หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจจะระเบิดออกมาพร้อมกับพลังไร้ที่สิ้นสุดที่ไหลไปทั่วร่างกาย
ด้านหลังของเขา ปรากฎดาราสีดำ 17 ดวงลอยอยู่ ดาราดวงที่ 17 ได้หลอมรวมไปแล้วราวเก้าในสิบส่วน ยังขาดอีกเพียงเส้นใยสุดท้ายเท่านั้น ก็จะหลอมรวมเป็นรูปร่างอย่างสมบูรณ์แบบ
ผ่านตบะเป็นเวลาสามสิบปีภายในโลกาศุภร ยาและยาเซียนที่เขาได้เตรียมเอาไว้ทั้งหมดต่างถูกใช้ไปจนสิ้น ทำให้แต่เดิมเขามีแก้วเทวหลายหมื่นล้าน แต่ในวันนี้กลับเหลืออยู่สิบล้านชิ้นแล้ว
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ดาราดวงที่ 17 ด้านหลังของเขาในที่สุดก็หลอมรวมเป็นรูปร่าง ดาราทั้ง 17 ดวงสั่นไหว ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสง 17 สาย จมลงสู่แขนซ้ายของเขา และหายไปอย่างสมบูรณ์
วินาทีนี้เอง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น รอบตัวไม่ได้มีออร่าอันทรงพลังถูกปล่อยออกมาแต่อย่างใด ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ออร่าของเขากลับราวกับห้วงเหวลึกจนไม่เห็นก้นเหว เหมือนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หลัวซิวค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออก ภายในแขนซ้ายของเขา ร่างเนื้อดารา 17 ดวงเปล่งประกายแสงนรกสีดำ พลังเวทย์ดารา 18 ดวงที่จุดตันเถียนปลดปล่อยแสงสีทองที่ส่องประกายออกมา
หนึ่งดำ หนึ่งทอง เหมือนกับความสุดยอดทั้งสองชนิด ตอบรับซึ่งกันและกัน ทำให้เขารู้สึกถึงพลังงานมหาศาลและทรงพลังถูกเติมเต็มอยู่ภายใน ร่างกาย ไหลเวียนไปยังทุกส่วนของร่างกาย
“เสียดายที่ยาของข้าใช้หมดเสียแล้ว อีกทั้งความยากลำบากของเปิดใช้งานช่วงหลังของร่างเนื้อดารามาถึงจุดที่อยู่ ๆ ก็ยากขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างเนื้อดาราดวงที่ 18 นี้ หากจะเปิดใช้ อาศัยเพียงแค่ยาเซียนขั้นสูงระดับหกคงจะไม่พอ ต้องหาโอกาสอื่น ๆ ถึงจะได้”
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ดาราดวงที่ 18 คือสัญลักษณ์จุดปราณร่างเนื้อที่บริบูรณ์ในส่วนที่หนึ่ง ความยากจะเพิ่มขึ้นมานั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
นี่คือคอขวดอีกอย่างหนึ่ง ก็เหมือนกับการบรรลุแดนผลการฝึกตน ในตอนนั้นที่อยู่ในแดนปริศนามกุฎเทพ หากไม่ได้ใช้โอสถเวทย์ธรรมที่เต็มไปด้วยพลังงานมหาศาล หากเขาต้องการหลอมรวมเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าดาราดวงที่ 18 ก็จะกลานเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เขายกมือขึ้นโบก ค่ายกลสลายหายไป ร่างลอยขึ้นไปในอากาศ และหายไปในชั่วพริบตา
กลับสู่สำนักไท่ไหลด้วยสถานะของเย่ห้าวหราน หลัวซิวได้รับรู้ถึงข่าวการจากไปของอาจารย์ไท่หยุน เขาตกตะลึงทันทีอยู่ครู่ใหญ่
ระหว่างเขากับอาจารย์ไท่หยุน ว่ากันตามจริงก็ไม่ได้มีความผูกพันลึกซึ้งมากถึงเพียงนั้น ในสามปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายใช้เวลาทั้งหมดเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์วิถีแห่งค่ายกล ดูเหมือนว่าไม่บ่อยนักที่จะมีการพูดคุยในเรื่องส่วนตัว
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจารย์ไท่หยุนถ่ายทอดวิถีแห่งค่ายกลให้เขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันคือการให้แบบหมดหน้าตัก ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ อีกทั้งยังมีซุ๋นหวู่หยาที่โลกเสวียนเทียนอีก ผู้ที่มีความผูกพันลึกซึ้งที่สุดก็คือจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ในก้าวแรกของเขาบนเส้นทางโลกยุทธ์ เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้อย่างมาก
ส่วนซุ๋นหวู่หยาในเวลาต่อมา ก็เป็นแค่เพียงศิษย์อาจารย์ในนามเท่านั้น ระหว่างทั้งสองไม่ได้มีบุญคุณในการถ่ายทอดวิชาใด ๆ ต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันแบบลูกศิษย์กับอาจารย์
หลัวซิวก็พูดไม่ได้ว่าความรู้สึกที่ตนมีต่ออาจารย์ไท่หยุนนั้นเป็นแบบใด เขามาถึงสถานที่ที่อาจารย์ไท่หยุนนั่งเสียชีวิต จากนั้นก็ก้มทำคำนับในฐานะของศิษย์จากใจจริง
“เย่ห้าวหราน!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ตามมาด้วยร่างทั้งสอง ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลัวซิว
นั่นคือผู้อาวุโสทั้งสอง ผลการฝึกตนที่แผ่กระจายบนร่างบ่งบอกว่าเป็นราชาเทพ เป็นอาจารย์สายนักยุทธ์จำนวนเพียงน้อยนิดของของสำนักไท่ไหล
สำนักไท่ไหลก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นกองกำลังระดับราชาเทพ แต่ท่ามกลางห้ากองกำลังใหญ่กลับถือว่าอยู่ชั้นร่างสุดเท่านั้น
จนต่อมาอาจารย์ไท่หยุนได้เปิดสายค่ายกล กองกำลังของสำนักไท่ไหลจึงได้พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด มีการสนับสนุนของสายค่ายกลในด้านค่ายกล ยา และของขลัง สำนักไท่ไหลก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมา มีอาจารย์ราชาเทพสี่ท่าน
วันนี้ไท่หยุนสิ้นแล้ว ก็มีเพียงอาจารย์ราชาเทพแห่งสายนักยุทธ์ทั้งสามท่าน
“ทั้งสองท่านเรียกข้าด้วยเรื่องใดหรือ?”
หลัวซิวหันหลังกลับมาด้วยความเย็นชา จากแววตาของผู้อาวุโสทั้งสองตรงหน้า เขามองเห็นความประสงค์ร้ายในนั้น