GGS:บทที่ 1139 วิญญาณสัตว์ร้าย
ผู้คนมากมายที่เคยมีเรื่องกับซูจิ้งนั้นได้หายตัวไปในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ว่ามองยังไงมันก็แปลกประหลาดเกินไป ซูจิ้งเองในตอนแรกก็คิดถึงเงาดำนั่นเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้ ลำแสงชำระล้างนั้นยังคงสาดส่องอยู่เขายังเชื่อว่าเจ้าเงาดำนั่นไม่น่าเข้าใกล้เขาได้มากนัก ต่อให้เป็นผู้ไม่ตายชั้นสูงก็ตามแต่ก็ไม่น่าเข้ามาได้ง่ายๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าตามหลักเหตุผลแล้วสมควรจะเป็นเงาดำนั่น แต่ในใจของซูจิ้งนั้นกลับหวังไว้ว่าอย่าเป็นเงาดำนั่นอยู่ดี
ด้วยการที่ว่าเงาดำนั้นทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะจัดการได้ง่ายๆ แต่กับศัตรูอื่นนั้นสำหรับเขาแล้วไม่ใช่อะไรเลย แต่ให้รวมกลุ่มกันมาแล้วแอบลอบโจมตีเขา แต่ยังไงซะก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามของซูจิ้งแต่อย่างใด
“เรื่องพวกนี้ให้ไป๋ฮิตู หลัวฉือหลิน และคนอื่นๆจัดการไปแล้วกัน ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องเสริมพลังจิตวิญญาณของฉันและจัดการขยะห้วงเวลาฯก่อน” คิดได้ดังนั้น เขาจึงคิดถึงเรื่องที่เว่ยเสี่ยวหยวนได้ค้นหาและสืบเสาะสถานที่สำหรับการแสดงสิ่งต่างๆของเขามาให้ และเขาก็เข้าร่วมเสียทุกอย่างจนผู้คนนั้นตกตะลึงจนชาชินกันไปแล้ว
พลังศรัทธาที่ถูกแปลเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณด้วยเหรียญตราเทวทูตนั้นเขาดูดซับจนเรียกได้ว่าดูดซับแทบไม่ทันเลยทีเดียว
ในตอนนี้เขานั้นเหลือเพียงรอการแสดงความสามารถของที่สุดท้ายก็คืองานกีฬาโอลิมปิดเท่านั้น ในช่วงนี้เขาจึงคิดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการขยะห้วงเวลาฯของเขาไปก่อน
ซูจิ้งได้ทำการจัดการขยะมากมายไปแล้ว ในตอนนี้เขากำลังจ้องมองไปยังกองใบไม้ร่วงทั้งกองอยู่ ใจของเขานั้นคิดว่ากองใบไม้พวกนี้อย่างน้อยๆก็มาจากห้วงเวลาฯแห่งนิจนิรันดร ใครจะรู้ ใบไม้พวกนี้อาจจะสุดยอดกว่าทีเห็นก็ได้ ด้วยความคิดนี้ทำให้ซูจิ้งนั้นได้ทำการศึกษาใบไม้เหล่านี้อย่างละเอียดลออ
ใบไม้พวกนี้มีลักษณะคล้ายใบอู๋ถง พวกมันมีสีทองอร่ามมีแฉก 3-5 แฉก และมีรอยแฉกเล็กๆระหว่างแฉกอีกที หากดูไกลๆนั้นคงยากจะแยกแยะออกได้ แต่เมื่อดูใกล้ๆจะรู้ว่าใบพวกนี้ใหญ่กว่าใบอู๋ถง
ซูจิ้งได้ให้แมลงของเขากินใบไม้เหล่านี้ดู และทดลองในหลากหลายวิธีการ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็ไม่พบว่าใบไม้พวกนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรเขาจึงถอดใจไป
แต่ในตอนนั้นเอง ซูจิ้งได้สังเกตเห็นอักขระบางอย่างอยู่บนใบไม้ร่วงบางส่วน เขาจึงได้ลองดูอักขระเหล่านั้น เขาจ้องมองอยู่นานแต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้
เขานั้นก็พอจะได้เห็นอักขระะต่างๆของห้วงเวลาฯนิจนิรันดรนี้จากขยะฯกองกระดาษมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่เหมือนกับอักขระบนใบไม้พวกนี้ ซูจิ้งจึงได้ทำการรื้อใบไม้ดูทีละใบก็พบว่ามีกระดาษจำนวนมากพอสมควรที่มีอักขระนี้อยู่ และแต่ละใบนั้นมีอักษรที่เหมือนกัน แถมตัวอักษรแต่ละตัวนั้นยางวางทาบทับกันได้พอดีอีกด้วย
“มีบางคนวางอักขระไว้ที่นี่งั้นเหรอ” ซูจิ้งใจเต้นขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะทำการรวบรวมใบไม้ที่มีตัวอักษรทั้งหมดออกมาเพื่อจะนำมาซ้อนทับกัน
แต่ยังที่ซูจิ้งจะได้ทำอะไรมาก เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากพื้นที่ทั่วไป เสียงนี้มาจากโลงศพของเงาดำที่ก่อนหน้านี้เขานั้นได้ปล่อยให้เจ้าหน้าผีไปอยู่ในนั้นเพื่อเป็นการบ่มเพาะ เสียงแบบนี้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าหน้าผีนั่นรึเปล่า
ซูจิ้งได้ให้ฉิงหยุนพอตัวเขาเข้าไปยังพื้นที่ทั่วไป เมื่อไปถึง เขาลอยตัวอยู่บนโลงศพ ก่อนที่จะใช้กระแสจิตเปิดโลงศพขึ้นดู
“เกิดอะไรขึ้น” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง นั่นก็เพราะว่าภายในโลงศพนั้นเขาไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของเจ้าหน้าผีแม้แต่น้อย เมื่อยื่นหน้าตัวเองเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่าโลงนั้นว่างเปล่าและไม่มีร่องรอยของเจ้าหน้าผีแม้แต่น้อย
เขาได้ลองเอาธงหลอนจิตขึ้นมาดูก็ไม่พบเจ้าหน้าผีแต่อย่างใด เจ้าหน้าผีนั้นโดนเขาควบคุมไว้ตั้งนานแล้วต่อให้หายตัวอย่างไร้ร่องรอยแต่ก็ยังมีการเชื่อมต่อกันทางวิญญาณอยู่
หากว่ายังอยู่ที่นี่แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกได้ แล้วนี่เจ้าหน้าผีออกไปจากที่นี่ได้ยังไง
“ฉิงหยุน มีอะไรออกไปจากที่นี่รึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมา
“ไม่ค่ะ” ฉิงหยุนตอบ
ซูจิ้งพยักหน้าพลางเห็นด้วย ต่อให้เจ้าหน้าผีดูดซับไอปีศาจจากโลงศพนั่นมากเกินไปแต่ก็ยังมีระดับห่างไกลจากร่างเงาดำนั่นนับพันนับหมื่นโยชน์ ไม่มีไปถึงขั้นทำลายกำแพงมิติได้อย่างแน่นอน แถมต่อให้เจ้าหน้าผีออกไปได้จริงแน่นอนว่าฉิงหยิงต้องจับสัมผัสได้
“เจ้าหน้าผีตายแล้วเหรอ” ซูจิ้งนึกถึงอีกความเป็นไปได้อื่นซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามโลงนี้เองก็เต็มไปด้วยพลังงานหยินและไอปีศาจมากขนาดนี้สมควรจะมีประโยชน์มากกว่าโทษนี่นา แล้วเจ้านั่นจะตายได้ยังไงกัน
ซูจิ้งนั้นไม่เข้าใจจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาได้ลองตรวจสอบโลงศพดีๆอีกครั้งทั้งข้างนอกและข้างใน ในตอนแรกเขาเองนั้นก็นึกกลัวเหมือนกัน แต่ในที่สุด เขาก็พบอักขระะบางอย่างตรงส่วนลึกของโลงศพ
“….เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันเคยเห็นอยู่นา” ซูจิ้งใจเต้นแรงในทันทีก่อนที่จะให้ฉิงหยุนส่งกระดาษที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ที่เขาเก็บไว้ในพื้นที่เก็บของมาให้ดู
เขารีบเปิดหาตัวอักขระะเหล่านี้ในทันทีและก็ได้พบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจนได้
เนื้อหาส่วนนี้เป็นเพียงแค่เนื้อหาบางส่วนเท่านั้น มันกล่าวถึงการใช้อักขระเหล่านี้ในการฝึกฝนและควบคุมสัตว์ร้าย
เมื่อได้เห็นข้อความนี้ทำให้ซูจิ้งไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป ไอ้การควบคุมสัตว์ร้ายอะไรนี่นั้นสำหรับเขาแล้วมันช่างไร้ประโยชน์อย่างมาก อย่างน้อยๆก็ควรจะเป็นบ่มเพาะให้เขาสู้กับไอ้ร่างเงาดำนั่นถึงจะดี
นี่คือสิ่งที่ตอนนี้ซูจิ้งต้องการมากที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาในตอนนี้ก็คือเจ้าเงาดำนี่มาจากห้วงเวลาฯนิจนิรันดร ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ใช้กำหลาบวิญญาณร้ายนี้ได้เลยสักอย่าง
“…..แล้ว….ตัวอักขระพวกนี้มาอยู่นี่ได้ยังไงกันล่ะ” จิตใต้สำนึกของซูจิ้งราวกับกระตุ้นให้นึกถึงอะไรบางอย่าง ความจริงแล้วทั้งสัตว์ร้ายและผู้ไม่ตายนั้นมีความเหมือนกันอยู่ นั่นก็คือทั้งสองนั้นล้วนแล้วแต่มีจิตวิญญาณอันโหดร้าย
เป็นได้ว่าด้วยการที่ตัวอักขระนี้มีการบ่มเพาะวิญญาณอยู่ ต่อให้เจ้าเงาดำนั่นไม่สามารถบ่มเพราะร่างกายได้ แต่ด้วยการที่อักขระนี้มีผลต่อทั้งร่างกายและวิญญาณเป็นไปได้ว่าเงาดำนั่นนำมาใช้เพราะดีกว่าไม่มี
ในตอนแรกนั้นซูจิ้งเองก็พอรู้สึกได้ว่าโลงดำนี้ไม่ธรรมดาเพราะว่าโลงนี้นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งหยินและไอปีศาจ
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่ากลิ่นไอทั้งสองแรงมากจนทำให้เขานั้นไม่สามารถศึกษามันได้ ตอนนี้เมื่อเขาได้ศึกษามันรู้จึงได้คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
ที่ซูจิ้งคิดเอาไว้ก็คือโลงนี้ตอบรับต่อลำแสงชำระล้างจนทำให้ตัวมันนั้นกลับคืนสู่ความสภาพเดิมของมัน ด้วยการนั้นเขานั้นไม่อยากจะเห็นโลงศพที่น่าขนลุกขนนพองนี้ เขาจึงได้ส่งมันไปไว้ที่พื้นที่ทั่วไป มาในตอนนี้ซูจิ้งนั้นกลับแทบจะไม่อยากให้มันละสายตาเลยทีเดียว
หลังจากนั้นสักพัก กลิ่นอายแห่งหยินและไอปีศาจจก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว โลงศพทั้งโลงได้สั่นราวกับจ้าวเข้า ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาจากภายใน และออกมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ออกมานั้นก็คือมังกรดำสนิทตัวใหญ่ยักษ์ โดยมันนั้นพุ่งออกมาจากอักขระที่ซูจิ้งเจอก่อนหน้านี้ และมันได้ลงมือกับซูจิ้งอย่างรวดเร็ว
ซูจิ้งนั้นมีสายตาที่เปล่งประกายในทันที เขาได้หายวับออกมาจากพื้นที่ทั่วไป นี่ทำให้เจ้ามังกรไม่สามารถทำอะไรซูจิ้งได้
มันได้หันกลับเข้าไปที่โลงแล้วมุดเข้าไปยังอักขระที่มันออกมาเมื่อครู่นี้
“ในโลงนี้มีจิตวิญญาณสัตว์ร้ายอยู่ แถมยังเป็นดวงวิญญาณของมังกรที่ทรงพลังซะด้วย” ซูจิ้งในตอนนี้มีความสุขอย่างมากจนใจเต้นแรงเลยทีเดียว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้สักทีว่าทำไมเขานั้นรู้สึกระแวงโลงนี้แบบสุดๆ และทำไมเจ้าหน้าผีของเขาถึงได้ตายลง ในกรณีมีเพียงอย่างเดียวก็คือ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าผีหน้าจะสูบกลิ่นอายแห่งหยินและไอปีศาจมากไปจนทำให้เจ้าวิญญาณมังกรตัวนี้โกรธ และน่าจะโดนกินไปแล้ว
ก็นั่นล่ะนะ นอกจากเจ้าเงาดำนั่นแล้วจะมีอะไรที่จะต่อการกับวิญญาณมังกรได้กัน