ไข่มุกเม็ดนี้ที่ดูไม่ค่อยโดดเด่นอะไร แต่ความเป็นจริงมันถือเป็นห้วงกาลแดนที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว ศิษย์ทั้งหมดในสำนักไท่เสวียนที่ยินดีที่จะมุ่งหน้าไปยังโลกเสวียนเทียนพร้อมกับหลัวซิว ล้วนอยู่ในพื้นที่ภายในไข่มุกเม็ดนี้แล้ว
ถึงแม้ศิษย์ในสำนักจะหายไปครึ่งหนึ่ง แต่รากฐานและพลังศักยภาพของสำนักไท่เสวียนยังคงอยู่เช่นเคย รวมไปถึงวิธีการรับมือต่าง ๆ เมื่อถูกบุกรุกที่เขาจัดวางไว้ก็ยังคงอยู่ เพียงพอที่จะรับประกันการถ่ายทอดสืบสานของสำนักไท่เสวียนได้อย่างไร้กังวล
หลังจากที่จัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลัวซิวจึงยกมือขึ้นมาฉีกปริภูมิออก และไปถึงในแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การล่มสลายของสำนักเทียนช่าในโลกเสวียนเทียนแล้ว เหล่าเทพมารที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของสำนักเทียนช่าในตอนแรกก็ไม่กล้าย้อนกลับมาในโลกาชั้นฟ้า สิ่งเดียวที่เกรงกลัวก็คือการไล่ล่าจากผู้แข็งแกร่งในสำนักไร้เจตสิก
อีกอย่างเทพมารเหล่านั้นก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ไปหลบภัยอยู่ที่ใดสักแห่ง
หลิวหงเทียนกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เขายังคงเป็นเจ้าแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เช่นเคย ทุก ๆ สามสี่ปีแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็ยังคงส่งศิษย์ในสำนักที่มีความสามารถดีเลิศมาฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์อยู่เช่นเคย
ในขณะเดียวกัน หลิวหงเทียนก็ได้คัดเลือกอัจฉริยะที่มีความฉลาดเป็นเลิศส่วนหนึ่งในโลกแสงดาวไปบ่มเพาะในแดนศักดิ์สิทธิ์ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่ใช้ในการฝึกตน รวมไปถึงโอกาสในการตระหนักรู้ร่องรอยกฎของตำหนักเต๋า มีครบทุกอย่างเท่าที่ควรจะมี
เมื่อหลัวซิวปรากฏตัวอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงหลังอย่างหลิวหงเทียนก็สัมผัสได้ในทันที
บอกไม่ถูกเช่นกันว่าระหว่างเขาและหลัวซิวเป็นศัตรูหรือมิตรสหายกันแน่ เพียงแต่จุดยืนในอดีตแตกต่างกัน ในใจต่างก็มีมาตรฐานในการวัดที่แตกต่างกัน
หลัวซิวไม่ได้ไปหาหลิวหงเทียน และหลิวหงเทียนก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาก่อน ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกัน
นอกจากหลิวหงเทียนจะสัมผัสได้ถึงการมาเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาแล้ว การปรากฏตัวของหลัวซิวไม่ได้ทำให้คนอื่น ๆ ตื่นตกใจ ก่อนที่เขาจะไปถึงแท่นบูชาวาร์ฟที่สามารถมุ่งหน้าตรงไปยังโลกเสวียนเทียนนั่นได้อีกครั้ง
“โครม!”
หลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่ง แท่นบูชาวาร์ฟก็ถูกเขาเปิดออก มีลำแสงหนึ่งพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เปิดออกเป็นเส้นทาง ส่องทะลุอากาศอันว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขตระหว่างโลกแสงดาวและโลกเสวียนเทียน
“เขาจากไปแล้วหรือ?”
หลิวหงเทียนสัมผัสได้ มองไปทางพลังแห่งกฎที่ตลบฟุ้งอยู่บนนภาดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“อัจฉริยะอย่างเขา คงมีเพียงโลกเสวียนเทียนที่ฟ้าดินกว้างใหญ่นั่น ถึงเป็นที่ที่เหมาะสมกับเขาละมั้ง”สีหน้าของหลิวหงเทียนไร้อารมณ์ พลางถอนหายใจในใจเบา ๆ
ชั่วชีวิตนี้เขาทำงานอย่างหนักเพื่อผลประโยชน์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ทว่าเนื่องจากมิตรภาพส่วนตัวบางอย่างทำให้เขาสูญเสียอัจฉริยะที่มากความสามารถ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากได้รับการช่วยเหลือจากหลัวซิว หากเขายินดีทุ่มแรงเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทั้งโลกแสงดาวจะกลายเป็นแผ่นดินของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าปีศาจมารทั้งสองจะถูกขับไล่ออกไปจากโลกแสงดาว!
หลิวหงเทียนมีความฝันและความคิดของตัวเอง แต่ทว่าความคิดทั้งหมดนี้ของเขากลับดูรุนแรงเกินกว่าเหตุและเห็นแก่ตัวในสายตาหลัวซิว
เนื่องจากเขาสนใจแค่ความคิดของตัวเอง กลับไม่เคยคำนึงถึงความคิดเห็นของคนอื่นเลย
และถึงแม้ผลการฝึกตนของหลิวหงเทียนจะอยู่เทพมารช่วงปลาย แต่โลกทรรศและสิ่งที่ได้พบเห็นรู้จักกลับจำกัดอยู่แค่ในโลกแสงดาว ส่วนหลัวซิวกลับโบยบินไปสู่โลกที่กว้างใหญ่มากกว่าตั้งนานแล้ว
……
ระยะเวลา 3 ปี ไม่มีผลอะไรสำหรับนักยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นต้นไป
ถึงแม้ศึกการต่อสู้ในครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจของคนได้ไม่เยอะมากนัก แต่ถึงอย่างไรมันก็มีความเกี่ยวข้องกับอัจฉริยะไร้เทียมทานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยตำนานและสีสันอย่างเทียนหวูเชวอยู่ ช่วงนี้ผู้คนที่ปรากฏอยู่บริเวณสถานประลองยุทธ์ก็มีไม่น้อยเช่นกัน คนจำนวนมากต่างอยากจองที่นั่งชมการประลองที่จะเกิดขึ้นใน 3 เดือนภายหลัง
ส่วนร่างแยกกฎความตายของหลัวซิวนั้น หลังจากที่ปิดขังในห้องพักโรงเตี๊ยมเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือกลั่นยา!
เขาใช้แก้วเทวไปเจ็ดล้านกว่าชิ้น ซื้อยาเซียนมาได้เป็นจำนวนมาก จึงจะปล่อยให้ยาเซียนทั้งหมดนี้สูญเปล่าไม่ได้อยู่แล้ว