Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน

ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน

รอบบริเวณเงียบกริบ

ยามเห็นเงาร่างของทุกคนนอกลาน ใบหน้าชราของรองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงร้อนผ่าวไปวูบหนึ่ง ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างแล้ว

นี่แม่งถูกเห็นหมดแล้ว!

เสวียนเฟยหลิงไอแห้งๆ คราหนึ่ง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกข้าถกมรรคแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับรองหัวหน้าหอหลิน ไม่คิดเลยว่าจะสะเทือนไปถึงพวกเจ้า ตอนนี้… แยกย้ายกันได้แล้ว”

ทุกคนรอบบริเวณสีหน้าแปลกประหลาด ล้วนออกไปอย่างรู้ความยิ่ง

เพียงแต่ในใจทุกคนล้วนปั่นป่วนโหมกระหน่ำ เนิ่นนานก็ไม่อาจสงบลงได้

เป็นการถกมรรคแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบไหนกัน ถึงทำให้รองหัวหน้าหอเจ็ดคนร่วมกันลงมือจัดการรองหัวหน้าหอหลินคนเดียว

รองหัวหน้าหอหลินปิดด่านห้าสิบห้าปี พลังต่อสู้เปลี่ยนแปลงถึงขั้นน่าเหลือเชื่อเช่นนี้แล้วหรือ

นี่ทำเอาผู้คนสะท้านสะเทือนเกินไปแล้ว!

มองส่งเงาร่างของทุกคนหายลับไป พวกเสวียนเฟยหลิงสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนยิ้มขื่นส่ายหน้าไม่หยุด

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พูดถึงแค่ด้านพลังต่อสู้อย่างเดียว ในหมู่รองหัวหน้าหอมีหลินสวินเป็นอันดับหนึ่ง”

ตู๋กูยงทอดถอนใจ

เป็นเขาที่ออกปากขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหลินสวิน เป้าหมายก็เพราะอยากทดสอบดูว่าความแข็งแกร่งของหลินสวินจะแกร่งแค่ไหนกันแน่

แต่จนกระทั่งการต่อสู้ปิดฉาก เขาถึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าต่อให้รองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเขาลงมือด้วยกันสุดพลัง ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้เด็ดขาดโนเวลพีดีเอฟ

ถึงขั้นที่หากไม่ใช่เพราะหลินสวินบอกว่า ‘ยุติไว้เพียงเท่านี้’ ได้ทันเวลา เฒ่าชราอย่างพวกเขาเกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ยับเยินแล้วเป็นแน่!

“เฮ้อ มีชีวิตอยู่นานแล้วอย่างไร เมื่อเทียบกับเจ้าหลินสวิน ความแตกต่างก็เหมือนหญ้าป่าบนพื้นดินกับตะวันใหญ่กลางฟ้าชัดๆ”

“ฝึกปราณจนตอนนี้ ข้าเพิ่งตระหนักอย่างแท้จริงว่ามีชีวิตอยู่นานก็ใช่ว่าจะยิ่งแข็งแกร่ง”

เห็นว่าเฒ่าชราทั้งกลุ่มต่างพากันทอดถอนใจ สีหน้าซับซ้อน หลินสวินพลันรู้สึกทำตัวไม่ถูก กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน อย่าดูถูกตัวเองเป็นอันขาดเชียว หาไม่ก็จะทำให้ข้าหนักใจแล้ว ”

เสวียนเฟยหลิงหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “ทุกท่าน อย่าตัดพ้อตอกย้ำความรู้สึกอยู่ตรงนั้นเลย ทางที่หลินสวินก้าวเดินคือมรรคแห่งยอดอมตะ ใต้หล้ามีเพียงหนึ่งเดียว หากไม่สามารถองอาจกร้าวแกร่งได้ถึงขั้นนี้ ไหนเลยจะคู่ควรกับชื่อเรียก ‘ยอด’ ได้กันเล่า พวกเราแพ้ให้เขาไม่ถือว่าเสียเปรียบหรอก!”

พวกตู๋กูยงต่างหัวเราะขึ้นมา

พวกเขาย่อมไม่มีทางถูกความพ่ายแพ้แค่นี้ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตอยู่แล้ว

“หลินสวิน ข้าขอถามเจ้าหน่อย หากต่อสู้ตัดสินเป็นตายกันจริงๆ เจ้าคิดว่าพวกเราจะยืนหยัดได้นานเท่าไร”

ฟางเต้าผิงสีหน้าคร่ำเคร่ง เอ่ยถามอย่างจริงจัง

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ก็ทอดสายตามองทางหลินสวินเช่นกัน

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวยิ้มๆ “น่าจะสั้นกว่าระยะเวลาที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้นิดหน่อย”

เขาจะพูดออกไปได้อย่างไร ว่าหากต่อสู้ตัดสินเป็นตาย เพียงพริบตาก็สามารถโจมตีสังหารคนใดคนหนึ่งในพวกเขาได้แล้ว

นี่บั่นทอนความภาคภูมิใจเกินไปแล้ว

แต่แม้ว่าคำพูดเขาจะกล่าวอย่างอ้อมค้อม พวกเสวียนเฟยหลิงก็ยังฟังออก แต่ละคนล้วนทอดถอนใจไม่หยุด

หลินสวินในตอนนี้ ด้านความสำเร็จในขั้นหลุดพ้นอยู่เหนือกว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาหลายโขอย่างไม่ต้องสงสัย!

“จากที่ข้าดู ถ้าอยากบีบให้หลินสวินใช้พลังทั้งหมดออกมา เกรงว่าคงต้องใช้พลังรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ถึงจะได้”

เสวียนเฟยหลิงแววตาวับวาวกล่าวว่า “หลินสวิน ไม่อย่างนั้นพวกเราไปเขตผนึกแจ้งเร้น ให้หัวหน้าหอไท่เสวียนทดสอบฝีมือของเจ้าสักหน่อยเป็นอย่างไร”

ตู๋กูยงนัยน์ตาพราวระยับ ตบเข่าฉาด “เยี่ยมเลย!”

“เช่นนี้ดีนักๆ”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มออกมา แต่ละคนห้อมล้อมเข้าหาหลินสวินอย่างกระตือรือร้น

เมื่อครู่เจ้าหมอนี่เล่นเอาพวกเขาอับอายขนาดนี้ ก็ควรให้เขาได้ลิ้มรสความขมขื่นบ้างแล้ว!

หลินสวินลอบร้องว่าแย่แล้ว กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน วันนี้เวลาไม่อำนวย ผู้น้อยยังต้อง…”

เขาตั้งท่าจะจากไปก็ถูกเสวียนเฟยหลิงคว้าเข้าที่บ่า สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นต่างก็ห้อมล้อมเข้ามา ดักล้อมหลินสวินไม่ให้เดินไปไหน

“เจ้าหนู ทดสอบฝีมือของตัวเองจึงจะทำให้รู้ชัดเจนว่าควรพัฒนาอย่างไร เจ้าวางใจได้ พวกเรารับรอง ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะอยากดูเจ้าขายหน้าเป็นอันขาด!”

“ใช่ ไม่ได้ดูเรื่องขายหน้า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“หลินสวินเอ๋ย นี่พวกเราทำเพราะหวังดีกับเจ้านะ ถึงอย่างไรก็ใช่ว่ารองหัวหน้าหอคนใดๆ จะมีโอกาสเช่นนี้”

“เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจะขอให้หัวหน้าหอไท่เสวียนออมมืออยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ให้เจ้าเกิดความกังวลเกี่ยวกับชีวิตอะไรเลย”

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าแต่ละคนกุลีกุจอกันออกนอกหน้า

ทว่าคำพูดที่เจือแวว ‘ปลอบขวัญ’ เหล่านั้น กลับทำให้หลินสวินฟังจนใจเต้นเนื้อกระตุกระลอกหนึ่ง มีหรือจะไม่รู้เฒ่าชราพวกนี้แทบทนไม่ไหวอยากเห็นตนขายหน้า

เขาอดรู้สึกน้ำท่วมปากไม่ได้ ใครบอกว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ใจกว้างยิ่งใหญ่

เขตผนึกแจ้งเร้น

สถานที่ปิดด่านของหัวหน้าหอแรกมายาไท่เสวียน

ยังคงเป็นฟ้าดารากว้างไพศาลอันคุ้นเคยแห่งนั้น ไท่เสวียนสวมชุดผ้าป่านทั้งชุด นั่งขัดสมาธิอยู่กลางฟ้าดารา เบื้องหน้ามีกระดานหมากที่ควบรวมขึ้นจากมหามรรคกระดานหนึ่ง

ยังคงเหมือนปีนั้นตอนที่หลินสวินพบเขาครั้งแรก ประชันหมากกับตัวเอง หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง!

เมื่อรู้จุดประสงค์การมาของพวกเสวียนเฟยหลิง ไท่เสวียนก็อดแปลกใจไม่ได้ ทอดสายตามองทางหลินสวิน

เห็นเขาถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มล้อมวง สีหน้าจนปัญญา ไท่เสวียนก็เอ่ยหยอกทันที “ถ้าเจ้าถูกบีบบังคับให้กะพริบตา”

มุมปากของหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง กล่าวว่า “อันที่จริง… เป็นผู้น้อยเต็มใจมาเอง เหตุที่ผู้อาวุโสเหล่านี้กระตือรือร้นเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับผู้น้อย”

พวกเสวียนเฟยหลิงต่างพากันหัวเราะขึ้นมา

ไท่เสวียนเองก็ชอบใจเบิกบาน หยัดตัวลุกขึ้นกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะถูกบังคับให้มา แต่ข้าเองก็อยากลองดูเหมือนกันว่าพลังต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่”

หลินสวิน “…”

นี่ยังมีเหตุมีผลอยู่หรือไม่!?

“การควบรวมพลังเจตจำนงอาจสร้างความเสียหายให้มรรควิถีแห่งตนของข้า ไม่สู้ข้าใช้พลังของร่างต้นลงมือเลยดีกว่าเป็นอย่างไร”

ไท่เสวียนกล่าวพลาง พบว่าสีหน้าหลินสวินเริ่มดำทะมึน จึงกล่าวเสริมหนึ่งประโยค “แน่นอน ข้ารับรองว่าจะใช้เฉพาะพลังในขอบเขตของรูปจำลองเจตจำนงเท่านั้น”

หลินสวินถอนหายใจยาว เขาตระหนักได้ว่าตนหนีเคราะห์หนนี้ไม่พ้นแล้ว

“หลินสวิน แสดงฝีมือเต็มที่!”

“ให้หัวหน้าหอไท่เสวียนได้เห็นสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าพลังแห่งยอดอมตะ”

“ห้ามใจเสาะโดเด็ดขาด เจ้าวางใจ ต่อให้บาดเจ็บร้ายแรงแค่ไหนพวกเราก็จะช่วยเจ้ารักษาให้หายดีอย่างแน่นอน”

พวกเสวียนเฟยหลิงพากันเอ่ยปากปลุกใจ เพียงแต่อาการยิ้มหน้าระรื่นของพวกเขา ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่านี่พวกเขากำลังมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่

หนำซ้ำขณะพูดพวกเขาล้วนถอยหลบออกไปไกลๆ แล้ว คล้ายกลัวสุดขีดว่าการต่อสู้ต่อจากนี้จะลามมาถึงพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวินเห็นเช่นนี้กลับสงบลง สายตามองทางไท่เสวียน กล่าวว่า “เช่นนั้นผู้น้อยก็ไม่ขัดศรัทธาแล้ว”

เขาหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลังขับเคลื่อนทั่วร่างอึงอลโคจรออกมา

ไท่เสวียนมองสำรวจครู่สั้นๆ ก่อนดีดนิ้วคราหนึ่ง

ชิ้ง!

ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันฉับลงไป ลำพังแค่เจตกระบี่ก็เต็มไปด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่แห่งระดับนิรันดร์แล้ว

พวกเสวียนเฟยหลิงต่างรู้สึกว่าดวงตาเจ็บแปลบ สภาวะจิตล้วนมีความรู้สึกลวงประหนึ่งถูกฉีกทึ้ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ

ถึงที่ไท่เสวียนใช้ออกมาจะเป็นเพียงพลังที่เทียบเท่ากับรูปจำลองเจตจำนง ทว่าอานุภาพระดับนั้นยังคงสามารถสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตให้กับขั้นหลุดพ้นคนใดก็ตาม!

กระบี่เดียวที่ดุจดั่งเรียบง่ายเบาสบายนี้ เฒ่าชราอย่างพวกเขาต้องทุ่มสุดฝีมือถึงอาจจะหลบเลี่ยงได้

หากเข้าไปขวาง ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ!

กลับเห็นหลินสวินสูดหายใจลึกเต็มปอดเฮือกหนึ่ง ไม่หลบไม่เลี่ยง ระหว่างแขนเสื้อพลิกม้วนก็ปล่อยหมัดหนึ่งออกมา

พลังหมัดราวหุบเหว ประทับสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งร่างของเขา มีกฎเกณฑ์อมตะที่วิเศษอัศจรรย์คลุมเครือคละคลุ้ง ยามปะทะกระบี่สายนั้นพลันเกิดเสียงก้องกระหึ่มสะเทือนฟ้าดิน ฟ้าดาราละแวกใกล้เคียงล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง

ปึง!

ปราณกระบี่แตกกระจุยหายลับ เงาร่างของหลินสวินไหวโคลงเล็กน้อย เลือดลมปั่นป่วน

แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ!

พวกเสวียนเฟยหลิงสะเทือนไหวอย่างอดไม่ได้ ต้านไว้ได้!!

ไกลออกไปนัยน์ตาไท่เสวียนเจือแววแปลกไป พลันรวบนิ้วตวัดวาด ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันฉับออกมาอีกครั้ง เมื่อเทียบกับกระบี่เมื่อครู่ อานุภาพอย่างน้อยก็สูงขึ้นสามส่วน

หนำซ้ำในกระบี่นี้ยังปรากฏอานุภาพยิ่งใหญ่ที่ราวกับคงอยู่นิรันดร์อย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงเพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ ยังเกิดความรู้สึกเล็กจ้อยสิ้นหวัง

กระบี่นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถหลบได้สักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องต้านทาน

กลับเห็นเวลานี้ร่างของหลินสวินดุจดั่งไฟลุกโชน สว่าไสวเจิดจ้า ทุกอณูรูขุมขนมีแสงมรรคพร่างพราวเจิดจ้าพุ่งออกมา

ตูม!

เขาเหยียบย่างฟ้าดารา ปล่อยหมัดโจมตีออกไป

หมัดกระบี่เข้าปะทะแล้วแตกระเบิดกลางห้วงอากาศ ท่ามกลางละอองล่องลอย เงาร่างของหลินสวินโถมไปข้างหน้า ชูหมัดบุกจู่โจม ท่วงท่ากร้าวแกร่งระดับนั้นทำเอาพวกเสวียนเฟยหลิงยังอึ้งค้างอยู่กับที่

ใครจะกล้าเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ หลินสวินถึงกับยังกล้าโต้กลับอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้

“ดี!”

ไท่เสวียนร้องชมคราหนึ่ง เงาร่างยืนตระหง่านไม่ไหวติง กลับมีปราณกระบี่เป็นสายๆ โฉบออกมาภายใต้เสียงอึงอลทั่วฟ้า ฟันเข้าใส่หลินสวินอย่างแน่นขนัด

ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนมีอานุภาพสะท้านหมื่นยุค ขวางสยบเวิ้งฟ้า ส่องสว่างไพศาล ราวกับแสงสายแล้วสายเล่าที่ผุดวาบกลางนิรันดร์

ช่วงพริบตาหลินสวินก็ตกอยู่ท่ามกลางสภาพถูกกำราบ อยู่ในสถานการ์อันตราย

ปราณกระบี่นั่นน่าสะพรึงเกินไป เป็นอานุภาพส่วนหนึ่งของระดับนิรันดร์ หากเปลี่ยนเป็นขั้นหลุดพ้นคนอื่นเกรงว่าคงถูกสังหารตายคาที่ไปนานแล้ว

แต่หลินสวินกลับเข้าต่อต้านมัน ทั้งยังกร้าวแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำเอาพวกเสวียนเฟยหลิงมองจนดวงตากลิ้งหมุน สีหน้าล้วนผุดแววสะท้านสะเทือนออกมา

แข็งแกร่งถึงขั้นนี้เชียว!?

แต่ไม่นานเมื่อไท่เสวียนลงมือ หลินสวินก็ถูกกำราบเอาไว้อย่างแน่นหนา อับจนหนทาง

ตูม!

ช่วงเวลานี้เขาไม่อาจไม่ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ถึงได้สกัดต้านและสลายปราณกระบี่ที่เบียดเสียดแน่นขนัดนั่นไปได้ทั้งหมด

ทั่วร่างเขาแสงมรรคพวยพุ่ง นัยน์ตาดุจไฟลุกโชน กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ไม่ต้องออมมือ!”

ไท่เสวียนยิ้มพลางพยักหน้า

ตูม!

ลวดลายค่ายกลกระบี่กระบวนหนึ่งอุบัติ ยิ่งลุกโชนน่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ กดข่มจนหลินสวินยังรู้สึกหายใจไม่ออก ทำได้เพียงอาศัยเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งฝืนยืนหยัดอย่างยากเข็ญ ไม่สามารถโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่หลินสวินกลับไม่ได้ยอมแพ้

ในครู่เดียวกายมรรคทั้งห้าพุ่งออกไปพร้อมกัน ร่วมโจมตีพร้อมกับร่างต้น เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นก็ซัดทำลายลวดลายค่ายกลกระบี่นั่นได้ กลายเป็นละอองแสงนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น

ไท่เสวียนอึ้งไป คล้ายแปลกใจสุดขีดเช่นกัน กลางนัยน์ตาเผยแววตกใจอย่างอดไม่อยู่

อานุภาพลวดลายกระบวนค่ายกลกระบี่นี้ของเขาเทียบได้กับการโจมตีเต็มกำลังของรูปจำลองเจตจำนงแล้ว ทว่าถึงกับยังถูกหลินสวินซัดทลายลงได้!

นี่จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร

คนรุ่นเยาว์ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายคนหนึ่ง กลับมีพลังเย้ยฟ้าที่ต้านทานพลังของรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้ นี่หากกระจายออกไปทั่วหล้าจะต้องสะเทือนเป็นแน่!

ก็เหมือนเวลานี้ พวกเสวียนเฟยหลิงยังถูกสั่นคลอนจนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น สายตามึนงง

ก่อนหน้านี้พวกเขายังรอดูว่าหลินสวินจะถูกทารุณอย่างไร จะได้อาศัยเรื่องนี้มาทุเลาความอัดอั้นภายในใจสักหน่อย

แต่ใครจะคาดคิด พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาในการต่อสู้กลับเหนือความคาดหมายและจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง ทำเอาพวกเขาพลันฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ทันควัน…

หากก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในลานมรรคใจกลาง หลินสวินใช้พลังต่อสู้น่าสะพรึงระดับนี้ การร่วมมือกันของรองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเขาคงสิ้นท่าในการโจมตีเดียว อาจถูกหลินสวินกำราบลงง่ายๆ ด้วยอานุภาพประหนึ่งหักทำลายไม้ผุ!

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท