มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1368
ในพิภพทั้งสองพิภพนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดคือเจ้านภา ต่อให้เป็นเจ้านภาขั้นสุดยอดอย่างปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิว เมื่อเปรียบเทียบกับกึ่งราชาเทพแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
ศึกการต่อสู้ในหุบเขาปีศาจเก้า ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ยังคงสู้ซือถูเจิ้งเจี้ยนไม่ไหวอยู่ดี จึงทำให้เห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเขายังอยู่ในระดับที่ธรรมดาอยู่
บวกกับซือถูเจิ้งเจี้ยนสะสมอำนาจความน่าเกรงขามมานานมาก ๆ แล้ว สิ่งแรกที่เขาทำคือย้อนกลับไปยังมหาโลกายอดอัมพร รวบรวมเทพฟ้าที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของตน และเปิดเหนือนภามุ่งหน้าลงมายังโลกมนุษย์
จากนั้นเขาใช้เวลาครึ่งเดือน เพื่อรวบรวมผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าส่วนมากในโลกาอสูรฟ้าเข้าด้วยกัน
สำหรับซือถูเจิ้งเจี้ยนแล้ว โลกาอสูรฟ้าเป็นดั่งส่วนบังคับบัญชาของเขา เนื่องจากเขากำเนิดมาจากโลกาอสูรฟ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สำนักปีศาจมารล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ครั้งนี้ซือถูเจิ้งเจี้ยนเผด็จการมากถึงมากที่สุด เวลานี้ไม่มีผู้ใดกล้าไปยั่วยุเขาเลย กองกำลังใหญ่จากเผ่าปีศาจและเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างส่งตัวผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าออกไป ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน กองกำลังในบังคับบัญชาของซือถูเจิ้งเจี้ยนก็มีเทพฟ้าทั้งหมด 30 กว่าคนแล้ว ภายในนั้นยิ่งมีผู้แข็งแกร่งแดนเจ้านภาถึงสามคนด้วยกัน!
“กล่าวรายงานท่านราชาเทพ ผู้คนในหุบเขาปีศาจเก้าหนีไปหมดแล้วขอรับ”
เมื่อข่าวคราวดังกล่าวส่งถึงหูซือถูเจิ้งเจี้ยน สีหน้าของเขาก็ดูหม่นหมองมากจนน่ากลัว แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
“คิดว่าหนีไปแล้วก็จะนอนตาหลับได้อย่างนั้นหรือ?”มีรอยยิ้มที่ดูเหี้ยมโหดเยือกเย็นถึงขั้นสุดปรากฎตรงมุมปากซือถูเจิ้งเจี้ยน
“ประกาศคำสั่งของข้าออกไป กำจัดทุกกองกำลังและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับหุบเขาปีศาจเก้าในโลกาอสูรฟ้าให้สิ้นซาก!”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนออกคำสั่งอย่างเย็นชาไร้ความเมตตา ภายในเวลาครู่เดียว ทั่วทั้งโลกาอสูรฟ้าก็มีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด อดีตทุกกองกำลังที่พึ่งพาหุบเขาปีศาจเก้าล้วนถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี
นอกเหนือจากนี้แล้ว คูเมืองใหญ่ที่เป็นฐานที่มั่นของหุบเขาปีศาจเก้าในโลกาอสูรฟ้า ก็ถูกขุดคุ้ยออกมาหมดเช่นกัน และถูกกำจัดไปทีละเมือง
ภายในสำนักที่สูงตระหง่าน ซือถูเจิ้งเจี้ยนนั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก ด้านล่างของเขามีเงาดำยืนอยู่สามร่าง
ทั้งสามคนนั้นคือจ้าวนภาปีศาจนรกและจ้าวปีศาจเขาเดียว ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นคือเจ้านภาจากสำนักปีศาจมาร
ภายใต้สถานการณ์ที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนหลงมัวเมาในอำนาจ ถึงแม้กองกำลังทั้งหลายจะส่งเทพฟ้าของตนออกมารับใช้เขา แต่ทว่าเจ้านภาทั้งหมดในโลกาอสูรฟ้า ผู้ที่เต็มใจปฏิบัติตามคำสั่งของเขานั้นกลับมีเพียงสามคนนี้เท่านั้น
“ยังไม่เจอร่องรอยของปีศาจทั้งเก้าหรือ?”ซือถูเจิ้งเจี้ยนถามกระแทกเสียงต่ำ
“รายงานท่านราชาเทพ มีคนเห็นเรือรบของปีศาจยักษ์บินเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้นแล้ว และอนัตตาไม่สิ้นกว้างใหญ่มากเกินไป มาตรแม้นว่าเป็นราชาเทพแต่ก็หลงทางได้ง่ายมาก ๆ ความยากในการตามหาจึงสูงเกินไปขอรับ”จ้าวนภาปีศาจมารตอบกลับ
ซือถูเจิ้งเจี้ยนหยีตาลงเล็กน้อย ใบหน้าหม่นหมอง เห็นเพียงเขาสลัดมือทีหนึ่ง ก็มีไข่มุกสีดำสนิทสามเม็ดบินออกไป ร่วงลงบนมือของเจ้านภาทั้งสาม
“พวกเจ้าทั้งสามเฝ้าดูอยู่ในโลกาอสูรฟ้าดี ๆ ทันทีที่ปีศาจทั้งเก้าและเจ้าเด็กเดรัจฉานนั่นปรากฏตัวเมื่อใด ขอเพียงบีบไข่มุกนี้ให้แตก ข้าก็จะทราบข่าวและจะรีบกลับมาในทันที และสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรก็ต้องรั้งพวกมันเอาไว้!”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น แสยะยิ้มอย่างเย็นเยือกพลางพูด: “ข้าจะไปโลกเสวียนเทียนเที่ยวหนึ่ง ไปตามสืบประวัติความเป็นมาของเจ้าเด็กเดรัจฉานนั่นอย่างละเอียด!”
……
หลัวซิวเข้าไปในฐานหยินหยางก่อนวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้นหลังจากที่ระยะเวลาหนึ่งเดือนของเขาถึงกำหนดแล้ว เขาก็เป็นคนแรกที่ถูกส่งออกมาจากฐานหยินหยาง
เมื่อเขาออกมาจากฐานหยินหยาง ก็พบว่าตรงทางเข้าฐานหยินหยาง สายตาของผู้อาวุโสหวูและฉินเฟยเสว่ต่างจ้องมองมาทางเขาโดยไม่ได้นัดหมาย
แววตาของผู้อาวุโสหวูดูค่อนข้างซับซ้อน เขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้นี้โดดเด่นอย่างไรกันแน่ ถึงกับสามารถทำให้เทพธิดาฉินให้ความสำคัญเขามากเช่นนี้ มากกว่านั้นคือยังจะรับเขาเข้าไปเป็นศิษย์ในวังอัมพรกลียุคด้วย