Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2894 นี่ต้องเป็นแผนร้ายแน่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2894 นี่ต้องเป็นแผนร้ายแน่

ตอนที่ 2894 นี่ต้องเป็นแผนร้ายแน่

ลัทธิแรกกำเนิดในตอนนี้ เมื่อรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างพวกฝูเหวินหลีถูกฆ่า ผู้แข็งแกร่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่กระจายอยู่ในลัทธิแรกกำเนิดพวกนั้นก็เหมือนฝูงมังกรไร้หัว

คิดจะจัดการภัยแฝงทั้งหมด สำหรับพวกเสวียนเฟยหลิงแล้วกลับเปลี่ยนเป็นเรื่องง่าย

แต่เมื่อพวกเขาเตรียมตัวเคลื่อนไหว หลินสวินก็รีบร้อนเอ่ยปาก “ผู้อาวุโสทุกท่านยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องใดหรือ”

เสวียนเฟยหลิงชะงัก

หลินสวินนำม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา เสียงของหยวนซีหลิวดังออกมาจากม้วนหยกทันที

“เสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง… ล้วนไม่มีใครออกจากสำนัก สังหารหลินสวินได้อย่างวางใจ!”

ได้ยินดังนี้สีหน้าของพวกเสวียนเฟยหลิงล้วนอึมครึมลง

พวกเขาเพิ่งรู้ว่าเบื้องหลังการเคลื่อนไหวที่หมายหัวหลินสวินครานี้ ถึงกับมีหยวนซีหลิวเข้าร่วมด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหยวนฉางเทียนย่อมรู้เรื่องด้วยแน่

“ตอนนั้นระหว่างทางที่ข้ากับหลินสวินกลับมา ก็เคยเจอรูปจำลองเจตจำนงของหยวนซวีคุนสกัด เรื่องนี้ยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเขา ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเสียสติถึงขั้นลงมือรุนแรงในลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรา คิดว่าพวกเราไม่กล้าลงมือกับพวกเขาหรืออย่างไร”

เสียงฟางเต้าผิงเจือไอสังหารเยียบเย็น ถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์แล้ว

“พวกเขาทำเช่นนี้ เบื้องหลังต้องมีตระกูลหยวนสนับสนุนแน่ สิ่งที่มุ่งหมายย่อมเป็นระเบียบระดับเทพในตัวหลินสวินโดยไม่ต้องสงสัย”

ตู๋กูยงกล่าวเสียงขรึม “ทุกท่านคิดว่าควรจัดการสองคนนี้อย่างไร”

หลินสวินเอ่ยปากเป็นคนแรก “ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป”

ทุกคนต่างอึ้งงัน ประหลาดใจอยู่บ้าง

กลับเห็นหลินสวินกล่าวต่อ “เรื่องเร่งด่วนของพวกเราคือกำจัดภัยแฝงในสำนัก ยังไม่ใช่เวลาแตกหักกับเผ่าเทพตระกูลหยวน”

“เจ้าคิดปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ”

เสวียนเฟยหลิงอดแปลกใจไม่ได้

หลินสวินยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่ ในความเห็นข้าคือกำราบพวกเขาก่อน ภายหน้าต่อให้เผ่าเทพตระกูลหยวนถามถึงก็พูดได้ว่าพวกเขากำลังปิดด่าน ถึงขั้นบอกเผ่าเทพตระกูลหยวนได้ว่าพวกเราลัทธิแรกกำเนิดละเว้นกฎเลื่อนตำแหน่งหยวนฉางเทียนเป็นรองหัวหน้าหอแล้ว ทั้งเตรียมสนับสนุนเขาไปคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ด้วย”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ขอแค่ข่าวไม่รั่วไหลออกไป เผ่าเทพตระกูลหยวนมีหรือจะแตกหักกับพวกเราลัทธิแรกกำเนิด ไม่แน่ว่าอาจเพ้อฝัน รอวันที่หยวนฉางเทียนเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์มาเยือน”

โถงใหญ่เงียบสนิทไร้สุ้มเสียง เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าสีหน้าพิกล มองจนหลินสวินอึดอัดไปทั้งตัว

“ได้ ทำตามที่เจ้าว่า”

ครู่ใหญ่เสวียนเฟยหลิงพยักหน้ารับคำ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างปิดบังไม่อยู่

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็เช่นกัน ไม่อำพรางความชื่นชมในใจแม้แต่น้อย

การกระทำนี้ของหลินสวินเท่ากับถ่วงเวลาให้ลัทธิแรกกำเนิด ขอเพียงยืดเวลาได้ถึงตอนที่หัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์โหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคนิรันดร์ ย่อมตัดสินสถานการณ์ได้แน่!

มิฉะนั้นด้วยรากฐานพลังของลัทธิแรกกำเนิดตอนนี้ เมื่อเปิดศึกกับเผ่าเทพตระกูลหยวนแห่งน่านฟ้าที่เก้าต้องถูกทำให้เสียหายหนักแน่

ทั้งตอนนี้หลังจากกำจัดภัยแฝงในสำนักแล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญเป็นอย่างแรกมีโอกาสสูงว่าจะเป็นความยุ่งยากจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ

เวลานี้ไม่ควรเรียกคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่ามาเพิ่มจริงๆ

จริงอยู่ว่ารากฐานพลังของลัทธิแรกกำเนิดไม่กลัวการงัดข้อกับเผ่าเทพตระกูลหยวน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ไม่อาจควบคุม

เช่นถ้าต้องสู้กับตระกูลหยวนจนลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานฉวยโอกาสมาแทรกแซง หากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ก็ไม่เข้าทีแล้ว

ว่ากันตามจริงคือตอนนี้ลัทธิแรกกำเนิดต้องการเวลา!

หากโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคนิรันดร์ หากเหยียนจี้ฟื้นฟูปัญหาสภาวะจิต หากไท่เสวียนก้าวออกจากการปิดด่าน…

มีหรือจะกลัวเรื่องพวกนี้

กล่าวได้ว่าข้อเสนอของหลินสวินตอนนี้มองภาพรวมของลัทธิแรกกำเนิดเป็นหลักอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ใช่แค่เพื่อแก้แค้นส่วนตัว มีคุณธรรมสูงส่ง

นี่ก็คือจุดที่ทำให้พวกเสวียนเฟยหลิงปลาบปลื้มและชื่นชม

คิดจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ แน่นอนว่าต้องมีมุมมองและปณิธานเช่นนี้!

หากสนใจแค่ความแค้นตรงหน้า แต่ไม่สนใจสถานการณ์โดยรวม นั่นย่อมถูกลิขิตให้เป็นคนกักขฬะ ได้แต่นำพาภัยพิบัติมากมายมาสู่ลัทธิแรกกำเนิด

ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่ง

หยวนซีหลิวสีหน้าไม่น่าดู กล่าวอย่างรวดเร็ว “นายน้อย เพิ่งได้ข่าวว่าหลินสวินกับเถาเหลิ่งรอดชีวิตกลับมาแล้ว”

ปัง!

จอกสุราในมือหยวนฉางเทียนแหลกละเอียด เหล้าสาดกระจายทั่วทิศ

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจนอึมครึมเป็นพิเศษ กล่าวว่า “รองหัวหน้าหอสี่คนกลับทำอะไรหลินสวินคนเดียวไม่ได้? พวกฝูเหวินหลีเล่า กลับมาด้วยหรือไม่”

หยวนซีหลิวส่ายหัว

หยวนฉางเทียนใจหล่นวูบกล่าวว่า “จบเห่แล้ว นับจากนี้ไปสถานการณ์ของท่านกับข้าในลัทธิแรกกำเนิดต้องถูกลิขิตให้เดินเหินลำบากแน่!”

เขารู้ว่าท่าไม่ดีอย่างที่สุด

เวลานี้อย่าว่าแต่ไปมุ่งหมายระเบียบระดับเทพในตัวหลินสวินเลย แค่สถานการณ์ของตัวเขาก็มีโอกาสสูงว่าจะเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา!

“นายน้อย เรื่องนี้แปลกเกินไป เห็นชัดว่าไม่มีใครช่วยหลินสวินสักคน แต่หลินสวินกลับพาเถาเหลิ่งรอดชีวิตกลับมาได้ ท่านว่ามีพวกร้ายกาจที่ไม่ใช่คนของลัทธิแรกกำเนิดช่วยเขาอยู่หรือไม่”

หยวนซีหลิวขมวดคิ้วกล่าว

ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าด้วยพลังต่อสู้ของหลินสวินในปัจจุบัน สามารถจัดการเรื่องนี้คนเดียวได้แล้ว ยังคิดว่ามีคนร้ายกาจคนอื่นคอยช่วยหลินสวินอยู่

นี่ก็คือการขาดความเข้าใจ

หยวนฉางเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว เมื่อพวกฝูเหวินหลีตาย สถานการณ์ของลัทธิแรกกำเนิดต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากข้าเดาไม่ผิด ต่อจากนี้พวกเสวียนเฟยหลิงคงฉวยโอกาสนี้ชำระล้างลัทธิแรกกำเนิดแน่ มีเพียงทำเช่นนี้จึงจะทำให้ลัทธิแรกกำเนิดมั่นคงได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมั่นคงแล้วจึงไปรับมือคลื่นลมภายนอกได้”

หยวนฉางเทียนกล่าวเสียงต่ำ “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่มีโอกาสใดไปคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์อีก ถึงขั้น… ยังเป็นไปได้สูงว่าท่านกับข้าจะประสบเคราะห์ด้วย!”

หยวนซีหลิวใจกระตุกวูบ หน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “นายน้อย หากพวกเขาลัทธิแรกกำเนิดกล้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะล่วงเกินตระกูลของพวกเราอย่างสมบูรณ์หรือ”

“ทำไมถึงไม่กล้า”

หยวนฉางเทียนกล่าว “แม้ว่าข้าเป็นบุตรเทพของตระกูล แต่ใครกล้ารับรองว่าหลังจากข้าตายแล้ว ทางตระกูลจะยอมไปเปิดศึกกับลัทธิแรกกำเนิดเพื่อแก้แค้นให้ข้า”

“อีกอย่างลัทธิแรกกำเนิดไม่ใช่พวกจัดการได้ง่ายๆ แม้บอกว่าเจ้าลัทธิออกเดินทางไปทั่วตั้งแต่หลายปีก่อน กระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับ แต่ลัทธิแรกกำเนิดมีระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์ปกป้อง ไม่ว่าใครคิดจัดการลัทธิแรกกำเนิดเกรงว่าคงต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วง”

หยวนซีหลิวฟังถึงตรงนี้แล้วรู้ว่าท่าไม่ดี “นายน้อย เช่นนั้นท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไร”

ในตอนนี้เอง…

พลังผนึกที่ปกคลุมรอบถ้ำสถิตพลันสั่นสะเทือน

หยวนฉางเทียนปลดพลังผนึก เสียงหนึ่งดังมาจากนอกถ้ำสถิตทันที “ผู้อาวุโสหยวน รองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงมีคำสั่ง เชิญท่านกับผู้อาวุโสพิเศษหยวนซีหลิวไปเรือนมรรคกลางพร้อมกัน”

หยวนฉางเทียนกับหยวนซีหลิวนัยน์ตาหดรัด ต่างสบตากันวูบหนึ่ง สีหน้าล้วนอึมครึมลง

“กลับไปบอกรองหัวหน้าหอเสวียน อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะไป”

หยวนฉางเทียนกล่าว

“ขอรับ”

ศิษย์ส่งข่าวนอกถ้ำสถิตรับคำสั่งจากไป

“นายน้อย ท่านจะไปจริงหรือ” หยวนซีหลิวอดกล่าวไม่ได้

“หากไปจริงเกรงว่าคงเป็นเนื้อเข้าปากเสือ พวกเราจะจากไปทันที ไม่อาจล่าช้าอีกแล้ว”

ขณะกล่าวหยวนฉางเทียนหยัดร่างขึ้น เดินตรงออกไปนอกถ้ำสถิต “ท่านอาซีหลิว บนหนทางต่อจากนี้ ไม่ว่าเจอใครขวาง สังหารไม่ละเว้น! ถ้าเป็นเช่นนี้อย่างเร็วพวกเราจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณออกจากแดนแรกเริ่มได้ในเวลาครึ่งเค่อ”

“ขอรับ!”

หยวนซีหลิวรับคำพร้อมไอสังหารแผ่ซ่าน

เมื่อก้าวออกจากถ้ำสถิต ทั้งสองคนเคลื่อนตัวเต็มอัตรา มุ่งไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

ตลอดทางไม่เกิดอุปสรรคใดๆ

นี่ทำให้ทั้งสองคนสบายใจไม่น้อย

หยวนซีหลิวสื่อจิต ‘เกรงว่าแม้แต่พวกเสวียนเฟยหลิงก็คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะจากไปเร็วเช่นนี้กระมัง’

น้ำเสียงเจือความผ่อนคลายเสี้ยวหนึ่ง

‘ท่านอาซีหลิว การหนีเตลิดเช่นนี้ไม่ควรค่าแก่การดีใจสักนิด’

หยวนฉางเทียนสีหน้าอึมครึม

ในใจเขาสะสมเพลิงโทสะสุมอก

ช่วงที่เขามาถึงลัทธิแรกกำเนิดเมื่อปีนั้นรัศมีพร่างพราว ได้รับความเลื่อมใสจากผู้คน ทว่านับตั้งแต่หลินสวินกลับมาจากแหล่งสถานศุภโชค ทุกอย่างนี้ล้วนเปลี่ยนไป

จนปัจจุบันเขาถึงขั้นเป็นหนูข้ามถนน ถูกคนปล่อยให้โดดเดี่ยว ขับไล่ รังเกียจ…

แตกต่างมากเกินไปแล้ว!

ไม่นานค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็ปรากฏในสายตา艾琳小說

หยวนฉางเทียนหันกลับไปอย่างอดไม่ได้ มองหนทางที่จากมาแล้วความแค้นที่ซ่อนในใจมานานพลุ่งพล่านดั่งคลื่นซัดพลิกสมุทร

‘คราวหน้าเมื่อข้ามาเยือน พวกเจ้าต้องคุกเข่าต้อนรับ!’

เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ลอบสาบานกับตัวเอง

“นายน้อย”

เสียงจริงจังของหยวนซีหลิวดังขึ้น

หยวนฉางเทียนหันกลับมา ก็เห็นหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณมีเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ สวมชุดสีขาวพระจันทร์ ผมดำพลิ้วไหว ใบหน้างามสง่า เป็นหลินสวินนั่นเอง

หยวนฉางเทียนสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมาในชั่วขณะเดียว ออกคำสั่งทันที “ฆ่าเขาซะ!”

ตูม!

หยวนซีหลิวพุ่งทะยานออกไป ปลดปล่อยมรรควิถีขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ทั้งตัวเต็มกำลัง ซัดหมัดหนึ่งออกมา “ไสหัวไป!”

ขณะเดียวกันหยวนฉางเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหว คิดฉวยโอกาสนี้เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

พริบตาที่หลินสวินปรากฏตัว หยวนฉางเทียนก็รู้ว่าเขาไม่อาจเสียเวลาอีกแม้แต่เสี้ยวเดียว

กระทั่งสาเหตุที่เขาให้หยวนซีหลิวลงมือ ด้วยเตรียมการให้หยวนซีหลิวรั้งหลินสวินไว้ ส่วนตนจะได้หนีไปคนเดียว!

แต่ครู่ต่อมาเงาร่างของหยวนฉางเทียนกลับชะงักกลางอากาศ ดวงตาเบิกกว้าง

ก็เห็นหยวนซีหลิวที่พุ่งโจมตีไปข้างหน้าถูกกายมรรคทั้งห้าที่พุ่งออกมาจากตัวหลินสวินล้อมโจมตี ไม่เพียงไม่อาจฝ่าวงล้อม กลับถูกกำราบติดพื้นในชั่วพริบตา!

ตูม!

ฝุ่นควันตลบอบอวล หยวนซีหลิวผมเผ้ายุ่งเหยิง คุกเข่ากระอักเลือด ลุกไม่ขึ้นอีก

หยวนฉางเทียนมือเท้าเย็นเฉียบชี้หลินสวิน “เจ้า… เจ้า… ถึงขั้นกล้าลงมือกับผู้อาวุโสพิเศษหรือ”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ “ผู้อาวุโสหยวน เจ้าก็เห็นกับตาว่าเขาลงมือก่อน ข้าแค่ป้องกันตัวเท่านั้น”

หยวนฉางเทียนอึ้งไปครู่ใหญ่ ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เอ่ยว่า “พลังต่อสู้ของเจ้าตอนนี้สามารถกำราบขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ได้แล้ว!?”

น้ำเสียงเจือความยากจะเชื่อ

พริบตานี้เขานึกถึงรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างพวกฝูเหวินหลีที่ไม่อาจรอดชีวิตกลับมา นั่นยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่ารองหัวหน้าหอพวกนี้ถูกใครสังหาร

“ในเมื่อมองออกแล้ว ผู้อาวุโสหยวนก็ไม่ต้องดิ้นรนอีกแล้ว”

หลินสวินกล่าวเรียบๆ “ยิ่งไปกว่านั้นข้าคนแซ่หลินมาครานี้ด้วยมีเรื่องน่ายินดีจะบอกผู้อาวุโสหยวน”

“เรื่องน่ายินดี?”

หยวนฉางเทียนพยายามทำให้ตนใจเย็นลง “ไม่ทราบว่าเรื่องน่ายินดีที่พี่หลินพูดถึงคืออะไร”

“พวกรองหัวหน้าหอเสวียนตัดสินใจจะละเว้นกฎเลื่อนตำแหน่งผู้อาวุโสหยวนเป็นรองหัวหน้าหอ หรือกล่าวได้ว่าตั้งแต่วันนี้ไปผู้อาวุโสหยวนก็คือรองหัวหน้าหอคนหนึ่งของหอแรกนภาแล้ว ข้าคนแซ่หลินขอแสดงความยินดีกับรองหัวหน้าหอหยวนล่วงหน้าด้วย”

หลินสวินพูดพลางยิ้มประสานมือให้หยวนฉางเทียน

หยวนฉางเทียนอึ้งงัน ในหัวมีแค่ความคิดเดียว…

แผนร้าย!

นี่ต้องเป็นแผนร้ายแน่!

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท