มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1250
สำหรับคำถามนี้ หลัวซิวคร้านที่จะตอบ เอ่ยพูดเสียงนิ่งเรียบ “เจ้ายอมแพ้ไปเสียดี ๆ จะดีเสียกว่า”
“เจ้าต้องการให้ข้ายอมแพ้รึ?”
สีหน้าของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่แสดงถึงความโกรธถึงขีดสุด ความโหดเหี้ยมถูกเผยออกมาทางสีหน้า
อาศัยกฎความตายฝึกตนถึงแดนเทพมาร เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดเสมอมา เพราะหากต่อไปฝึกตนถึงแดนเทพฟ้า อาศัยกฎความตาย พลังแห่งกฎชั้นยอดนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีที่ยืนในบรรดาเทพฟ้า หาคู่ต่อสู้ได้ยาก
เพราะความยากของการฝึกตนกฎชั้นยอดนั้นยากเกินไป ดังนั้นผู้แข็งแกร่งตาเฒ่าประหลาดจำนวนมากที่ฝึกตนถึงแดนเทพฟ้า จึงฝึกตนด้วยกฎที่ค่อนข้างธรรมดาทั่วไป มีน้อยมากที่ฝึกตนผสานกฎและกฎชั้นยอด
ภายในแดนเดียวกัน พูดได้อย่างไม่ลังเลว่า ผู้ที่ฝึกตนกฎชั้นยอดสามารถเรียกได้ว่าเป็นคิงเป็นมกุฎ กระทั่งเป็นจักรพรรดิไร้คู่ต่อสู้!
แต่ว่าในตอนนี้ สิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิวกลับไม่มีสิ่งใดเลย!
“แดนกฎของเขาเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าต่ำกว่าข้า แต่พลังแห่งกฎกลับแข็งแกร่งกว่าข้า ต้องเป็นเพราะเขามีสมบัติล้ำค่าบางอย่างอยู่บนร่างของเขา ที่สามารถช่วยเพิ่มพลังแห่งกฎความตายของเขา!”
เจ้าสำนักน้อยตวนมู่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ สายตาก็พลันจับจ้องไปยังหอกยุทธ์มังกรดำที่อยู่ในมือของหลัวซิว “หรือว่าจะเป็นเพราะหอกรบเล่มนี้?”
จากประสบการณ์ที่ได้ปะมือกับหลัวซิว เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของหอกรบเล่มนี้ อีกทั้งยังเป็นศัสตราวุธฟ้ากำหนดชิ้นหนึ่งด้วย
“หากข้าสามารถเอาหอกรบเล่มนี้มาครอบครองได้ เช่นนั้นพลังแห่งกฎของข้าก็จะได้รับการเพิ่มพูนขึ้น แม้แต่ต่อให้เป็นเทพมารช่วงปลาย ข้าก็สามารถมีพลังรบเช่นนั้นได้”
แววตาของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่แผ่รังสีสังหารออกมา ครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกใช้พลังแห่งกฎความตาย เพราะพลังกฎถูกอีกฝ่ายปรามเอาไว้หมดแล้ว หากยังดื้อดึงใช้ต่อไป มันจะเป็นการเอาจุดอ่อนของตนไปสู้กับจุดแข็งของศัตรู ดังนั้นเขาวางแผนว่าจะอาศัยผลการฝึกตนผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารเพื่อโจมตีหลัวซิวให้พ่ายแทน!
“ข้าคือเทพมาร ร่างเนื้อ ตัวสำนึก ผลการฝึกตนต่างก็คือเทพมาร ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถอยู่เหนือข้าได้!”
เจ้าสำนักน้อยตวนมู่ปลดปล่อยอำนาจของเทพมารออกมา ร่างของเขาสั่นไหวพุ่งตรงไปยังหลัวซิว ดาบหนึ่งฟาดฟันออกไป บดขยี้ปริภูมิ
“กลั่นวิญญาณปีศาจนรก!”
ปริภูมิถูกการโจมตีนี้จนแยกออก กลายเป็นโลกันต์อันน่าหวาดกลัว เพลิงปีศาจไร้ที่สิ้นสุดโหมกระหน่ำ พุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง ตรงเข้ามากดหลัวซิวให้จมลง
เห็นได้ชัดว่า ในด้านของการโจมตีวิญญาณแดนศักดิ์สิทธิ์เขาปีศาจนรกมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง สองพลังอมตะใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสับวิญญาณสูญ หรือว่าจะเป็นกลั่นวิญญาณปีศาจนรก ต่างก็เป็นพลังอมตะประเภทโจมตีวิญญาณ
พลังอำนาจของกลั่นวิญญาณปีศาจนรกแข็งแกร่งยิ่งกว่าสับวิญญาณสูญมาก เป็นพลังอมตะที่สร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวนภา
เพียงแต่ว่าเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ผู้นี้ยังไม่ได้ฝึกวิชาพลังอมตะชนิดนี้จนสำเร็จ ฝืนสำแดงมันออกมา ตนเองก็จะถูกผลของมันแว้งกัดด้วยเช่นกัน
คนทั่วไปหากต้องการฝึกตนพลังอมตะให้สำเร็จสักวิชา ต่างก็ต้องเรียนรู้เป็นเวลาหลายปี มีเทพฟ้าบางคน เพื่อที่จะฝึกพลังอมตะให้สำเร็จ จนต้องฝึกตนปิดขังอยู่นับหมื่นปียังถือเป็นเรื่องปกติ
แต่หลัวซิวนั้นต่างออกไป เขามีพรสวรรค์ที่พระเจ้ามอบให้ สร้างหมื่นจักรวาลไร้รูป ใช้ไร้รูปกลั่นแปรเป็นสรรพวิชา แก่นแท้ของพลังอมตะมากมายต่างก็ถูกเข้าเรียนรู้และเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งแค่มองก็สามารถดูออก
ก็เหมือนกับกลั่นวิญญาณปีศาจนรกที่เจ้าสำนักน้อยตวนมู่สำแดงออกมา หลัวซิวเพียงแค่มองก็สามารถเห็นถึงพื้นฐานได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“จงสลาย!”
หลัวซิวหยิบหอกขึ้นมาแทงโดยไม่ลังเล เพียงแค่หอกธรรมดาเล่มหนึ่งที่ไม่ได้พิเศษแต่อย่างใด ก็สามารถแทงทะลุภาพโลกันต์ตรงหน้าได้ ในชั่วพริบตา มันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นความว่างเปล่า
“ผุ!”
เจ้าสำนักน้อยตวนมู่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างลอยกระเด็นกระดอนออกไป
เขาพูดข่มขู่ว่าจะจัดการหลัวซิวทิ้งภายในสามกลยุทธ์ แต่ในตอนนี้ผ่านไปสามกลยุทธ์แล้ว เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถจัดการหลัวซิวได้ แต่กลับถูกหลัวซิวเอาชนะได้อย่างสวยงาม!
“เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ! กลั่นวิญญาณปีศาจนรกเป็นถึงพลังอมตะระดับจ้าวนภา กลับถูกเขาใช้เพียงหอกเล่มเดียวแทงทำลายไปได้อย่างง่ายดาย!”