“ใครกันที่ทำให้เหล่าบรรพจารย์ราชาเทพออกตามหา?” หลัวซิวถามอย่างสงสัย ในใจเดาได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง
“ข้าได้ยินมาว่ากำลังตามหาคนที่ชื่อหลัวซิว ดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะแย่งโอกาสขนาดใหญ่ที่สุดทั้งหมดของโลกาดาราอุดรไป ทำให้เหล่าบรรพจารย์ราชาเทพของกองกำลังหลักทั้งห้าโกรธเคือง”
ทังโหย่วไหลกล่าว มองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบ “ข้าได้ยินมาว่าคนที่ชื่อหลัวซิวไม่ใช่นักยุทธ์ของโลกาดาราอุดร บรรพจารย์คนหนึ่งปราสาทอเวจีได้เสียชีวิตในมือของเขา เรื่องนี้แพร่กระจายเฉพาะในหมู่ห้ากองกำลังหลักเท่านั้น มีคนรู้ไม่มากนัก”
ขณะพูด ทังโหย่วไหลพลิกมือหยิบแผ่นหม้วนยกออกมายื่นให้หลัวซิวพร้อมกล่าวว่า “ม้วนหยกนี้มีลักษณะหน้าตาของหลัวซิวคนนั้น ศิษย์น้องเย่สามารถจำไว้ได้ ถ้ามีโอกาสได้พบคน ๆ นี้ อย่าดำอะไรเด็ดขาด แค่ส่งข่าวให้กองกำลังหลักทั้งห้าก็พอแล้วเจ้าก็จะได้รับรางวัลมากมาย”
ในฐานะที่เป็นคนเกี่ยวข้อง ในใจหลัวซิวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่เขาคาดไม่ถึงว่ากองกำลังหลักทั้งห้าจะดื้อรั้นและตามหาเขามาตลอดสิบปี
“ไม่รู้ว่าหลัวซิวผู้นั้นเป็นใคร แต่คนอย่างนั้นห่างไกลจากเรามาก ข้าพาเจ้าไปเอาชุดและวรยุทธ์ แล้วจัดที่พักอาศัยให้เจ้า
วรยุทธ์ที่ศิษย์นอกสำนักของสำนักไท่ไหลสามารถเรียนได้นั้นไม่ลึกซึ้ง แต่ก็เป็นวรยุทธ์ระดับเทพมาร ซึ่งทำให้ผู้คนสามารถฝึกฝนไปจนถึงเทพมารได้
นอกจากนี้ ศิษย์สายค่ายกลสามารถได้รับม้วนหยกชุดหนึ่ง ซึ่งบันทึกประสบการณ์ของค่ายกล หากสามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ สามารถกลายเป็นนักค่ายเทพระดับ 2 ได้
“ศิษย์ใหม่ทุกคนต้องทดสอบความสามารถของค่ายกล แผ่นหินนี้ค่ายกลสัญลักษณ์นับไม่ถ้วน ตามจำนวนการสื่อสารสัญลักษณ์มาวัดระดับความสามารถค่ายกล ความสามารถยิ่งสูง ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ได้ มีผลดีต่อการพัฒนาในอนาคตของเจ้า”
ในตำหนักแห่งหนึ่ง หลังจากหลัวซิวได้รับม้วนหยกสองอันและชุดเสื้อผ้าแล้ว ทังโหย่วไหลชี้ไปที่แผ่นศิลาหน้าตำหนักพร้อมกล่าว
มีผู้คนมากมายที่นี่ ทั้งหนุ่มสามและคนชรา แผ่นศิลานั้นสูงประมาณสามสิบสามเมตร และมีออร่าจาง ๆ ผู้คนจำนวนมากนั่งขัดสมาธิในบริเวณใกล้เคียงเพื่อสื่อสารค่ายกลสัญลักษณ์ที่บรรจุอยู่ในแผ่นศิลาด้วยตัวสำนัก
ความสามารถค่ายกลไม่ใช่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ นักค่ายกลมีความเข้าใจและทำความเข้าใจถึงความลึกลับของกฎมากขึ้น ขอบเขตและความรู้ของเขากว้างขึ้น ความเข้าใจก็ดีขึ้น ความสามารถค่ายกลก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หลัวซิวเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างจากแผ่นศิลาสิบเมตร ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความจริงจัง ค่ายกลสัญลักษณ์ลายอันพุ่งออกมาจากแผ่นศิลาล้อมนางไว้
จำนวนค่ายกลสัญลักษณ์เหล่านี้มีสามสิบสัญลักษณ์
ฉากนี้ได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ ทันที หญิงสาวผู้นั้นลืมตาขึ้น ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยของนางแสดงความตื่นเต้นยินดีออกมา
“สามารถดึงสัญลักษณ์ได้สามสิบสัญลักษณ์ ความสามารถนี้ก็ค่อนข้างดี หากไม่มีเหตุบังเอิญ ในอนาคตนางมีความเป็นไปได้สูงที่จจะกลายเป็นนักค่ายเทพระดับ 4 ได้ ”
ทังโหย่วไหลซึ่งอยู่ข้างๆ หลัวซิวก็เห็นฉากนี้เช่นกัน ใบหน้ามีความชื่นชมอย่างอยากจะเป็นเหมือนนาง
แม้ว่าสภาพแวดล้อมฟ้าดินของโลกาดาราอุดรจะเหมาะสำหรับการฝึกฝนมากกว่า แต่ก็ไม่ง่ายที่จะฝึกฝนถึงแดนเทพมาร คนส่วนใหญ่ที่แต่เดิมมีพรสวรรค์และโดดเด่นและได้รับความสนใจมาก แต่เนื่องจากความสามารถหรือพรสวรรค์ใช้หมดแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไปและกลายเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
สำหรับแดนเทพมารนั้น สามารถมีตำแหน่งที่ดีในกองกำลังหลักได้
สถานะและตำแหน่งของนักค่ายเทพระดับ 4 สามารถเทียบได้กับเทพห้า อุดมคติและความฝันของศิษย์สายค่ายกลและ ทังโหย่วไหลก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ศิษย์น้องเย่ เจ้าก็ลองด้วย ในการทดสอบครั้งแรกถ้าเจ้าสามารถสื่อสารมากกว่าสิบสัญลักษณ์ก็ถือว่ามีความสามารถที่ไม่เลว” ทังโหย่วไหลพูดกับหลัวซิวที่อยู่ข้างๆเขา