“ตึก!”
เท้าทั้งสองข้างของหลัวซิวเหยียบย่ำลงบนพื้นวิถีโบราณดารากาล เสี้ยววินาทีที่เขามาถึงแดนปริศนาแห่งนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังออร่าอันแข็งแกร่งทั้งหมดที่ซ่อนเร้นอยู่ในห้วงดาราที่มืดมิดบริเวณรอบ ๆ ในทันที พลังออร่าเหล่านั้นผลุบ ๆ โผล่ ๆ ความรู้สึกอันตรายส่งตรงขึ้นไปถึงจิตใจ
ถัดจากนั้นเงาร่างอีก 14 ร่างที่เหลือก็ต่างพากันร่วงลงบนวิถีโบราณดารากาลเช่นกัน ทุกคนล้วนสามารถสัมผัสได้ถึงลพายุที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงคำรามตรงหน้า บนวิถีโบราณดารากาลเส้นนี้มีโอกาสคงอยู่ แต่ทว่าการที่จะได้รับมันมานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์ที่ผลการฝึกตนล้วนถูกกดอัดลงมาที่แดนเทพมาร ทุกคนจึงไม่กล้าลงมือปฏิบัติการอย่างผลีผลาม แต่เป็นการคุ้นเคยกับพลังที่ลดฮวบลงไปหลายเท่าของตัวเองก่อน
ระยะความต่างระหว่างเทพมารและกึ่งราชาเทพ เปรียบเสมือนความต่างระหว่างผู้ที่บรรลุนิติภาวะและเด็กทารกแรกเกิด จู่ ๆ ผู้บรรลุนิติภาวะคนหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเด็กทารก จึงจำเป็นต้องคุ้นเคยกับพลังที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันให้ได้ก่อน
ในบรรดาผู้คนทั้งหมด มีเพียงผลการฝึกตนของหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกกดอัดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นคือกฎเกณฑ์พิเศษที่กดอัดผลการฝึกตนของเหล่าผู้แข็งแกร่งลงมาถึงแดนเทพมารเช่นนี้นั้น ทำให้เขาได้เปรียบถึงขีดสุด
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจากปราสาทอเวจีก็ย่างเท้าเดินไปข้างหน้า เดิมทีคนดังกล่าวคือกึ่งราชาเทพ แต่ถูกกฎเกณฑ์ในแดนปริศนากดอัดลงมาที่เทพมารขั้นสูง ทว่าพลังออร่าที่ปลดปล่อยออกมาจากรอบกายเขากลับยังสามารถเทียบทัดกับเทพฟ้าขั้นปฐมภูมิที่ค่อนข้างอ่อนได้อยู่เช่นเคย
ถัดจากนั้นยอดฝีมือทั้งหลายที่เหลือก็ต่างกลั้นใจไม่ไหวเช่นกัน ต่างพากันออกเดินทางอย่างพร้อมเพรียงกัน มุ่งหน้าตรงไปยังส่วนลึกของวิถีโบราณดารากาล
ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่มุ่งไปยังโลกะอัมพรเทวนั้น ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดที่เป็นรองเพียงราชาเทพจากกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้า
ศักยภาพของทุกคนไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ถึงแม้จะมีพายุที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่งที่กลายมาจากเศษเสี้ยวพลังออร่าของมกุฎเทพคอยขัดขวาง แต่พวกเขาก็ยังสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้เช่นเคย เพียงแต่ความเร็วในการเคลื่อนที่มีทั้งเร็วและช้า
วินาทีนี้ผู้ที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดก็คือชีซานจากเขามหาเทวะ ผลการฝึกตนของคนดังกล่าวคือกึ่งราชาเทพช่วงปลาย ทว่ารากฐานของคนดังกล่าวนั้นแข็งขันมาก อยู่ในแดนเทพมารขั้นสูงเหมือนกัน ศักยภาพของเขากลับแข็งแกร่งกว่าอีกสิบกว่าคนที่เหลือไม่น้อยเลย เขาจึงครอบครองโอกาสที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้เร็วกว่าคนอื่น
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของชีซานรวดเร็วมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ถึงกับแดงก่ำอย่างรางเลือน
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงระดับอย่างพวกเขานั้น ข่าวลือเรื่องแดนปริศนามกุฎเทพ รวมไปถึงวิถีโบราณดารากาล ไม่ใช่ความลับยิ่งใหญ่แต่อย่างใด
เพราะฉะนั้นชีซานจึงเข้าใจดีมากว่าโอกาสและโชคชะตาที่อยู่บนวิถีโบราณดารากาลเป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่สำคัญต่อตนเองมาก ๆ
เมื่ออยู่ในหมู่คน หลัวซิวไม่ได้แสดงความเร็วที่รวดเร็วที่สุดของตัวเองออกมาแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเขาแค่แอบแฝงอยู่ในหมู่คน ความเร็วถือว่าไม่เร็วและไม่ช้า
ทันใดนั้นเอง รูม่านตาเขาก็หดลง หันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะพบว่ามีเงาดำสองร่างกำลังบินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่รวดเร็วถึงขีดสุด
“มีผู้อื่นด้วยหรือ?”
หลัวซิวตกตะลึง ครั้นเมื่อแดนปริศนามกุฎเทพเปิดออก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้ที่เข้ามามีเพียงทั้ง 15 คนจากกองกำลังใหญ่ทั้งห้าเท่านั้น วินาทีนี้สองคนที่เพิ่มมานี้มาจากที่ใดกัน?
“หลัวซิว ดูซิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีอย่างไร!”
เสียงหัวเราะอันเยือกเย็นที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตที่จะฆ่าสะท้อนมา จากการที่ระยะห่างยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ หลัวซิวมองเห็นเงาดำสองร่างที่ตามมาด้านหลังได้ชัดเจนแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจี้เฟิง!
ข้างกายจี้เฟิงยังมีชายชุดคลุมยาวสีดำอีกคนหนึ่ง คนดังกล่าวกระตุกยิ้มมุมปากอ่อน ๆ พลางกวาดตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรู้สึกสนใจมาก
“สองคนนี้คือผู้ใด?”
ในขณะเดียวกัน ยอดฝีมือจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้าก็สังเกตเห็นทั้งสองคนที่ปรากฏด้านหลังแล้วเช่นกัน พวกเขาต่างพากันมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่รู้สึกสงสัย
“หึ!”
มู่หมิงทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น พลังออร่าที่มากมายมหาศาลพลังหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างเขา ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างเปลี่ยนไปมาก
“เจ้านภาชั้นยอด? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ……”
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่มาจากกองกำลังใหญ่ทั้งห้าล้วนตกตะลึงพรึงเพริด เมื่ออยู่ในแดนปริศนามกุฎเทพ ผลการฝึกตนจะถูกกดอัดลงไประดับเทพมาร ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าคนดังกล่าวจะมีศักยภาพระดับเจ้านภาชั้นยอดอย่างนั้นหรือ?