การต่อสู้ที่เกิดขึ้นทางนี้ดึงดูดความสนใจของศิษย์ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินไปไม่น้อย หนึ่งในนั้นต้องไม่ขาดผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นทั้งสองประมือกัน ต่างก็รู้สึกตาลายจิตสั่นเช่นกัน
นี่เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองต่างเข่นฆ่าปะทะกันด้วยผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 แต่พลังการโจมตีกลับเกะกะระรานอย่างมาก กำลังรบน่าทึ่ง อยู่เหนือผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น การตระหนักรู้ในแดนกฎคนทั้งสองก็สูงมากเช่นกัน ปล่อยพลังวิชายิ่งเลิศต่าง ๆ ออกมาได้ในทันที แม้จะเป็นกระบวนท่าระดับพลังอมตะก็สามารถควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยม พลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรองผู้ใด
หลัวซิวใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปพัฒนาพลังอมตะได้สองพลัง พลังแรกคือตราเอี๊ยงอัคคี ส่วนอีกพลังหนึ่งคือมังกรกระบี่
เขาเคยแสดงพลังอมตะทั้งสองพลังนี้ตอนที่ประมือกับจูเฟยเฉียว ถ้าใช้พลังอมตะดังกล่าวตอนนี้คนอื่นก็จะไม่สงสัย
แม้พลังอมตะทั้งสองพลังนี้จะไม่ใช่พลังอมตะที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในหอไตรของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน แต่ทุกคนต่างมีโอกาสที่แตกต่างกัน การได้รับการถ่ายทอดสืบสานพลังอมตะจากผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ทว่าหลัวซิวกลับต้องควบคุมทุกอย่างให้แม่นยำมาก ๆ หากพลังอมตะที่เขาแสดงออกมามีเยอะเกินไป ก็จะทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ มาแอบสังเกตการณ์เขาได้
“ตู้ม ตู้ม! ตู้ม!……”
เห็นเพียงหลัวซิวกางแขนทั้งสองข้างและนิ้วมือทั้งห้าออก มีมังกรกระบี่สิบสายพุ่งตรงออกมาอย่างมโหฬารพันลึกในพริบตาเดียว บดอากาศที่ว่างเปล่านับร้อยไมล์ไปอย่างละเอียด อานุภาพเกรียงไกรอย่างมาก
มังกรกระบี่สิบสายนี้ได้พันธนาการหลิงเฟิงไว้ วนอยู่รอบร่างที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปมานั่นของเขา ชั่วพริบตาเดียว ชุดสีขาวที่อยู่บนตัวเขาก็แตกสลายไปอย่างเปราะบาง ตามร่างกายก็ถูกปราณกระบี่เฉือนจนเกิดเป็นรอยแผลหลายสิบแผล
“เจ้าสามารถแสดงพลังอมตะหนึ่งออกมาได้ทรงพลังเช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ ข้าหลิงเฟิงประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริง ๆ”
หลิงเฟิงเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วคำรามเสียงดังยาว มีระฆังใหญ่สีเทาหม่นที่ดูโบราณและเรียบง่ายบินออกมาจากหว่างคิ้วของเขา“!”
“ตั่งง!”
เสียงระฆังดังสะเทือน ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า บริเวณรอบ ๆ ถูกแรงสั่นสะเทือนจนแตกสลาย ชี่อลวนพรั่งพรูออกมา ราวกับภาพเหตุการณ์ดับสูญครั้งยิ่งใหญ่ยังไงอย่างนั้น
ระฆังโบราณที่ดูไม่โดดเด่นลูกนี้ มีพลังเทพของกฎตรีภพแฝงซ่อนอยู่ ภายใต้แรงสั่นสะเทือนหนึ่งครั้ง ถึงกับทำให้พลังอมตะมังกรกระบี่สิบสายนั่นของหลัวซิวแตกสลาย
ในที่สุดระฆังโบราณที่อยู่เหนือหัวหลิงเฟิงก็หลุดพ้นจากการล้อมฆ่าของมังกรกระบี่สิบสายได้สักที
“ไอ้แซ่หลัว เจ้าถึงกับสามารถบีบบังคับให้ข้าใช้ระฆังอลวนได้อย่างนั้นหรือ?!”
หลิงเฟิงทั้งตะลึงทั้งโกรธ“ครั้นเมื่อข้าเข่นฆ่ากับเทพมารอสูรตนหนึ่งในดินแดนที่ป่าเถื่อน เนื่องด้วยสถานการณ์จนตรอกข้าถึงใช้สมบัติชิ้นนี้สังหารมัน นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็สามารถบีบบังคับให้ข้าใช้สมบัติชิ้นนี้ได้อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายด้วยคนเถอะ!”
ยิ่งกว่านั้นคือสภาพการประลองในตอนแรกก็เปลี่ยนไปแล้ว ทำให้มีความคิดที่อยากจะฆ่าผุดขึ้นมาในใจเขา ต้องฆ่าหลัวซิวให้ตายก่อนถึงจะมีความสุข
ระฆังอลวนคืออัญมณีแห่งเทพมารชิ้นหนึ่ง ต่อให้เป็นอัญมณีแห่งเทพมารแต่ประสิทธิภาพของมันก็อยู่ระดับสูงของสูง พลานุภาพของมันอยู่เหนือเตาเทพของหลัวซิวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
เล่ากันว่ามีศัสตราวุธฟ้ากำหนดอยู่หนึ่งชิ้น ซึ่งชื่อของมันก็คือระฆังอลวน ระฆังอลวนชิ้นนี้ของหลิงเฟิงไม่ใช่สมบัติบ่มเพาะฟ้ากำหนดแต่อย่างใด เป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น แต่พลานุภาพของมันก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“โครม!”
หลิงเฟิงมีจิตที่อยากจะฆ่าหลัวซิว ระฆังอลวนกลายร่างเป็นระฆังขนาดใหญ่ที่สูงเท่าภูเขาลูกหนึ่ง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวก็สั่นสะเทือนไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน สะเทือนจนอากาศที่ว่างเปล่าแตกสลาย วิวัฒนาการกลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่อลวนทลาย ปากระฆังกำลังพุ่งตรงเข้ามาครอบร่างหลัวซิว
“หอกยุทธ์มังกรดำ!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ภายใต้สถานการณ์ที่จนตรอกเขาทำได้แค่ใช้อาวุธชิ้นนี้ หอกยุทธ์มังกรดำในปัจจุบันวิวัฒนาการไปเป็นอาวุธระดับศัสตราวุธฟ้ากำหนดแล้ว อนุภาคของมันแข็งแกร่งยิ่งใหญ่กว่าระฆังอลวนเลียนแบบของฝ่ายตรงข้ามมาก
เรื่องดำเนินการมาจนถึงตอนนี้ ศึกระหว่างหลิงเฟิงในครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้วหลัวซิวก็ต้องใช้ศักยภาพที่เก็บซ่อนไว้ส่วนหนึ่งของตนออกมาอยู่ดี
“ตู้มม!”
เขาแท่งหอกออกไป แสงหอกรูปมังกรทำให้ทุกสิ่งอย่างแตกเป็นชิ้น ๆ ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแตกสลาย ตรีภพโหมซัด พลังเทพกฎความตายและกฎปริภูมิปะทะเขาด้วยกัน งดงามอย่างมาก