มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1457
อีกอย่างเมื่อไม่มีจี้เฟิงคอยคุ้มกันรักษา แค่อาศัยพวกจี้ซิวยังไม่สามารถข่มกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ในเมืองได้ แต่ทว่าเนื่องจากปัญหาติดอยู่ที่เจ้าเมืองอย่างจี้เฟิง สุดท้ายสมาคมจรัสนภาจึงเลือกที่จะประนีประนอม ตกลงขุดเหมืองแก้วเทวพร้อมกับตำหนักหลักเมือง
หลัวซิวขมวดคิ้วลงอย่างอดไม่ได้ มีเพียงสมาคมจรัสนภาเดียวก็แล้วไป หากมีผู้คนในตำหนักหลักเมืองเพิ่มเข้ามาอีก เช่นนั้นการที่เขาจะแก่งแย่งทรัพยากรในเหมืองแก้วเทวมาจากมือกองกำลังใหญ่ทั้งสองนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากกว่าเดิม
ตำหนักหลักเมืองจัดเสนอนักค่ายเทพระดับ 6 กำลังทหารรวมไปถึงวัตถุดิบในการจัดวางค่ายกลประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ผลประกอบการหลังการขุดเหมือง สมาคมจรัสนภาจะได้รับหกส่วนและตำหนักหลักเมืองได้รับสี่ส่วน
หากแบ่งแก้วเทวสามส่วนออกมาจากทั้งหกส่วนของสมาคมจรัสนภา สุดท้ายแก้วเทวที่หลัวซิวจะได้รับนั้นก็ไม่ถือว่าเยอะมากนัก
สมาคมจรัสนภาอยากดึงตัวหลัวซิวเข้าพวก ซึ่งจุดประสงค์หลักของพวกเขาคือตั้งป้อมสู้กับตำหนักหลักเมือง ในระหว่างขั้นตอนการขุดเหมืองแก้วเทว ต้องพยายามยึดผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
เมื่อไม่มีสำนักปีศาจดำแล้ว พูดได้เลยว่าสมาคมจรัสนภาเป็นกองกำลังใหญ่ที่เป็นรองเพียงตำหนักหลักเมืองเท่านั้น กองกำลังใหญ่ทั้งสองร่วมมือกัน จัดเตรียมงานทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นกำลังทหารที่รับสมัครมาได้เป็นจำนวนมาก ก็เตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังที่ตั้งของเหมืองแก้วเทว
ผลการฝึกตนของร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งอยู่เพียงเทพมารเท่านั้น แม้จะไม่สามารถสมัครเป็นทหารทำสงคราม แต่กลับสามารถสมัครเป็นกรรมกรในเหมืองแก้วเทว เข้าร่วมฝั่งตำหนักหลักเมือง
หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน เรือรบดาราขนาดใหญ่แต่ละลำก็เริ่มเคลื่อนพลออกไป บินออกจากตำแหน่งที่ตั้งของดาราฟ้าเยือกอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ส่วนลึกของห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ขอบเขต
ตั้งแต่เมืองฟ้าเยือกถูกก่อตั้งมา กองกำลังทั้งหลายในเมืองมักจะยึดผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภา รวมไปถึงผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชาเทพเป็นผู้นำ จัดตั้งขึ้นเป็นกลุ่มผจญภัย สำรวจห้วงดาราที่อยู่บริเวณรอบ ๆ
จากการที่เขตการสำรวจยิ่งอยู่ยิ่งกว้างใหญ่ขึ้น พวกเขาก็วาดแผนท่ีดาวอย่างละเอียดขึ้นมาเช่นกัน ดูจากสารมาตรฐานและเส้นทางที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ดาว ก็จะไม่หลงทางในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ขอบเขตนี่
ปริภูมิของที่นี่แตกต่างจากโลกาดาราต่าง ๆ พลังปริภูมิในจักรวาลร้อนรนมาก ๆ เรือรบกำลังบินอยู่ในห้วงดารา ต้องแบกรับแรงต้านทานที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ รวมไปถึงพลังแห่งการบีบอัดของปริภูมิ ความเร็วยิ่งเร็วเท่าไหร่ พลังแห่งการบีบอัดของปริภูมิก็ยิ่งมากเท่านั้น
การมุ่งหน้าไปขุดเหมืองแก้วเทวในครั้งนี้ ใช้สอยเรือรบดาราทั้งหมดสองลำ แม้จำนวนจะไม่มาก แต่ทว่าเรือรบทั้งสองลำล้วนกลั่นมาจากทองเซียนระดับ 3 ซึ่งมูลค่าเทียบเท่ากับราชาแห่งศัสตราวุธหนึ่งชิ้น
เรือรบทั้งสองลำนี้เรือรบที่ทางตำหนักหลักเมืองจัดเสนอมาให้ จากภูมิฐานของสมาคมจรัสนภา พวกเขายังไม่มีปัญญาเอาสมบัติล้ำค่าระดับนี้ออกมาได้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มองเห็นกำลังทรัพย์ที่มากมายมหาศาลของตำหนักหลักเมืองแล้ว
บนเรือรบมีลายค่ายสลักอยู่เป็นจำนวนมาก เรือรบดาราทั้งสองลำนี้เป็นเรือรบที่ทางตำหนักหลักเมืองใช้ข้อแลกเปลี่ยนที่ราคาสูงลิ่วไปสั่งทำกับกองกำลังใหญ่กองกำลังหนึ่ง ระดับของลายค่ายที่สลักอยู่ด้านบนก็สูงถึงระดับ 7 เช่นกัน ดุจปราสาทเหล็กสองหลังกำลังบินอุตลุดอยู่ในห้วงดารา
หินอุกกาบาตกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาอย่างดุดัน เรือรบไม่มีท่าทีจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย ฝืนพุ่งผ่านไป พุ่งฝ่าเข้าไปในกลุ่มหินอุกกาบาตจนเกิดเป็นเส้นทางหนึ่งเส้น
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หินอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนเข้ากับเกราะป้องกันม่านแสงจนแตกสลายเป็นฝุ่นผง รับรู้ได้ว่าเรือรบใต้เท้ากำลังสั่นเทิ้มและเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาผู้คนจะหายใจคว่ำ สภาพจิตใจเร่าร้อนไม่สงบ
พลานุภาพของเรือรบดาราเกะกะระราน แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีข้อเสียเช่นกัน นั่นก็คือต้องสูญเสียพลังงานในการควบคุมเยอะมาก ค่ายกลและศูนย์กลางพลังที่ใช้ในการควบคุมเรือรบ ต้องเติมพลังโดยการใช้แก้วเทวจำนวนมาก อีกทั้งต้องเป็นแก้วเทวชั้นกลางอีกด้วย
รอดผ่านอยู่ในดาราจักรวาลได้เพียงสามวัน เรือรบทั้งสองลำก็สูญเสียแก้วเทวชั้นกลางรวมกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นแล้ว ซึ่งเท่ากับแก้วเทวชั้นล่างสิบล้านชิ้น!
นี่เป็นจำนวนตัวเลขอันน่าทึ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ มาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าจำนวนมากขายทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองแล้ว ทรัพย์สินที่รวมกันก็ยังมีไม่ถึงจำนวนนี้เลย