มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1202
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนแท่นประลองความเป็นความตาย ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกช็อกต่อสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยิน ผู้ชมนับหมื่นต่างพากันลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เหลือเชื่อ
“กำลังรบของคนดังกล่าวสามารถกดอัดคุณชายหวูเชวได้อย่างนั้นหรือ?”
เทียนหวูเชวเป็นเหมือนผู้ไร้เทียมทานในเทพนิยายในหมู่คนรุ่นใหม่ นับตั้งแต่ที่เดินบนเส้นทางการฝึกยุทธ์ เขายังไม่เคยแพ้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว อำนาจบารมียิ่งใหญ่ กดอัดจนทำให้วัยรุ่นจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ต่างหายใจไม่ออก
เขาเป็นพระเอกของยุคสมัยนี้ แต่ปัจจุบันกลับถูกชายหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรคนหนึ่งยับยั้ง จึงทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อมาก
“โล่เต่าเสวียน!”
เทียนหวูเชวที่ยืนอยู่บนแท่นประลองตะคอกเสียงดังลั่น มีโล่อันหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วเขาอย่างกะทันหัน ต้านรับการโจมตีทั้งหมดของหลัวซิวเอาไว้
นี่คืออาวุธประเภทป้องกันชิ้นหนึ่ง มันแข็งแรงอย่างหาที่เทียบไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลาย ก็ทำลายเกราะป้องกันของมันได้ยากมาก
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”
หลัวซิวปล่อยพลังอมตะออกไปเจ็ดพลังอย่างต่อเนื่อง ทุกพลังล้วนเป็นพลังอมตะเทพฟ้าชั้นยอด แต่กลับไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของโล่เต่าเสวียนได้เลย บนโล่มีเงาร่างของเต่าเสวียนตัวหนึ่งปรากฏอยู่ลาง ๆ แข็งแกร่งไม่สั่นคลอน วรยุทธ์นับหมื่นก็ทำอะไรมันไม่ได้
“เจ้าแข็งแกร่งมากเลยมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายร่างเป็นเต่าในกระดองไปแล้วล่ะ?”
หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ย่างเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างทำท่าประสานอิน ตราธรรมจุติมรณะหนึ่งระเบิดออกมา
ตู้ม!
พลานุภาพของตราธรรมจุติมรณะทรงพลังอย่างมาก แข็งแกร่งกว่ามหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้จะมีเกราะป้องกันจากโล่เต่าเสวียน เทียนหวูเชวก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปอยู่ดี เกือบตกลงไปจากแท่นประลอง
แต่ทว่าต่อให้เป็นพลานุภาพของตราธรรมจุติมรณะ ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเทียนหวูเชวอย่างแท้จริงได้จริง ถึงแม้เขาจะถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เกราะป้องกันของโล่เต่าเสวียนแข็งแรงมาก
“กระจกเทพไร้เจตสิก!”
เทียนหวูเชวโกรธเกรี้ยวอย่างมาก มีกระจกเทพบานหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้ว มีแสงที่แวววาวจับตาขั้นสุดสาดส่องออกมา แสงดังกล่าวเฉียบคมมาก ๆ มีความสามารถในการโจมตีจิตวิญญาณ
กระจกบานนี้ไม่ใช่อัญเทพฟ้าในสำนักไร้เจตสิกอยู่แล้ว ครั้นเมื่ออยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียน เพื่อเป็นการแก่งแย่งสำนักเต๋าเสวียนเทียน เพราะฉะนั้นเทียนหวูเชวถึงมีสิทธิ์ควบคุมอัญเทฟฟ้า หลังจากที่กลับมาจากโลกเซียนเสวียนเทียน เขาจึงต้องนำกระจกเทพไร้เจตสิกที่แท้จริงคืนให้กับทางสำนัก
กระจกเทพบานนี้ที่เขาเรียกออกมา เป็นของเลียนแบบของกระจกเทพไร้เจตสิก จัดอยู่ในอัญมณีแห่งเทพมารชั้นยอด
“เคล็ดวิชาแปรจิตเทพ!”
หลัวซิวรีบโคจรตัวสำนึกในทันที กระตุ้นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพสำหรับโจมตีจิตวิญญาณหนึ่งออกมา ถึงอย่างไรตำหนักจื่อเซียวถูกสำนักเต๋าเสวียนเทียนกลืนกินไปแล้ว สำนักเต๋าจึงยังคงอยู่ในสภาวะเลื่อนระดับ ตัวหยั่งรู้ของเขาไม่มีการป้องกันใด ๆ เขาจึงไม่กล้ามองข้ามการโจมตีจิตวิญญาณของกระจกเทพไร้เจตสิก
เคล็ดวิชาแปรจิตเทพเป็นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพหนึ่งของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพ เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณชั้นยอดวิชาหนึ่ง
ผลการฝึกตนตัวสำนึกของเขาในตอนแรกอยู่ที่เทพมารขั้น 3 หลังจากที่ร่างแยกดับเบิ้ลรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว ก็บรรลุถึงเทพมารขั้น 7 บวกกับการโคจรเคล็ดวิชาแปรจิตเทพอีก เขาจึงมีพลังโจมตีจิตวิญญาณที่เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูง
ตัวสำนึกของเขารวมตัวกันจนกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง เสียงผึงดังขึ้น ทำให้แสงที่สาดส่องมาจากกระจกเทพไร้เจตสิกแตกกระเจิง อีกทั้งพลังของหลัวซิวที่พุ่งตรงไปยังไม่ลดน้อยลงด้วย เฉือนฟันไปทางกระจกเทพไร้เจตสิก
“เพล้ง!”
ตัวกระจกของกระจกเทพไร้เจตสิกแตกร้าวเป็นรอยเล็ก ๆ ภายใต้การโจมตีจากเคล็ดวิชาแปรจิตเทพนี้ของเขา เทียนหวูเชวก็ถูกพลังจากกระจกเทพไร้เจตสิกแว้งทำร้ายเช่นกัน มีเลือดไหลออกมาตรงมุมปาก พลางก้าวถอยหลังกลับไปรัว ๆ
ผู้ชมที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างเงียบกริบลงไปในชั่วพริบตาเดียว เดิมทีพวกเขาต่างคิดว่าศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ต้องเป็นการต่อสู้ที่ฝ่ายหนึ่งมีกำลังเหนือกว่าและกดอัดอีกฝ่ายได้แน่นอน แต่ทว่าเทียนหวูเชวกลับไม่ใช่คนที่กดอัดหลัวซิว แต่เป็นหลัวซิวที่กดอัดเทียนหวูเชว!
นี่ไม่ต่างอะไรจากผู้ใหญ่คนหนึ่งต่อสู้กับเด็กน้อยคนหนึ่ง ในสายตาของทุกคนต่างคิดว่าผลสุดท้ายต้องอยู่ในการคาดหมายแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนตะลึงงันคือ ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายที่ถูกเด็กน้อยไล่โจมตีจนไม่มีแรงโต้กลับด้วยซ้ำ!