มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1025
เมื่อได้ยินเช่นนั้น การแสดงออกของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ศิษย์พี่จงเยว่ นำอาวุธเทพของท่านมาด้วยหรือ?”
ในบางครั้ง อาวุธที่เทพมารใช้ก็ถูกเรียกว่าอาวุธเทพ
แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินมีความเป็นมาอันยาวนานเช่นกัน แต่เนื่องจากเทพมารมิได้ถือกำเนิดขึ้นมานานนับหมื่นปีแล้ว อาวุธเทพที่หล่อหลอมโดยเทพมารที่แข็งแกร่งในอดีต จึงได้สูญหายไปเนิ่นนาน
ชายชราจงเยว่ยกมือขึ้นลูบเคราของเขาแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ “หากมีอาวุธเทพในมือ เจ้าปีศาจน้อยที่นามว่าหลัวซิวคงต้องถูกสังหารเท่านั้น!”
ในขณะนั้นเอง หลัวซิวในกระจกเงาก็เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาของเขาดูเหมือนสามารถมองผ่านกระจกใสและมองไปยังร่างของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เหล่านั้น
“ฮึ!”
หลังจากน้ำเสียงอันเยือกเย็นนั้น กระจกที่อยู่ตรงหน้าของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ท้ายที่สุดมันก็แตกละเอียดเป็นผุยผง
ด้านนอกประตูภูเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน หลัวซิวหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แน่นอนว่าเสียง “ฮึ” เมื่อครู่นั้นเป็นเสียงของเขา
บัดนี้เขาเป็นนักค่ายเทพ ที่หน้าประตูภูเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินมีการวางค่ายกลเฝ้าสังเกตเอาไว้ จะรอดพ้นสัมผัสการรับรู้ของเขาได้อย่างไร?
เขาไม่เพียงแต่ค้นพบค่ายกลเฝ้าสังเกตเท่านั้น แต่ยังใช้ค่ายกลเฝ้าสังเกตในการมอง พบว่ามีมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสิ้นแปดคนอยู่ในประตูภูเขาแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน
“ตำหนักดารานภาดูเหมือนจะความจำไม่ค่อยดีนัก คิดว่าคำกล่าวเตือนของข้าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือ?”
รังสีอาฆาตแค้นแผ่ซ่านออกมาจากในดวงตาของหลัวซิว เขาได้ประกาศวาจาไว้แล้ว ณ ตอนที่อยู่ในเขายู่หลิง หากมีใครมาขวางหูขวางตาอีกละก็ เขาจะไม่ปรานีอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดจึงเดินไปมาอยู่หน้าประตูภูเขาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินของข้า?”
ผู้คุ้มกันภูเขาเห็นกลุ่มผู้คนที่อยู่ตรงหน้าทำท่าทีมิสนใจตน จึงได้ทำสีหน้ามืดมนลง น้ำเสียงของเขาดูไร้ความปรานีเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ลมปราณอันแข็งแกร่งลอยออกมาจากประตูภูเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน หลัวซิวทุบกระจกนั้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทำให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดที่อยู่ภายในรู้ได้ทันทีว่าเขาพบว่าตนและคนอื่นๆ ว่ากำลังสอดแนมแอบมองอยู่
ดังนั้นทั้งแข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์จึงไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป พวกเขาปลดปล่อยรัศมีพลังอำนาจของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วเดินไปในอากาศ ออกจากประตูภูเขา
เบื้องหลังของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดนี้มีศิษย์หลายพันคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินตามออกมา นักยุทธ์เหล่านี้ล้วนได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทุกคนเป็นระเบียบเพียบพร้อม เมื่อรวมตัวกันกลายเป็นกองกำลังอันแข็งแกร่ง
ตามคำกล่าวที่ว่า แนวโน้วของพลัง นั่นก็คือหัวใจของผู้คน เมื่อมารวมกันพวกเขาสามารถแข่งขันกับผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้
“หลัวซิว เหตุใดเจ้าจึงเดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินของข้า?”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินก้าวขึ้นไปบนก้อนเมฆมงคล ความงามซึ่งเป็นอมตะ ก้มลงมองไปที่หลัวซิวซึ่งยืนอยู่หน้าประตูภูเขา เขาเอ่ยถามด้วยท่าทีอันเฉยเมย
ศิษย์หลายพันคนรวมตัวกันเพื่อสร้างพลังแข็งแกร่ง จากนั้นส่งมารวมกันบนร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ทำให้รัศมีที่เปล่งออกมาของเขาดั่งเทพมารที่กดดันทุกคนได้
พลังเช่นนี้สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ใบหน้าเปลี่ยนสีได้ แต่กับหลัวซิวนั้นไม่มีประโยชน์อันใดเลย
“เหตุผลที่ข้าเดินทางมานั้น เจ้ารู้อยู่แก่ใจ เหตุใดยังต้องเอ่ยถาม?”
หลัวซิวยิ้มขึ้นบางเบา “เจ้าตั้งค่ายต่อสู้เช่นนี้ ดูเหมือนว่าเราคงไม่สามารถสนทนากันได้ด้วยดี”
ระหว่างนั้น สายตาของหลัวซิวก็จ้องไปที่แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ของตำหนักดารานภาทั้งสาม “ข้าเคยเตือนเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ในเขายู่หลิง แต่ดูเหมือนว่าตำหนักดารานภาของเจ้าจะไม่ใส่ใจในคำเตือนของข้าแม้แต่น้อย”
ผู้อาวุโสจงเยว่พ่นลมหายใจเย็นชาออกมา เขาก้าวกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วตะโกนว่า: “เจ้าปิศาจน้อยผู้สร้างความชั่วร้ายมากมาย เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถแข็งแกร่งแล้วจะกระทำตัวเย่อหยิ่งจองหองเช่นนี้ได้หรือ? นับแต่สมัยโบราณมา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปราบปรามเผ่าปีศาจมาร สร้างความสำเร็จอันดีงามไว้ เจ้าคิดว่าเจ้าซึ่งเป็นเพียงผู้น้อยจะละเมิดได้ง่ายดายหรือ?”