มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1086
“บูม !”
อนัตตาดับสลายไป ลายค่ายของค่ายดาราแปดด้านแตกเป็นเสี่ยง ๆ มกุฎเทพดารานับร้อยกำเนิดขึ้น และมลายหายไป
“หมื่นจักรวาลไร้รูป!”
หลัวซิวตะโกนขึ้น มือจับหอกยุทธ์มังกรดำแสดงพลังอมตะ คนและหอกรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นลำแสง เป็นนิรันดร์ในชั่วขณะ
“ฟิ้ว !”
อาจารย์เทพมารคนหนึ่งถูกแทง ร่างกายแตกเป็นละอองเลือด ช่องจิตเองก็ถูกจิตภัณฑ์หงเทียนกลืนกิน
วินาทีต่อมาหลัวซิวกลายเป็นร่างกายหลัก ใช้ตราเทวภูขจีด้วยมือซ้าย
ตราเทวภูขจีนี้เป็นพลังอมตะวิชาหนึ่งของโลกจักรภพตระกูลหลี่ โลกจักรภพตระกูลหลี่เป็นตะกูลราชาเทพ พลังอมตะมี 36 ชนิด หลัวซิวสามารถอาศัยหมื่นจักรวาลไร้รูปพัฒนาพลังที่น่าสะพรึงกลัว
“ปัง !”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์จักรภพรุ่นก่อนถูกปราบปรามด้วยตราเทวภูขจีของหลัวซิว เลือดเนื้อพุ่งกระจายไปทั่วทุกทิศ เนื้อถูกบดขยี้เป็นผุยผง
ในตอนนี้เอง กระบี่เทวสังหารพุ่งมา เสียงดังฉึกฟันลงมาที่แผ่นหลังของหลัวซิว ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวและมีเลือดไหลที่มุมปาก
ถ้าไม่มีเกราะเทพเวหากาลปกป้องร่างกายอยู่ กระบี่เล่มนี้ก็สามารถคร่าชีวิตเขาได้
สามารถทำการโจมตีดังกล่าวได้ มีเพียงเทพมารเก่าแก่ผู้นั้นของตำหนักดารานภา
“เป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก !”
สีหน้าของอาจารย์ผู้นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้สึกว่ากระบี่เทวของเขาสามารถตัดทองเหล็กเซียนให้แตกกระจายได้ แต่กลับไม่สามารถทำลายการป้องกันของหลัวซิวไปได้ เป็นเพียงแรงจู่โจมที่แข็งแกร่ง ที่ทำให้รู้สึกตกใจเท่านั้น
“ตาแก่เจ้าลองรับมือกับเพลงยุทธของข้าดู”
หลัวซิวใช้ตราธรรมจุติมรณะ เสียงดังปังทำให้อาจารย์ผู้นั้นกระอักเลือดและถอยหลังกลับไป เขากระอักเลือดไม่หยุด
อาจารย์เทพมารแปดตน ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบลมหายใจ กลับถูกสังหารไปแล้วสี่ตน
สิ่งนี้ทำให้สี่ตนที่เหลือรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
สิ่งที่หูได้ยินอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่ตาเห็นต่างหากจึงจะเป็นเรื่องจริง มีเพียงคนที่ได้ต่อสู้กับหลัวซิวจริง ๆ เท่านั้นถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งคนนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
พลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้คือระดับเทพมารขั้นสูง แค่ลงมือก็ถึงตาย เทพมารขั้น 7 ก็ต้านทานไม่ไหว
“เจ้าสำนักหลัว หยุดได้ไหม ?” เทพมารที่เก่าแก่ที่สุดของตำหนักดารานภาเอ่ยขึ้นมา
ตำหนักดารานภาได้สืบทอดมาหลายร้อยหลายพันปี แต่ตอนนี้มีเทพมารเพียงเก้าตน และในชั่วครู่ถูกขจัดไปแล้วสี่ตน เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ อีกพันปีหมื่นปีอาจจะไม่มีเทพมารอีกสี่ตนปรากฏขึ้นมาอีกก็เป็นได้
เพราะทรัพยากรโลกมีอย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นโลกแสงดาวหรือโลกแสงดาวเกณฑ์กฎก็เช่นกัน ในอนาคตทรัพยากรก็ยิ่งน้อยลง สถิติการเป็นเทพมารก็ยิ่งลดต่ำลงไปด้วย
อาจารย์ผู้นี้ที่มีชีวิตรอดมาได้เกือบแสนปีทนไม่ได้ที่จะเห็นตำหนักดารานภาล่มสลายไป ทำได้เพียงต้องเลือกการประนีประนอม
“คนที่ต้องการลงมือคือพวกท่าน แล้วทำไมต้องหยุดเมื่อท่านบอกให้หยุด ? “
หลัวซิวเผยสีหน้ายิ้มเย็นชา เขาเปิดใช้งานเกราะเทพเวหากาลได้เพียงยี่สิบลมหายใจเท่านั้น ตอนนี้ระยะเวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาจำเป็นต้องได้อำนาจเป็นฝ่ายรุกมาภายในระยะเวลาที่จำกัด
“เจ้าสำนักหลัว ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรท่านถึงยอมหยุด ?” อาจารย์ของตำหนักดารานภาเอ่ยขึ้น
“ข้าต้องการให้พวกท่านใช้ช่องจิตดั้งเดิมในการสาบาน ถ้าฝ่าฝืนร่างกายและจิตใจจะถูกทำลาย ไม่ตายดี !”
หลัวซิวพูดอย่างเฉยเมย เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสูงออกมา
อาจารย์ของตำหนักดารานภาที่เหลือสี่ตนมีสีหน้าท่าทางที่ดูยำเกรง เห็นได้ชัดว่าหลัวซิวไม่ต้องการให้พวกเขามีเวลาคิด ถ้าไม่ตอบตกลงละก็ ก็จะทำให้ถึงตาย
ถ้าสู้กันถึงตายจริง ๆ พวกเขาทั้งสี่ตนอาจจะต้องตายด้วยน้ำมือของหลัวซิว เนื่องจากพลังการต่อสู้ของชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งคนนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ
“ ได้ พวกเราตกลง”
เทพมารที่แก่ที่สุดเอ่ยขึ้น อาจารย์เทพมารอีกสามท่านทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก แต่ละคนต่างใช้ช่องจิตดั้งเดิมในการสาบาน