“เจ้ายุทธจักรหยกนาราบรรลุแล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง แน่นอนว่าข้าต้องไปร่วมแน่”
หลัวซิวรีบตกปากรับคำทันที เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวมีบุญคุณต่อเขา ส่วนเทวีหานยู่ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับหวูชิวมาก และลู่เมิ่งเหยาเองก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเขา
อันที่จริงแล้วสำหรับหลัวซิวเองก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อลู่เมิ่งเหยาเช่นกัน แต่เรื่องของความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในโลกยุทธ์เขาจะเป็นผู้ที่มีความสามารถในระดับสูงมาก แต่ในเรื่องของความรู้สึก เขากลับไม่สามารถหาทางออกได้
แม้แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์เองที่ติดตามเขามาหลายปีถึงวันนี้ก็ยังไม่มีสถานะต่อกัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลัวซิวไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ
ที่พำนักของเทวีหานยู่อยู่ที่เขายู่หลิง นับว่าเป็นสถานที่ล้ำค่าสำหรับการฝึกตนในอาณาจักรตะวันออก และมีค่ายกลพรสวรรค์คอยคุ้มกัน นำพลังฟ้าดินจิตมาขับเคลื่อนปราณทิพย์ ทำให้เหมาะสมต่อการฝึกตนมาก
เจ้ายุทธจักรหยกนาราบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ทำให้ทั่วสารทิศต่างมาแสดงความยินดี เมื่อเทียบกับตอนที่หวูชิวบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วนับว่างานนี้ครึกครื้นกว่ามาก
เป็นเพราะว่าหวูชิวเกิดมาจากตระกูลยุทธ์ แต่เทวีหานยู่นั้นแตกต่างออกไป นางไม่ได้เข้าร่วมสำนักหรือกองกำลังใด ทำให้ทุกกองกำลังต่างพยายามจะดึงนางเข้าไปเป็นพวก
หลัวซิวเตรียมของขวัญที่มีมูลค่าค่อนข้างมากเอาไว้ชิ้นหนึ่ง เทวีหานยู่ให้ความสำคัญกับเขามากจนเชิญเขามานั่งยังที่นั่ง
ทุกกองกำลังต่างส่งคนมาร่วมแสดงความยินดี หนึ่งในนั้นก็มีแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภา แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน สำนักทะยานเซียน รวมทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์สระบัวแท้
“หลัวซิว!”
น้ำเสียงใสสะอาดดังสะท้อนขึ้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกกองกำลังต่างหันไปมอง
สตรีหน้าตางดงามคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างของนางใสสะอาดราวกับหยดน้ำบริสุทธ์ที่มองเห็นก้นบึ้งทะลุไปยังหัวใจของนาง
ดวงตาคู่นี้ของนางราวกับอัญมณีที่ใสบริสุทธ์ที่สุดบนโลกใบนี้ ทำให้คนที่สบตากับนางต่างรู้สึกหัวใจปั่นป่วน
“เจ้าคือ……”
หลัวซิวรู้สึกคุ้นหน้านางมาก แต่ตอนนั้นก็ยังคิดไม่ออก
ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของสตรีนางนี้ก็ปรากฏเงาสตรีหน้าตาสะสวยอีกสองสามคน ชุดกระโปรงที่พวกนางสวมใส่ปักรูปดอกบัวสีเขียวเอาไว้
นี่คือชุดของแดนศักดิ์สิทธิ์สระบัวแท้ นี่เองที่ทำให้หลัวซิวนึกฐานะของสตรีนางนี้ออก
“เจ้าคือเหลียนเอ๋อร์?”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อย้อนนึกถึงอดีต เหลียนเอ๋อร์โวยวายอยากเอาชนะเขาให้ได้ และตอนนั้นนางเป็นดรุณีน้อยอายุเพียงสิบห้าขวบ
ตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ดรุณีน้อยในวันนั้นก็เติบโตขึ้นกลายเป็นสาวงามล่มเมืองเช่นนี้
“เจ้ายุทธจักรช่วงปลายงั้นหรือ” เมื่อสังเกตการฝึกตนของเหลียนเอ๋อร์ได้แล้ว หลัวซิวก็หรี่ตาลงด้วยความคลางแคลงใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การต่อสู้แย่งชิงโควต้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้น เหลียนเอ๋อร์ไม่ได้รับการคัดเลือก แต่นางเป็นองค์กุมารพรสวรรค์ นางจึงมีพรสวรรค์ในการฝึกตนที่ดีกว่าคนอื่นมาก
การฝึกตนของนางยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าเริ่มต้นทีหลังแต่แซงหน้าคนที่เริ่มก่อนจนเหนือกว่าหนุ่มสาวทุกคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน
และแม้แต่ความเร็วในการฝึกตนของหลัวซิวก็ยังสู้นางไม่ได้
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังกฎชีวิตที่โคจรอยู่รอบกายของนาง สิ่งที่นางตระหนักรู้คือกฎชีวิตซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในกฎระดับสูงสุด
คราวนี้นางไม่ได้ร้องโวยวายจะเอาชนะหลัวซิว แต่กลับวิ่งเข้ามาหาหลัวซิวอย่างซุกซนแล้วกล่าวคำพูดที่ทำให้ทุกคนต้องแปลกใจ
“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านยังจำข้าได้” เหลียนเอ๋อร์ยิ้ม จากนั้นใบหน้าขาวใสของนางก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้น “ข้าต้องการเอาชนะท่านให้ได้ เพื่อให้ท่านยอมแต่งงานกับข้า!”
“พรืด!”
หลัวซิวเพิ่งจิบชาเข้าไปหนึ่งคำ จึงพ่นออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแต่เขาคนเดียว แม้แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นต่างก็พากันอ้าปากค้างเทพธิดาของแดนศักดิ์สิทธิ์สระบัวแท้คนนี้จะสร้างเรื่องอะไรอีก
แดนศักดิ์สิทธิ์สระบัวแท้ได้ชื่อว่าเป็นแดนสุขาวดีที่บริสุทธ์ที่สุดมาตลอดในใต้หล้าแห่งนี้ เทพธิดาของแดนอื่นจะกล้าหาญเช่นนี้หรือไม่