มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1207
ปัจจุบันเขาเป็นเจ้านภาที่อายุน้อยที่สุดในโลกหล้า เขาที่ย่างกรายมา ณ ที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ร่างจริงเช่นกัน เป็นร่างแยกร่างหนึ่ง
“สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินรับเลี้ยงกากแดนในสำนักเทียนช่า ดูท่าคงอยากเป็นศัตรูกับสำนักไร้เจตสิกของข้าเช่นกันสินะ?”จ้าวนภาไร้เจตสิกพูดกระแทกเสียงต่ำ
“สำนักเทียนช่าไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว สำนักไร้เจตสิกเป็นกองกำลังอันดับ 1 ในโลกหล้า เหตุใดถึงต้องทำให้เด็กคนหนึ่งลำบากใจด้วย?”เฟิ่งหวูซินพูดอย่างเรียบนิ่ง
“แฮะ ๆ สำนักไร้เจตสิกผลิตบุคลากรที่ต่ำต้อยต่ำช้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่!”เจ้าเมืองตงฟางหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางกล่าว
จ้าวนภาไร้เจตสิกเป็นหนึ่งในเจ้านภาที่เก่าแก่ที่สุด อดีตมีเพียงจ้าวเซียนเทียนช่าเท่านั้นที่มีศักยภาพต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี
ภายใต้สถานการณ์ที่สู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ตงฟางเทียนโหยวก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน แต่บัดนี้มีเฟิ่งหวูซินเพิ่มขึ้นมาอีกคน จึงมีโอกาสเอาชนะจ้าวนภาไร้เจตสิกได้แล้ว
ซึ่งจ้าวนภาไร้เจตสิกก็เข้าใจในจุดนี้ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นหลังจากที่เฟิ่งหวูซินปรากฏตัว เขาก็ไม่ได้ลงมือโจมตีอีก
สายตาของเขาจับจ้องไปทางเฟิ่งหวูซิน“หรือสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินก็อยากซ้ำรอยสำนักเทียนช่าเช่นกัน?”
เฟิ่งหวูซินอมยิ้ม“ใช่ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป บางทีสำนักที่ซ้ำรอยอาจจะเป็นสำนักไร้เจตสิกก็เป็นได้ จริงไหม?”
“ก็แค่พึ่งการหนุนหลังจากราชาเทพในโลกาชั้นฟ้ามิใช่หรือ มิเช่นนั้นสำนักไร้เจตสิกของเจ้าจะมีความสำคัญอะไร?”เจ้าเมืองตงฟางด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า
จ้าวนภาไร้เจตสิกเป็นผู้ที่มีแผนการสูงลึกมาก ทราบอยู่ว่าถึงแม้ลงมือก็คงทำอะไรตงฟางเทียนโหยวและเฟิ่งหวูซินทั้งสองไม่ได้ เขาจึงไม่ตอบโต้อะไร ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
ศิษย์จำนวนมากในสำนักไร้เจตสิก รวมไปถึงผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ได้รับบาดเจ็บเพราะพลังฝ่ามือหนึ่งของตงฟางเทียนโหยว เห็นว่าเจ้าสำนักของตนจากไปแล้ว พวกเขาจึงทำได้แค่กลืนความแค้นในครั้งนี้ลงท้อง ก่อนจะตามจากไปด้วย
……
“เจ้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองแก้วเทวหรือยัง?”
“ชายหนุ่มทผู้มีนามว่าหลัวซิวคนหนึ่งประลองอย่างเอาเป็นเอาตายกับเทียนหวูเชว สุดท้ายถึงกับใช้เตาเทพเตาหนึ่งกลั่นแปรเทียนหวูเชวจนตายไปเป็น ๆ!”
“เล่ากันว่าแม้กระทั่งจ้าวนภาไร้เจตสิกก็ตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ย่างกรายไปถึงเมืองแก้วเทว สุดท้ายกลับถูกเจ้าเมืองแก้วเทวและเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินหยุดยั้ง เกิดศึกการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ พูดได้เลยว่าศึกนั้นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี!”
“เมื่อก่อนชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลัวซิวไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย แต่ปัจจุบันกลับมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในคนรุ่นใหม่!”
“แม้แต่ร่างแด่เทพเจ้าอย่างเทียนหวูเชวยังตายอยู่ในเงื้อมมือเขา จึงต้องถูกขนานนามว่าเป็นอันดับ 1 ในคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว”
“ได้ยินมาว่าปัจจุบันหลัวซิวนั่นฝึกตนไม่ถึงร้อยปี ยังเป็นหนุ่มแต่กลับมีศักยภาพที่น่าสะเทือนขวัญเช่นนี้ อนาคตหากเขาเติบใหญ่ขึ้นมา จะยอดเยี่ยมมากเพียงใดนะ?”
ทั่วทั้งโลกเสวียนเทียนต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนชื่อหลัวซิวนี้ก็กลายเป็นชื่อที่ชื่นชอบติดปากทุกคนไปแล้ว ไม่มีผู้ใดไม่ทราบไม่รู้จัก
ถึงแม้เทียนหวูเชวจะเป็นอัจฉริยะผู้ประทานจากสวรรค์ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ตายจากโลกนี้ไปอยู่ดี กลายเป็นวิญญาณบนเส้นทางของผู้แข็งแกร่ง ถูกผู้อื่นเหยียบย่ำซากกระดูก เป็นขวัญกำลังใจอันฮึกเหิมอยู่บนเส้นทางนี้
“เจ้าทำดีมาก ๆ!”
ภายในตำหนักเจ้าเมืองแก้วเทว ครั้งแรกที่เฟิ่งหวูซินเห็นหน้าเขาก็เอ่ยปากกล่าวเช่นนี้ในทันที
เขาไม่ได้ตำหนิติเตียนหลัวซิวที่ฆ่าเทียนหวูเชวแล้วสร้างปัญหาให้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ในทางตรงกันข้ามกลับชื่นชมเขา ต้องการชื่นชมแต่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ค่อยได้
“ฆ่าได้ดีมาก!”เจ้าเมืองตงฟางก็เอ่ยปากชื่นชมเช่นกัน เดาะลิ้นแล้วกล่าว: “สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินบังเกิดเฟิ่งหวูซินก่อน และตามมาด้วยหลัวซิว ช่างเป็นสำนักที่มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมากจริง ๆ!”
เฟิ่งหวูซินเป็นเจ้านภาที่อายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน อีกสองถึงสามหมื่นปี เจ้านภาที่เก่าแก่ก็จะสิ้นอายุไข นั่งฌานละสังขารไปจากโลกนี้แล้ว และเขาก็จะกระโดดขึ้นไปเป็นหนึ่งในเจ้านภาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า
มีเขาคอยปกปักรักษาสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน และสามารถทำให้การถ่ายทอดสืบสานของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นสุดภายในระยะเวลาหนึ่งหมื่นปี หากหลัวซิวแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันด้วยละก็ อย่างน้อยสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินก็สามารถเรืองรองเจริญรุ่งเรืองได้อีกหลายล้านปี!
“จื่อเยียน……”
ภายในห้องพักห้องหนึ่ง เฟิ่งหวูซินขอพบช่าจื่อเยียนเป็นการส่วนตัว