวอวิ๋นยังไม่ทันได้หลบหลีก ร่างกายก็ระเบิดออก ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านลอยล่องทั่วฟ้า

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหอแรกนภามาไม่รู้กี่ปีคนหนึ่งถูกกำจัดเช่นนี้!

ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้พวกฝูเหวินหลีหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง ก้นบึ้งจิตใจหนาวสะท้าน

เวลานี้พวกเขาเพิ่งรับรู้ได้ในที่สุดว่าทำไมหลินสวินถึงกล้ามาคนเดียว เพราะพลังต่อสู้ของเขาตอนนี้ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแต่แรก!

“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าคนแซ่หลินถึงรอดกลับมาสำนักได้ บอกพวกเจ้าเลยว่าหวังจ้งหยวนกับเจ้าเฒ่าอีกเก้าคนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ รวมถึงราชครูดินจู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมด ล้วนถูกข้าคนแซ่หลินสังหาร”

แววตาหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น เสียงราบเรียบดังก้องทั่วลาน “พวกรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงล้วนรู้เรื่องนี้ ข้าเจตนาให้พวกเขาปิดบังไม่บอกพวกเจ้า คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะโง่ลงมือกับข้าคนแซ่หลินจริงๆ นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย”

สีหน้าพวกฝูเหวินหลีไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม

“ฆ่า!”

พวกเขาทุกคนใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดราวกับสู้สุดชีวิต สำแดงวิชาก้นหีบออกมาจนหมด

น่าเสียดายที่ยังเปล่าประโยชน์

หลินสวินกับร่างแยกของเขาร่วมมือกันจนเรียกได้ว่าแนบสนิทไร้ช่องโหว่ ต่อสู้กันแบบหกต่อสาม สกัดและกำราบพวกฝูเหวินหลีได้อยู่หมัด

“ตาย!”

ไม่นานกายมรรควารีดำตวาดลั่น ตีขนาบพร้อมกายมรรคไม้เขียว ฆ่าชือเวินตายคาที่ในคราเดียว ร่างกายเขาล้วนถูกซัดกระจุย พลังจิตกลายเป็นจุณ สภาพการตายชวนสยอง

“ไป!”

ฝูเหวินหลีกับทังชิวล้วนถูกกระตุ้นจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าดิ้นรนอีก หลบหนีกันทันที ทั้งใช้วิชาลับที่เหมือนสิ่งต้องห้ามด้วย

การทำเช่นนี้ก็เพื่อรับประกันว่าจะหนีสำเร็จ

เวลาเดียวกันนั้นกลับเห็นหลินสวินใช้อภินิหารพรสวรรค์เช่นกัน…

ประทับผนึกเวลา!

กฎกาลเวลากลางฟ้าดินถูกชักนำทันที เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง กาลเวลาหลากสายเกี่ยวรัดควบรวม กลายเป็นพลังผนึกปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้ไว้

ปึง! ปึง!

เสียงทึบหนักดังขึ้น ฝูเหวินหลีกับทังชิวที่สำแดงวิชาลับต้องห้ามเพื่อหลบหนีกระแทกประทับผนึกเวลาโดยตรง เนื่องจากวิชาลับต้องห้ามที่สำแดงรวดเร็วดุดันเกินไป การกระแทกพลังผนึกเต็มแรงเช่นนี้ทำให้สายตาพวกเขาพร่าเลือน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด

ครั้นมองดูประทับผนึกเวลา ก็เห็นว่าแค่เกิดคลื่นเป็นระลอก

มั่นคงแข็งแรงยิ่งนัก

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท