มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1453
พลังที่กระตุ้นออกมาจากค่ายกลปีศาจดำไม่สามารถทำร้ายหลัวซิวได้ ทุกครั้งที่เขาโจมตีจะทำให้ค่ายกลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อพลังที่สะสมอยู่ในค่ายกลหมดลง ค่ายกลก็จะแตกสลายไปเอง
ภายใต้การจ้องมองอย่างสิ้นหวังของเทพฟ้าหลายสิบคนของสำนักปีศาจดำ ค่ายกลปีศาจดำแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ราวกับกระจกที่แตกสลาย กลายเป็นเศษที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
หลังจากทำลายค่ายกล หลัวซิวพลิกฝ่ามือขึ้นไปในอากาศ มือของเขาเหยียดออกราวกับว่ากลายเป็นภูเขาสีเขียวขนาดใหญ่ เรียบง่ายและมีพลัง
“บูม!”
พื้นดินของเมืองฟ้าเยือกทั้งหมดสั่นสะเทือน ในเมืองชั้นใน สำนักใหญ่ของสำนักปีศาจดำซึ่งติดอันดับหนึ่งในสามกองกำลังชั้นนำในเมืองฟ้าเยือก ถูกถล่มราบเรียบ
บรรดานักยุทธ์ที่แต่เดิมรวมตัวกันในสำนักใหญ่สำนักปีศาจดำ ผู้ที่มีผลการฝึกฝนต่ำกว่าเทพฟ้าขั้น 3 ถูกทุบตายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้ฝ่ามือของหลัวซิว แม้ว่าคนที่เหลือจะไม่ตาย แต่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส สีหน้าซีดเซียว
ฝ่ามือนี้ แรงในการควบคุมของหลัวซิวนั้นแม่นยำอย่างยิ่ง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออาคารของกองกำลังอื่นรอบตัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองชั้นนอก เมืองชั้นในสามารถบอกได้ว่าเป็นพื้นที่ราคาแพงมาก ไม่เพียงเพราะพลังดาราที่หนากว่าเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของตัวตนอีกด้วย
ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในเมืองชั้นใน ต่ำที่สุดคือจ้าวนภาหรือสมาชิกของกองกำลังหลักต่างๆ
และพื้นที่ที่สำนักใหญ่ของสำนักปีศาจดำยึดครองนั้นมีขนาดใหญ่มาก หลัวซิวไม่ได้ตั้งใจจะฟุ่มเฟือย
เห็นเพียงเขาโบกมือนำทองเซียนตัวเซียนจำนวนมากออกจากวงแหวนเก็บของ จากนั้นโยนอัคคีเทพออกมาเพื่อกลั่นส่วนผสมทั้งหมด ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตำหนักอัญมณีแห่งเทพมารชิ้นก็สร้างเสร็จเรียบร้อย
ตำหนักแห่งนี้ได้ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสำนักใหญ่สำนักปีศาจดำ หลัวซิวโบกมือและสลักตัวหนังสือไว้ที่หน้าประตูตำหนัก ตำหนักซิวหลัว’!
สำนักใหญ่ถูกทำลาย เป็นเรื่องธรรมดาที่สำนักปีศาจดำถูกลบออกจากเมืองฟ้าเยือก สมาคมจรัสนภา กองกำลังอื่น ๆ อีกมากมายทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กซึ้งแข็งแกร่งเหมือนกับสำนักปีศาจดำต่างก็ตกตะลึงงัน
เพราะไม่มีใครคาดว่าในท้ายที่สุดผลจะเป็นแบบนี้ ผู้ชายที่เพิ่งมาที่เมืองฟ้าเยือกเมื่อไม่นานนี้ เพียงแค่โบกมือก็ได้กวาดล้างสำนักปีศาจดำให้สะอาด?
ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือผู้ชายคนนี้ยังคงครอบครองพื้นที่ของอีกฝ่านอีก สร้างตำหนักใหญ่ด้วยตัวเขาเอง และครอบครองที่ดินผืนใหญ่ในตัวเมืองชั้นใน!
แม้ว่ากองกำลังทุกฝ่ายจะรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระ กระบวนการที่สำนักปีศาจดำที่ถูกทำลายนั้นยังเป็นภาพติดตา ไม่มีใครกล้าที่จะไปหาเรื่องคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ง่ายๆ
นี่คือผลที่หลัวซิวต้องการ เพราะเขารู้ดีว่าในโลกของนักยุทธ์ ง เจ้ายิ่งเก็บตัวทำอะไรเงียบๆ คนอื่นก็จะมาหาเรื่องเจ้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้าม ถ้าเจ้าแสดงพลังแข็งแกร่ง ทำอะไรโดยไม่ปกปิด คนอื่นจะสะพรึงกลัว หวาดกลัวเจ้า และจะไม่กล้ายั่วยวนเจ้า
หลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่ในตำหนักซิวหลัวที่เพิ่งสร้างขึ้น เขารู้ดีว่าการกระทำของเขาจะทำให้ทุกฝ่ายในเมืองฟ้าเยือกเกิดเรื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และในไม่ช้าก็จะมีคนมาหาเขาถึงที่นี่
ตามที่คาดไว้ เวลาไม่นานนัก ร่างๆหนึ่งได้ปรากฏตัวที่ด้านหน้าของตำหนักซิวหลัว “เจิ้นหวางหยู ขอพบสหายยุทธ์”
โครม…
ประตูตำหนักซิวหลัวเปิดออก และนักยุทธ์ชื่อเจิ้นหวางหยูเดินเข้ามา เขาสวมชุดสีเขียว ศีรษะสวมมงกุฏขนนก สไตล์จอมยุทธ์
ผลการฝึกฝนของบุคคลนี้คือจ้าวนภา แล้วยังเป็นจ้าวนภาขั้นสูง หลังจากที่เขาเข้ามาแล้วเห็นหลัวซิว เขาก็กำหมัดคำนับแล้วพูดว่า “ข้าชื่อเจิ้นหวางหยู เคยเห็นสวัดดีสหายยุทธ์”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพนัก ข้าชื่อหลัวซิว” หลัวซิวกำหมัดคำนับกลับไปแต่ก็ไม่ลุกขึ้น
“ความแข็งแกร่งของสหายหลัวนั้นน่าทึ่งนัก ทำลายสำนักปีศาจดำทันทีที่เพิ่งมาถึงเมืองฟ้าเยือก เรียกได้ว่าช่างกล้าหาญและแข็งแกร่งเสียจริง”
เจิ้นหวางหยูกล่าวประจบสอพลออย่างสุภาพก่อน แล้วจึงพูดอย่างเคร่งขรึม “ครั้งนี้ที่ข้ามาเพราะต้องการร่วมมือกับสหายหลัว ในบางเรื่อง”