มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1263
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขายอมรับได้เล็กน้อยนั่นก็คือ มีเทพฟ้าสองคนไล่ตามไปแล้ว หมอนั่นต้องมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้แน่นอน
มีพลังออร่าของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าสองคนผนึกอยู่บนร่างตัวเอง ซึ่งหลัวซิวทราบเรื่องนี้อยู่
เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังออร่าของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าสองคนกำลังไล่ทะลุผ่านอากาศที่ว่างเปล่ามา หนึ่งในนั้นคือเทพฟ้าจากเผ่าปีศาจงูเก้าหัว ส่วนอีกคนหนึ่งมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์!
หลัวซิวรู้สึกคุ้นเคยพลังออร่าของเทพฟ้าคนนั้นเล็กน้อย เมื่อลองนึกดูครู่หนึ่ง เขาก็ยืนยันตัวตนของคนดังกล่าวได้ ซึ่งเขาคนนั้นก็คือเฒ่าประหลาดตวนมู่จากเขาปีศาจนรก!
ตาแก่นั่นพ่ายแพ้การพนันและสูญเสียเกล็ดมังกรครามยักษ์ที่ล้ำค่ามาก ๆ ในงานสรรพปีศาจไปสามเกล็ด เขาไม่กล้าหาเรื่องเซียวจื่อเจี้ยน แต่กลับนำความเกลียดแค้นทั้งหมดมาลงที่ตัวหลัวซิว
“ความเร็วในการทะลุผ่านอากาศที่ว่างเปล่าของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้านั้นรวดเร็วมากจริง ๆ แต่ทว่านอกเสียจากว่าจะเป็นเทพฟ้าที่เชี่ยวชาญกฎปริภูมิ มิเช่นนั้นความเร็วในการเคลื่อนที่จะอ่อนกว่าปีกเทพมังกรครามยักษ์ของข้าไปหน่อย”
หลัวซิวไม่ได้โคจรกฎปริภูมิ เนื่องจากแดนกฎของเขาค่อนข้างต่ำ อาศัยเพียงกฎความเร็วอันบริสุทธิ์ที่แฝงซ่อนอยู่ในปีกเทพมังกรครามยักษ์ก็สามารถมองเทพฟ้าส่วนมากอย่างเย้ยหยันได้แล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วกว่าเทพฟ้าทั้งสองคนที่กำลังฉีกอากาศที่ว่างเปล่าออกเพื่อก้าวข้ามเขตแดนมาไล่ล่าเขาเสียอีก
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ทั้งสองฝ่ายก็ไล่ตามกันมาหลายแสนไมล์แล้ว
“เหตุใดความเร็วของไอ้หมอนั่นถึงรวดเร็วเช่นนี้?”
เฒ่าประหลาดตวนมู่รู้สึกโมโหอย่างยิ่ง จ้องเขม็งไปทางปีกครามที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวด้วยแววตาที่หม่นหมอง และสัมผัสได้ถึงพลังออร่าของเกล็ดมังกรครามยักษ์
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนชิบหาย ถึงกับกลั่นเกล็ดมังกรครามยักษ์ของข้าให้กลายเป็นสมบัติอย่างนั้นหรือ!”เฒ่าประหลาดตวนมู่รู้สึกว่าเลือดบนหัวใจตัวเองกำลังไหลหยด นั่นมันวัตถุดิบชั้นยอดที่สามารถนำไปฝึกเซ่นอัญเทพฟ้าได้เลยนะนั่น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะสิ้นเปลืองเช่นนี้ จึงทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก
แต่ทว่าเขาก็ดูออกอยู่เช่นกันว่าสาเหตุที่ความเร็วของหลัวซิวรวดเร็วเช่นนี้นั้น เป็นเพราะอาศัยปีกครามสามคู่นั้น ทำให้เห็นได้เลยว่าสมบัติที่กลั่นมาจากเกล็ดมังกรครามยักษ์ สามารถทำความเร็วที่รวดเร็วจนทำลายกฎธรรมชาติได้
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารเป็นต้นไปสามารถฉีกอากาศที่ว่างเปล่าให้ขาดออกได้ และก้าวข้ามเขตแดนที่ห่างกันไกลหมื่นไมล์หรือมากกว่านั้นได้
แต่การบินทะลุผ่านอากาศที่ว่างเปล่าไปมานั้นก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน ผลการฝึกตนยิ่งสูง ศักยภาพยิ่งแกร่ง ความเร็วในการทะลุผ่านก็ยิ่งเร็ว
ข้อดีของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าอยู่ที่สามารถระบุพิกัดได้อย่างแม่นยำ ความเร็วในการทะลุผ่านอากาศที่ว่างเปล่าไปมานั้นก็เร็วมากพอ แต่ถึงแม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่รวดเร็วเช่นนี้ พวกเขาก็ยังช้ากว่าปีกเทพมังครครมยักษ์ไร้มลทินหนึ่งระดับอยู่ดี!
ความเร็วที่อยู่เหนือขีดจำกัด ทำให้มีเสียงดังครั่นครืนดังอยู่ข้างหูหลัวซิว ความเร็วในการเคลื่อนที่ยิงเร็ว แรงต้านของปริภูมิก็ยิ่งมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎความเร็วแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
“ต้องไปหาที่ที่รกร้างอ้างว้างไร้ผู้คนที่หนึ่ง หากมีเทพฟ้าเพียงผู้เดียวละก็ บางทีข้าอาจจะสามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ แต่เมื่อมีสองคนแล้ว ข้าต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันแน่นอน”หลัวซิวไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย ดึงความเร็วออกมาถึงขั้นสุด ทำให้ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายยิ่งอยู่ยิ่งไกลกัน
อุบายเดียวที่เขาสามารถต่อกรกับเทพฟ้าได้นั้นก็คือร่างกลวัฏสงสาร แต่ถึงอย่างไรร่างกลวัฏสงสารก็อยู่เพียงแดนเทพมาร อาศัยการเพิ่มพลังจากเกราะเทพเวหากาล รวมไปถึงมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพและกฎการเวียนว่ายตายเกิดกับกฎห้วงเวลา มากสุดก็แค่สามารถปะทะกับเทพฟ้าคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้เสมอไป
บัดนี้มีเทพฟ้าสองคน หลัวซิวยังไม่อวดดีถึงขั้นสามารถต่อกรกับพวกเขาได้
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หลัวซิวก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ถึงแม้ตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าสามารถผนึกศัตรูที่อยู่ในรัศมีหนึ่งหมื่นไมล์ได้ แต่ร่องรอยของหลัวซิวก็หายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ให้ตายเถอะไอ้เวร!”
เทพฟ้าเผ่าปีศาจงูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ง้างมือขึ้นมาแล้วฟาดฝ่ามือลงไป ทำให้พื้นดินแตกสลายไปหลายพันไมล์ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดละเอียดเป็นฝุ่นผง สรรพสิ่งนับหมื่นค่อย ๆ หายไป
เขาจึงรีบฉีกอากาศที่ว่างเปล่าออกเพื่อย้อนกลับไปเมืองม่านฉาโหลว ล้มเลิกการไล่ล่าหลัวซิวในครั้งนี้