เมื่อหลัวซิวมาถึงประตูสำนักเขาฟ้าดิน ค่ายพิทักษ์เขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็เริ่มทำงานทันที แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ารู้ข่าวการกลับมาของเขาแล้ว จึงได้เตรียมป้องกันเอาไว้แต่แรก
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าลูกศิษย์ที่เป็นยอดฝีมือจำนวนมากของสำนักฟ้าดินก็ได้เตรียมกำลังป้องกันเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขารวมตัวเข้าด้วยกันดูแล้วน่าเกรงขามยิ่ง
ในสำนักฟ้าดินมีมหาจักรพรรดิยุทธ์สี่คนนั่งบัลลังก์ หากยกเว้นคนที่ถูกหลัวซิวสังหารไปแล้วก็จะเหลืออีกสามคน ในบรรดาพวกเขาเจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นแปดนับเป็นยอดฝีมือที่มีฝีมือขั้นสูง
การถ่ายทอดของสำนักฟ้าดินให้ความสำคัญกับกฎฟ้า กฎดินและการประสานฟ้าดินอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นผู้บุกเบิกวิชายิ่งเลิศจำนวนมาก
ในสายเลือดของพวกเขามีความตระหนักรู้ในกฎฟ้าดินสูงมาก แม้ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งเทพมารในแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่ก็มีพลังที่แข็งแกร่งและถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน
หลัวซิวยืนอยู่ในอนัตตา มองลงไปยังสำนักเขาฟ้าดินและยิ้มอย่างไร้อารมณ์ใด “สำนักฟ้าดินของพวกเจ้าอยู่ในท่าทางแบบนี้ เพราะเตรียมที่จะตอบโต้ข้าใช้หรือไม่”
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ ทำอย่างไรดี? เจ้ามารน้อยมาถึงนี่แล้ว เรื่องนี้จะต้องไม่จบดีแน่” ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเจ้าศักดิ์สิทธิ์ฟ้าดินกล่าวเสียงเครียด
“จริงด้วย ข่าวลือบอกว่ามันตายอยู่ที่แดนปริศนาแล้วไม่ใช่หรือ” ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของสำนักฟ้าดินต่างพากันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
แม้ว่าสำนักฟ้าดินจะเตรียมพร้อมรับมือ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้อยากต่อสู้กับหลัวซิว เพราะเรื่องที่ตำหนักอัคคีนภาถูกเผาทำลายจนวอดยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกเขา
เมื่อนึกย้อนกลับไป ภายในตำหนักอัคคีนภามีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่สิบกว่าคน แต่ถูกหลัวซิวสังหารไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เจ้าศักดิ์สิทธิ์ตำหนักอัคคีนภาเองก็ถูกสังหารตายคาที่เป็นภาพที่น่าอนาจใจอย่างยิ่ง
ความรู้ความสามารถของสำนักฟ้าดินแม้ว่าจะสูงกว่าตำหนักอัคคีนภา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจัดการคนที่ฝีมือโหดเหี้ยมอนย่างหลัวซิวได้
สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินเคร่งเครียดลนลาน เขาเห็นหลัวซิวพาสตรีเพียงสองคนติดตามมาด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด และนี่ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นใจ
“เจ้าสำนักหลัว ระหว่างสำนักฟ้าดินและสำนักไท่เสวียนมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นหรือไม่” เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินเอ่ยปากขึ้น
“เข้าใจผิด?” รอยยิ้มของหลัวซิวเลือนหาย “หากเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง เหตุใดคนของสำนักฟ้าดินถึงได้โจมตีแดนตำหนักจื่อสำนักไท่เสวียนของข้าเล่า”
“เจ้าสำนักหลัว เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง เนื่องจากสำนักฟ้าดินของพวกเรามีลูกศิษย์มากมาย จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้หากจะมีคนบางพวกไม่ฟังคำสั่งและไปก่อเรื่องวุ่นวาย เจ้าสำนักหลัวสามารถตรวจสอบได้” เจ้าสำนักฟ้าดินยังคงอธิบายต่ออย่างดื้อดึง
คำอธิบายที่ขอไปทีเช่นนี้ ทำให้หลัวซิวอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าสำนักฟ้าดินเป็นคนที่หน้าหนาใช้ได้เลยทีเดียว
“คนของสำนักฟ้าดินโจมตีแดนปริศนาของสำนักไท่เสวียนของข้า ท่านจะอธิบายด้วยคำพูดแบบขอไปทีเช่นนี้หรือ”
หลัวซิวยิ้มอย่างแข็งกระด้าง “หากสำนักฟ้าดินของพวกท่านไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจกับข้าได้ ผลจะเป็นอย่างไรพวกท่านคงรู้ดี”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกไป ลูกศิษย์ของสำนักฟ้าดินก็ตกอยู่ในความอลหม่าน ที่ผ่านมาในความคิดของพวกเขา เจ้าศักดิ์สิทธิ์คือคนที่สูงส่งสำหรับพวกเขามาก อำนาจของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งไม่อาจยอมให้ผู้ใดมาหยามได้
ทว่าตอนนี้กลับมีคนผู้หนึ่ง มาเยือนสำนักเขาฟ้าดินด้วยท่าทางโอหัง และกำลังข่มขู่เจ้าสำนักด้วย
หลายๆ คนต่างพากันหัวเราะเย้ยหยันในใจ เพราะเรื่องที่หลัวซิวฝึกตนไม่ถึงสี่สิบปีและข่าวลืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขา พวกเขาต่างไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ลูกศิษย์สำนักฟ้าดินเหล่านี้ต้องอ้าปากค้าง นั่นคือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินถอนใจแล้วกล่าวว่า “จากความหมายของเจ้าสำนักหลัว ท่านต้องการให้ทำอย่างไรถึงจะคลายความเข้าใจผิดนี้ลงได้”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สำนักฟ้าดินเองก็ไร้หนทาง เพราะเขามั่นใจว่าข่าวลือต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลัวซิวนั้นคือเรื่องจริง ในตอนนี้หากเทพมารยังไม่ปรากฏตัวก็คงไม่มีใครสามารถปราบเขาลงได้