วิถีแห่งค่ายกลก็เป็นเช่นนั้น ต่อให้ฐานะจะสูงส่งมากเพียงใด แต่หากไร้ความสามารถที่จะทำให้คนยอมสยบใต้เท้าได้ ก็จะไม่มีทางได้รับความเคารพอย่างที่ควรจะได้รับ
“เจ้าสำนักน้อย หากต้องการฟังข้าเผยแพร่ก็เชิญหาที่นั่ง ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ หากยังต้องการฟังอยู่ก็จงเงียบเสีย ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกคุณสมบัติ!”
ชายชราชุดขาวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกหลัวซิวว่าเจ้าสำนักน้อย แต่น้ำเสียงนั้นกลับไม่ได้แสดงถึงความเคารพแต่อย่างใด
ว่ากันตามหลัก ฐานะของเจ้าสำนักน้อยอยู่สูงกว่าผู้อาวุโสมาก ชายชราชุดขาวผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่นักค่ายเทพระดับห้า เมื่อพบเขาก็ควรทำความเคารพ
แต่ชายผู้นี้หยิ่งผยองมาก ทำให้หลัวซิวขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเดินมาที่นี่ ก็เพียงเพื่อจะสำรวจไปรอบ ๆ เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะมาฟังบรรยายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปที่ผ่านมา อาจารย์ไท่หยุนได้เผยแพร่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ระดับความสำเร็จของชายชราชุดขาวผู้นี้ ไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมาเผยแพร่ให้เขา
แต่ถึงอย่างนั้น หลัวซิวก็ไม่ได้คิดว่าจะถือสาอีกฝ่ายแต่อย่างใด เขาก็รู้ดีว่าเวลาที่ตนมาที่นี่นั้นช่างแสนสั้น ความอาวุโสค่อนข้างน้อยกว่า มีคนจากสายค่ายกลมากมายที่ยังไม่ยอมรับ
เขาเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ สุ่มที่ว่างมาที่หนึ่งจากนั้นก็นั่งลงด้วยท่าขัดสมาธิ
เมื่อเห็นการกระทำของหลัวซิว ชายชราชุดขาวผู้นั้นก็ส่งเสียงหึออกมา จากนั้นก็เริ่มบรรยายประสบการณ์วิถีแห่งค่ายกลต่อ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ชายชราชุดขาวผู้นี้ยังคงบรรยายต่อไปอย่างต่อเนื่อง ศิษย์ของวิถีแห่งค่ายกลจำนวนมากทั่วทั้งสี่ทิศดื่มด่ำไปกับเนื้อหา มีคนไม่น้อยที่เข้าใจขึ้นมาทันที รู้แจ้งในปัญหามากมายที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ
แต่สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น สิ่งที่ชายชราชุดขาวบรรยายออกมาส่วนมากต่างเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ แม้แต่คำถามที่เห็นอยู่อย่างชัดเจนว่าเป็นปัญหาง่าย ๆ แต่เขากลับพูดจาน้ำท่วมทุ่งอยู่เช่นนั้น ทำให้ปัญหาง่าย ๆ กลายเป็นเรื่องยาก ใช้สิ่งนี้เป็นการโอ้อวดว่าตนมีความรู้
จากนั้นไม่นาน หลัวซิวก็หมดความสนใจ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินออกไป
การกระทำของเขาทางนี้ ถูกสังเกตเห็นโดยชายชราชุดขาวในทันที เดิมทีเขาก็ไม่พอใจกับเจ้าสำนักน้อยที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว ในขณะนี้ เขาพบโอกาสอีกครั้ง มีแสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของเขา
“เย่ห้าวหราน เจ้าจงหยุดอยู่ตรงนั้น!” ชายชราชุดขาวตะโกนเสียงดังทันที แววตาของเขาเผยความก้าวร้าวออกมา
“ข้ากำลังเผยแพร่ เจ้าจะลุกออกไปเฉย ๆ เช่นนี้ หรือว่าวิถีแห่งค่ายกลที่ข้าบรรยายไปนั้นมีที่ใดไม่ถูกต้องหรือ?” นัยน์ตาของชายชราชุดขาวฉายแววดูถูกเหยียดหยามขึ้นบาง ๆ
“ในที่แห่งนี้ ข้าหมายจะอยู่ก็อยู่ หมายจะไปก็ไป หรือเจ้ามีความคิดเห็นอื่นใด?” หลัวซิวขมวดคิ้ว รับรู้ได้ว่าชายชราชุดขาวผู้นี้ดูเหมือนว่ากำลังจงใจหาเรื่องเขาอยู่
“เจ้ามาฟังข้าเผยแพร่ แต่ข้ายังไม่ทันบรรยายจบเจ้าก็ลุกขึ้นจะเดินออกไป ถือเป็นการดูหมิ่นต่อข้า!” ชายชราชุดขาวคำรามเสียงต่ำ
“หากมีสิ่งใดที่ข้าพูดผิดไป เจ้าก็เพียงแค่พูดออกมา แต่หากข้าไม่ได้พูดสิ่งใดผิดไป เช่นนั้นการดูหมิ่นของเจ้าต่อข้า ก็จำเป็นจะต้องชดใช้!” ชายชราชุดขาวเผยรอยยิ้มเย้นหยันที่มุมปาก
คนตรงหน้านี้ก็เป็นแค่เพียงผู้น้อยคนหนึ่ง แต่กลับมีสถานะเป็นเจ้าสำนักน้อยของวิถีแห่งค่ายกล อาศัยโอกาสนี้เหยียบสักครั้ง จะทำให้เขาได้มีชื่อเสียงมากขึ้นในสายค่ายกล
แสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลัวซิว ไอ้แก่นี่ไม่รู้จักชั่วดี ล้ำเส้นเข้ามาทีละก้าว ๆ ต่อให้เขาคร้านจะถือสาอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่ก็มีบางคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง รั้นจะยืนเท้าออกมาแกว่งหาเสี้ยนตลอด
“ข้าคือเจ้าสำนักน้อยแห่งสายค่ายกล ต่อให้เป็นผู้อาวุโสทั้งหกเมื่อพบข้าก็ยังต้องแสดงความเคารพ แล้วเจ้าคิดว่าตนเป็นผู้ใด กล้ามายืนตะโกนไร้สัมมาคารวะต่อหน้าข้า?”
หลัวซิวพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่มีความเข้มงวดอยู่ในน้ำเสียงของเขา
“เฮอะ ข้าเรียกเจ้าว่าเจ้าสำนักน้อยใช่ว่าจะไว้หน้าเจ้า แต่เห็นแค่ความสัมพันธ์ต่ออาจารย์ไท่หยุน กับเจ้าที่เป็นเพียงผู้น้อย ทำความเข้าใจวิถีแห่งค่ายกลยังไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ มีสิทธิ์ใดมาสั่งให้ข้าแสดงความเคารพ?”