ความเร็วในการเคลื่อนที่ของแสงดาวดังกล่าวไม่เร็ว แต่ทว่ามันกลับขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง มันก็กลายเป็นดวงดาวโบราณที่ใหญ่โตมากจนหาที่เปรียบไม่ได้ดวงหนึ่ง
ดวงดาวโบราณดวงนี้ไม่ใช่พลังเงาสะท้อนอีกต่อไป แต่เป็นร่างแท้ของดวงดาว!
พลังออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวมันยิ่งใหญ่มหาศาลมาก บีบรัดจนท้องฟ้าแตกสลายดั่งกระจก เมื่อเปรียบเทียบกับดวงดาวทั้งเจ็ดในเมืองเทวะดาราอุดรแล้ว ดวงดาวในเมืองเทวะดาราอุดร ก็ดูหม่นหมองไปเลย
“โครมตู้ม……”
เสี้ยววินาทีที่พลังโจมตีทั้งสองสัมผัสกัน พลังฝ่ามือสีดำนั่นก็ถูกทำลายล้างไปในชั่วพริบตาเดียว พลังอำนาจของดวงดาวโบราณไม่ลดน้อยลงเลย มันกำลังพุ่งตรงเข้าไปทางจี้เฟิงพร้อมกับพลังฟ้าดินที่มากมายมหาศาล
เสียงที่ต่ำทุ้มดังก้องกังวานขึ้นมา ท้องฟ้าถูกดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพกระแทกจนเกิดเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ จี้เฟิงกระอักเลือด ร่างกายบินลอยออกไป ภายในแววตามีความหวาดผวาปรากฏเล็กน้อย
“นี่มันเป็นไปไม่ได้……นี่มันสมบัติอะไร?”
จี้เฟิงมองดูดวงดาวที่ใหญ่โตมหึมานั่นด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวเล็กน้อย เขาไม่ได้ไม่คุ้นเคยต่อวิธีการโจมตีด้วยดวงดาวเช่นนี้ เมื่อครั้นอยู่ในสถานผนึกดารามรณะ เขาจำได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าสิ่งที่หลัวซิวสามารถใช้สอยได้นั้นเป็นเพียงเงาสะท้อนของดวงดาวเท่านั้น
ทว่าบัดนี้เพิ่งผ่านไปเพียงสามปีสั้น ๆ เขาก็ถึงขั้นสามารถกระตุ้นร่างแท้ของดวงดาวได้แล้วอย่างนั้นหรือ
“หรือว่านี่คืออัญมกุฎเทพ? แต่ทว่าจากระดับผลการฝึกตนของมัน มันจะมีทางกระตุ้นได้อย่างไร?”จี้เฟิงรู้สึกเหลือเชื่อมาก ๆ แต่ความรู้สึกที่มีมากกว่าคือความอับอาย ในฐานะที่เป็นราชาเทพผู้สง่าผ่าเผย ไม่นึกเลยว่าจะถูกผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนเพียงเทพมารโจมตีจนบาดเจ็บ นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง!
“เจ้ามิอาจได้รับการยกโทษ!”
จี้เฟิงตะคอกเสียงดัง เสียงของเขาดังก้องอยู่บนนภาสูง เขาเรียกกระบี่เทพออกมาในกำมือ ก่อนจะง้างมือขึ้นมาแล้วฟาดฟันแสงกระบี่แสงหนึ่งออกไป
แสงกระบี่ดังกล่าวเป็นแสงสีเขียวเข้ม ซึ่งภายในมีพลังกฎธาตุไม้ดั้งเดิมขั้น 4 แฝงซ่อนอยู่
ในเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุไม้เด่นในเรื่องพลังชีวิต ส่วนสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพลังชีวิตก็คือพิษที่รุนแรง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ธาตุไม้จึงมีทั้งความเป็นและความตายสองด้าน
วินาทีนี้กระบี่ที่จี้เฟิงฟาดฟันออกมานั้น มีพิษที่รุนแรงของกฎธาตุไม้แฝงอยู่นั่นเอง ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชาเทพ ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานมันได้
สีหน้าของหลัวซิวขาวซีดเล็กน้อย เขากระตุ้นดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพจนทำให้จี้เฟิงได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนการโจมตีจะรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าในความเป็นจริงมันเป็นเพราะจี้เฟิงไม่ได้เตรียมป้องกัน ดูหมิ่นตนเองมากเกินไป
อีกทั้งการที่เขากระตุ้นหนึ่งครั้งนั้น ทำให้สูญเสียผลการฝึกตนไปครึ่งหนึ่ง หากทำการโจมตีอีกครั้งละก็ ผลการฝึกตนของเขาก็จะแห้งเหือดดุจเนื้อปลาบนเขียง
แต่ทว่าวินาทีนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับกระบี่ที่มีกฎดั้งเดิมขั้น 4 ของราชาเทพ เขาจึงจำเป็นต้องกระตุ้นดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพออกมาต้านทาน
กฎผลการฝึกตนเพียงครึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในร่างกายถูกหลัวซิวกรอกเข้าไปในดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพ ออร่าแสงบนดาราชีวีทั้งเจ็ดดวงในจุดตันเถียนชี่ไห่หม่นหมอง ซึ่งหมายความว่าเวทย์และผลการฝึกตนของเขาแทบจะแห้งเหือดไปหมดแล้ว
ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ยิ่งกว่านั้นคือยังทำให้ร่างกายของเขาเกือบร่วงตกลงมาจากฟ้าอีกด้วย
พลานุภาพของดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพปะทุออกมา ถึงแม้พลังที่ปลดปล่อยออกมาจะมีไม่ถึงหนึ่งในพันก็ตาม ทว่ารัศมีเทพที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวมัน ก็เป็นภาพฉากที่แวววาวจับตาถึงขีดสุดในฟ้าดินผืนนี้แล้วเช่นกัน
แสงดาวทุกแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวมันมีพลานุภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้แฝงซ่อนอยู่ แสงกระบี่ของจี้เฟิงยังไม่ทันได้ประชิดใกล้เข้ามา ก็ถูกแสงดาวอันเจิดจ้าที่ปลดปล่อยออกมาจากดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพทำลายจนดับสูญไปก่อน
ภายในเสี้ยววินาทีเดียว จู่ ๆ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพก็เพิ่มขึ้น พุ่งเข้าไปกระแทกใส่จี้เฟิงอีกครั้งจนดังสะเทือนเลื่อนลั่น
พลังกฎดั้งเดิมขั้น 4 ผนึกรวมกันแล้วระเบิดแตก แต่ทว่าน้ำหนักของดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพนั้นเยอะมาก ๆ พลังที่แฝงซ่อนอยู่ภายใต้การพุ่งชนเกะกะระรานถึงขีดสุด ภายในไม่มีกฎที่ประณีตสวยจิตรหรือพลังอมตะแฝงซ่อนอยู่เลย เพียงอาศัยน้ำหนักที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้ ก็ประกอบเป็นการโจมตีที่เพียงพอที่จะสร้างภัยคุกคามต่อราชาเทพได้แล้ว
พลังที่เกะกะระรานถึงขีดสุดก็สามารถบดขยี้กฎฟ้าดินได้ และนี่ก็เป็นแก่นสารของวิชาหนึ่งพลังถล่มล้าน
เมื่อเห็นว่าร่างกายของจี้เฟิงถูกพลังอันน่ากลัวของดวงดาวโบราณจ้าวมหาเทพกระแทกจนกระอักเลือดและบินลอยออกไป หลัวซิวก็เริ่มรู้แจ้งในเรื่องบางอย่างขึ้นมาอย่างรางเลือน