หลัวซิวไพล่มือไว้ข้างหลังแล้วยืนขึ้น ส่วนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นต้นที่เหลืออีกสี่คนไม่ต้องให้เขาลงมือเองยังได้ เพียงใช้พลังยุทธ์ของภูตมรณะมารเทพอัสนีก็สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ภายใต้การสั่งการของหลัวซิวทำให้ภูตมรณะมารเทพไม่ได้ลงมือให้ถึงตาย
ภายใต้การปราบของภูตมรณะมารเทพ ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสี่ผู้สูงส่งต่างจำใจต้องนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความอับอายราวกับคนชั่วร้ายที่ทำความผิดใหญ่และต้องได้รับการสอบสวนจากหลัวซิว
“พวกเจ้าทำร้ายสำนักไท่เสวียนของข้า เดิมทีควรได้รับโทษถึงตายด้วยซ้ำ!”
สีหน้าของหลัวซิวเย็นชาแข็งกร้าว “ทว่าข้าเป็นผู้ใจบุญผู้มีเมตตา ขอเพียงพวกเจ้ายินดีติดตามข้า และเข้ามาอยู่ในสำนักไท่เสวียนของข้าตั้งแต่บัดนี้ ข้าก็จะเว้นโทษประหารให้พวกเจ้า!”
คำพูดของหลัวซิวประโยคนี้ไม่ได้มีเจตนาจะพูดกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นต้น แต่ต้องการให้ทุกกองกำลังที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดได้ยิน
เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าทุกวันนี้สำนักไท่เสวียนมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจ และสามารถเอาชนะคนตื้นเขินพวกนี้ได้ และจะต้องมีสักวันที่เขาจากโลกแสงดาวไป เพื่อมุ่งหน้าไปยังโลกที่กว้างใหญ่กว่า ดังนั้นแล้วต้องหาวิธีแย่งพลังมาให้สำนักไท่เสวียนให้ได้
ศัตรูที่มาทั้งหมดมีหลายหมื่นคน จำนวนครึ่งหนึ่งถูกเขาใช้จักรพรรดิอัคคีนภาเผาจนสูญสลายไป ส่วนที่เหลืออีกหลายพันนี้ หากมีถึงครึ่งหนึ่งที่ยินดีติดตามกลับไป ก็จะทำให้สำนักไท่เสวียนมีพลังที่เข้มแข็งมากขึ้น
และในทุกวันนี้มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักค่ายเทพ หากเขาฝังตัวควบคุมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของคนที่กลับไป จะไม่มีใครที่สามารถเอามันออกได้
“น่าขำ! คิดจะให้ข้าติดตามงั้นหรือ ไม่มีทาง!” ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินของอาณาจักรตะวันออกตวาดเสียงแข็ง
“ผู้ใดติดตามข้าผู้นั้นรอด ผู้ใดหักหลังข้าผู้นั้นตาย!”
หลัวซิวกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ ภูตมรณะเทพมารอัสนีลงมือทันที เกิดเสียงดังปั้ง ศีรษะของมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้นี้ถูกทุบจนแตก จากนั้นจึงอ้าปากสูดเอาร่างและเทพจิตของเขาเข้าไปในท้องจนหมดสิ้น
ภูตมรณะที่มาจากกฎความตายก็สามารถดูดกลืนโลหิตและอสูรจิต รวมทั้งเทพจิตของคนอื่นเพื่อการเติบโตของตัวเองได้
ความตายของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ ทำให้ทุกคนต่างพากันรู้สึกหวาดผวา หน้าผากของเขาปรากฏเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา
แม้จอมยุทธ์ของทุกกองกำลังรวมเข้าด้วยกันจะมีมากหลายพันคน แต่ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อยู่ต่อหน้าบุคคลที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อให้มีคนเยอะกว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ เพียงแค่หลัวซิวใช้เปลวเพลิงเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถเผาคนตายหลายพันคนได้ หากเขาคิดจะสังหารกันขึ้นมาจริงๆ คนที่อยู่ตรงนี้ทุกคนไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น
หากแข็งขืนก็จะตาย หากยอมแพ้ก็จะอยู่รอด การเลือกครั้งนี้นับว่าเป็นการเลือกชีวิตครั้งสำคัญของทุกคนในกองกำลัง
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ แม้ว่าในใจของบางคนจะตัดสินใจแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ปริปาก
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าเพียงแค่สามลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หากกลับสำนักไท่เสวียนก็จะรอด” หลัวซิวเอ่ยอย่างเย็นชา
เมื่อคำพูดเช่นนี้หลุดออกไป ทุกคนต่างตัวสั่น เวลาสามลมหายใจเข้าออกนั้นสั้นเกินไปนัก ยังไม่ทันจะเกิดความคิดบางอย่างในหัว เวลาสามช่วงลมหายใจก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว
ภาพของเทพมารอัสนี ผู้เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งถูกดูดกลืนยังสร้างความตื่นตระหนกไม่หาย ดังนั้นคนพวกนี้ต่างมั่นใว่า หลังจากผ่านไปสามลมหายใจเข้าออก พวกตนก็จะสัมผัสคงามตายทันที
“ข้ายินดีติดตาม!”
“ข้ายินดีติดตาม!”
“……”
คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถยอมเผชิญหน้ากับผู้ตายได้ สิ่งที่พวกเขากลัวไม่ได้มีเพียงพลังของหลัวซิวเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการการในการสังหารอันอำมหิตของเขา
เวลาสามช่วงเวลาหายใจเข้าออกผ่านไป คนที่ยอมติดตามกลับไปมีไม่มากนัก เพราะคนส่วนมากที่เลือกมาเข้าในแต่ละกองกำลัง ล้วนเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อกองกำลัง แม้ว่าจะต้องตายแต่ก็ไม่ค่อยมีใครยอมทรยศ